ตอนที่ 121 อ่านใจ

เบนเน็ตต์โบกมือของเขาด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อยพร้อมกับมองไปที่ซู่เจินด้วยความไม่อยากเชื่อ เพราะว่าความสามารถของชาวเฮติคนนี้ไม่เคยผิดพลาดมาก่อน แล้วทําไมมันถึงใช้ไม่ได้ผลกับซู่เจิน ?

ทําให้เบนเน็ตต์ในตอนนี้รีบหันหลังวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ทันใดนั้นซู่เจินก็โบกมือของเขาขึ้นมาเบา ๆ ทําให้ประตูของห้องวิจัยมันปิดลงอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นร่างของซู่เจินก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และไม่นานหลังจากนