ตอนที่ 120 องค์กรลึกลับ

ในขณะที่ซู่เจินกําลังเดินไปบนท้องถนน เขาก็สัมผัสได้ว่ากําลังมีคน ๆ หนึ่งกําลังเดินตามเขามาอย่างช้า ๆ

เซอร์ร่า!

มาตกรที่มีความสามารถในการตัดหัวของผู้มีความสามารถพิเศษและเอาความสามารถของคนที่เขาฆ่ามาเป็นของตัวเองได้

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เซอร์ร่าก็ถือว่าเป็นยอดคนจริง ๆ เพราะเดิมที่เขาเป็นเพียงแค่ช่างซ่อมนาฬิกา แต่ถึงอย่างนั้นเขาไม่ก็ยอมรับในโชคชะตาที่โหดร้ายแบบนี้ ทําให้เขาไล่ฆ่าคนที่มีความสามารถพิเศษคนอื่น ๆ เพียงเพื่อให้เขาแข็งแกร่งขึ้น!

ซึ่งเซอร์ร่าที่มีความสามารถพิเศษมากมายแบบนี้ เขาก็ถือได้ว่าเป็นตัวอันตรายเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังห่างไกลจากซู่เจินอยู่ดี เพราะว่าซู่เจินสามารถสัมผัสถึงตัวตนของเซอร์ร่าได้ ตั้งแต่ที่เขาอยู่บ้านของจัสมินแล้ว และถ้าเกิดว่าเขาไม่ปรากฏตัวที่นั่นเหตุการณ์ต่าง ๆ มันก็คงจะเกิดขึ้นไปตามเดิม และเมื่อเซอร์รารู้ว่าเขาก็มีความสามารถในการกลืนกินความสามารถของคนอื่นได้ ซึ่งมันก็คล้าย ๆ กับความสามารถของเซอร์ร่า ดังนั้นเซอร์จึงรู้สึกสนใจเขาเป็นพิเศษ

ในขณะที่เขาซู่เจินกําลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ เขาก็รีบเดินไปที่ตรอกบริเวณใกล้เคียงที่ไม่มีคนอย่างรวดเร็ว

และเมื่อเซอร์ร่าเห็นว่าซู่เจินเดินเข้าไปในตรอก เขาก็รีบเดินตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ทันใด นั้นเขาก็ต้องตกตะลึงเพราะเมื่อเขาเดินเข้าไปในตรอก เขาก็พบว่า…

มันไม่มีใครอยู่สักคน!

นอกจากนี้ตรอกแห่งนี้ยังเป็นทางตันอีกด้วย

ทําให้เซอร์ร่าที่เดินเข้ามาในตรอก ได้แต่มองไปรอบ ๆ ด้วยความมึนงง และค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

“เขาหายไปไหนแล้ว ?”

“คุณกําลังมองหาผมอยู่ใช่หรือเปล่า ?”

มีเสียงดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ทําให้เซอร์ร่าหันกลับมาพร้อมกับมองไปที่ซู่เจินที่กําลังยืนพิงกําแพงอยู่ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ซึ่งเซอร์ราก็รู้สึกประหลาดใจเหล็กน้อยที่ซู่เจินมาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเขาได้อย่างไร ? แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนก หลังจากที่เขาเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ยิ้มขึ้นมาและพูดว่า “สวัสดี ฉันชื่อโมฮินเด้ ฉันเป็นศาสตราจารย์ด้านพันธุศาสตร์อยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และฉันก็สนใจคุณมาสักพักหนึ่งแล้ว เพราะว่าคุณเป็นคนที่ค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นฉันขอคุยกับคุณสักครู่หนึ่งได้ไหม?”

“โมฮันเด้ ?” ซู่เจินมองไปที่เซอร์ร่าพร้อมกับถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ถ้าผมจําไม่ผิดศาสตราจารย์โมฮันเด้เป็นคนอินเดียไม่ใช่หรอ ? และหน้าตาของคุณก็ไม่ได้เหมือนกับเขาเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นผมเพิ่งจะมาถึงที่นี่เป็นวันแรก แต่คุณกลับบอกมาว่าคุณสนใจเกี่ยวกับตัวผมมานานมากแล้ว หรือว่ามันจะเริ่มตั้งแต่ที่บ้านของจัสมินกันแน่นะ ? ใช่ไหม … เซอร์ร่า!”

การแสดงออกของเซอร์ร่าเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อในทันที และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยว่า “ฉันไม่คิดว่าคุณจะรู้จักฉันด้วย ? แถมคุณยังรู้อีกว่าฉันติดตามคุณมานานมากแล้ว คุณตั้งใจทําแบบนี้ขึ้นมาอย่างงั้นหรอ ?”

“ได้เมื่อคุณอยากได้ความสามารถของผม งั้นผมก็ขอพูดกับคุณตามตรงเลยก็แล้วกัน … ผมก็อยากได้ความสามารถของคุณเหมือนกัน ดังนั้น เรามาต่อสู้กันดีกว่าเพื่อที่จะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่จะได้ความสามารถนี้ไป” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

เซอร์ร่ายิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “น่าสนใจมากเลยทีเดียว ความสามารถของคุณ … ฉันจะแย่งชิงมันมาซะ!”

เซอร์ร่ายกมือของเขาขึ้นมาพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หัวของซู่เจิน และค่อย ๆ ยกยิ้มขึ้นมาด้วยความมั่นใจ

ทันใดนั้นซู่เจินก็รู้สึกเจ็บเล็กน้อยที่หน้าผากของเขา พร้อมกับคราบเลือกที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาอย่างช้า ๆ แต่หลังจากนั้นไม่นาน บาดแผลมันก็หายเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

“หืม ? คุณมีความสามารถในการรักษาตัวเองด้วยอย่างงั้นหรอ ?”

เซอร์ร่าพูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

“จบแล้วใช่ไหม ? งั้นต่อไปตาผมบ้าง”

ซู่เจินยังไม่ได้ขยับอะไร แต่ทันใดนั้นเซอร์ร่าก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาขยับไม่ได้ และร่างของเขาก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นพร้อมกับบินไปหาซู่เจินอย่างรวดเร็ว

” พลังจิต ?” เซอร์ร่าตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเขาก็ไม่คิดว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะมีความสามารถมากมายขนาดนี้ แถมพลังจิตของเขายังแข็งแกร่งมากอีกด้วย

ซึ่งเซอร์ร่าก็พยายามที่จะกระตุ้นพลังจิตของเขา โดยการที่เขาจะเอาถังขยะที่อยู่ข้าง ๆ พุ่งเข้าใส่ซู่เจิน

แต่ในขณะที่ถังขยะกําลังจะลอยขึ้น มันก็ถูกซู่เจินใช้พลังจิตควบคุมให้มันกลับไปที่เดิมอย่างรวดเร็ว และไม่ว่าเซอร์ร่าจะพยายามขยับมันมากเท่าไหร่ มันก็ไม่ขยับเลยสักนิด

และเมื่อเซอร์ร่าถูกลากมาอยู่ข้างหน้าของเขา ซู่เจินก็หัวเราะขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับพูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณจะไม่มีทางหนีแล้วนะ ถ้างั้น … ผมขอเอาความสามารถของคุณไปล่ะ” หลังจากพูดจบซู่เจินก็ค่อย ๆ ยื่นมือของเขาออกไป แต่ทันใดนั้น

“ปุ!”

ทันใดนั้นก็มีเสียงอะไรบางอย่างเบา ๆ ดังขึ้นมา ทําให้ซู่เจินรู้สึกเสียวซ่านบริเวณต้นคอของเขาเล็กน้อย ราวกับว่ามีอะไรบางแทงเข้ามา ทําให้เขาค่อย ๆ หันไปมองด้านหลังและพบกับเบนเน็ตต์ที่กําลังยืนอยู่ ทันใดนั้นความง่วงมันก็เริ่มถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“ยาสลบ ?”

ซู่เจินครุ่นคิดขึ้นมาเงียบ ๆ ภายในจิตใจ หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยเซอร์ราลงกับพื้น

หลังจากที่เซอร์ร่าเป็นอิสระ เขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินหันหลังวิ่งหนีไป

แทนที่เบนเน็ตต์จะไล่ตามเซอร์ร่าไป แต่เขากับจ้องมองไปที่ซู่เจินที่กําลังนอนหมดสติอยู่บนพื้น หลังจากนั้นเขาก็ทําสัญญาณมืออะไรบางอย่างไปทางด้านหลังของเขา หลังจากนั้น ไม่นานก็มีชายผิวสีคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับอุ้มตัวของซู่เจินขึ้นมาและนําร่างของเขาเอาไปไว้ในรถ!

หลังจากนั้นรถก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขากําลังไปที่ไหน

และถึงแม้ว่าสภาพของซู่เจินในตอนนี้จะดูเหมือนหมดสติ แต่จริง ๆ แล้วเขาก็แค่แกล้งทําเท่านั้น เพราะว่าตอนนี้เขามีสติสัมปชัญญะอยู่ครบถ้วน

เพราะถึงยังไงยาสลบก็ไม่ค่อยจะมีผลอะไรกับเขามากนัก ถึงแม้ว่าตอนแรก ๆ เขาจะรู้สึกง่วงเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นไม่นานความรู้สึกแบบนั้นมันก็ค่อย ๆ หายไป ส่วนเหตุผลที่ว่าทําไมเขาถึงต้องแกล้งทําแบบนี้ก็เพราะว่า เขาเพิ่งจะกลืนกินความสามารถไปสามความสามารถ และถ้าหากเขากลืนกินความสามารถของเซอร์ร่าขึ้นไปอีก มันอาจจะทําให้เขาควบคุมสติของตัวเองไม่อยู่ก็ได้ บวกกับการที่ความสามารถของเซอร์ร่ามันคงจะไม่ง่ายสําหรับการกลืนกินอย่างแน่นอน

และมันก็ยังมีเรื่องบังเอิญที่เบนเน็ตต์มาอยู่ที่นี่พอดิบพอดี

ซึ่งซู่เจินก็กําลังจะหาทางไปที่องค์กรของเบนเน็ตต์อยู่พอดี หลังจากนั้นเขาก็จะใช้ประโยชน์จากองค์นั้นเล็ก ๆ น้อย ๆ

ส่วนเรื่องของเซอร์ร่า มันก็ไม่ใช่เรื่องยากนักในการที่จะตามหาตัวของเขา ดังนั้นซู่เจินก็เลย ปล่อยให้เขาหนีไปก่อน และค่อยไปตามจัดการเอาทีหลัง

หลังจากนั้นไม่นานซู่เจินก็ถูกพาตัวมายังองค์กรของเบนเน็ตต์

พร้อมกับพาตัวของซู่เจินไปยังห้องวิจัยในทันที เพื่อทําการวิจัยเกี่ยวกับความสามารถของเขา

“ผมไม่คิดว่า … คุณจะปฏิบัติต่อคนที่เคยช่วยเหลือคุณด้วยวิธีแบบนี้เลยนะ ?”

หลังจากที่ล็อคร่างของซู่เจินเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่พวกเขากําลังจะเริ่มการทดสอบนั้น จู่ ๆ ซู่เจินก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับหันไปถามกับเบนเน็ตต์

เบนเน็ตต์พูดขึ้นมาด้วยความเรียบเฉยว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราไม่ได้มีเจตนาที่จะทําร้ายคุณ พวกเราก็แค่อยากจะทดสอบอะไรเกี่ยวกับตัวของคุณเล็กน้อย หลังจากนั้นพวกเราก็จะปล่อยตัวของคุณไป”

“จริงหรอ ? ผมกลัวว่าพวกคุณจะเอาไวรัสอะไรบางอย่างฉีดเข้าไปในร่างของกายของผมเพื่อที่พวกคุณจะสามารถตามหาตัวของผมได้ และก่อนที่พวกคุณจะปล่อยตัวของผมไป พวกคุณก็คงจะลบความทรงจําของผมทิ้งไปก่อนใช่ไหม ?” ซู่เจินพูดขึ้นมาและค่อย ๆ มองไปยังชายผิวสีทํากําลังยืนอยู่ข้าง ๆ เขา

เขาเป็นชาวเฮติ

และความสามารถของผู้ชายคนนี้ก็น่าสนใจมากเลยทีเดียว เพราะว่าเขาคนนี้มีความสามารถอยู่ตั้งสองอันภายในร่างกายของเขา

ความสามารถในการปิดกั้นความสามารถพิเศษของคนอื่น ๆ ได้ ช่างเป็นความสามารถที่น่าสะพรึงกลัวซะจริง ๆ

ส่วนอีกความสามารถหนึ่งของเขาก็คือ การลบความทรงจํา

ซึ่งซู่เจินก็รู้สึกได้ว่าเขาก็ได้รับผลกระทบจากมันเช่นกัน ชายชาวเฮติคนนี้ช่างเป็นคนที่มีความสามารถจริง ๆ !

“ดูเหมือนว่าคุณจะรู้เยอะเหมือนกัน ? แต่แล้วยังไงล่ะ ? เพราะถึงยังไงเดี๋ยวคุณก็จํามันไม่ได้อยู่ดี!” เบนเน็ตต์พูดขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับสั่งให้คนของเขาเริ่มเตรียมการ หลังจากนั้นเขาก็พูดว่า “อย่าพยายามขัดขืน เพราะว่าเขามีความสามารถในการปิดกั้นความสามารถของคุณได้ ดังนั้น คุณควรที่จะให้ความร่วมมือกับพวกเราโดยดีจะดีกว่า จริงไหม?”

” จริงไหม ?”

เมื่อเห็นท่าทางที่มั่นใจของเบนเน็ตต์ ปากของซู่เจินก็ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้น ร่างกายของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงในทันที ทําให้สิ่งที่ล็อคร่างกายของเขาเอาไว้มันเริ่มละลายไปจนหมด

หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นมาอย่างช้า ๆ และค่อย ๆ ร่อนลงกับพื้น

ทันใดนั้นเปลวเพลิงที่ปกคลุมร่างกายของซูเงินมันก็หายไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมองไปเบนเน็ตต์ทํากําลังท่าทางประหลาดใจและตื่นตระหนกเล็กน้อย ในขณะเดียวกันเบนเน็ตต์ก็หันไปมองที่ชาวเฮติคนนั้น ทําให้ชาวเฮติคนนั้นได้แต่ยักไหล่ขึ้นมาเบา ๆ และพูดว่า “ดูเหมือนว่าความสามารถของฉัน มันจะไม่สามารถปิดกั้นความสามารถของเขาได้…”

“ นี่…มันเป็นไปไม่ได้!”

หลังจากนั้นเบนเน็ตต์ก็รีบหยิบปืนยิงยาสลบขึ้นมา เพื่อเตรียมที่จะวางยาสลบซู่เจินอีกครั้งหน้า

ซู่เจินกํามือของเขาเบา ๆ ทันใดนั้นก็มีกลุ่มก้อนเปลวเพลิงปรากฏขึ้นมา ทําให้ปืนของ เบนเน็ตต์เกิดระเบิดขึ้นมาในทันที แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ทําให้มือของเบนเน็ตต์บาดเจ็บมากนัก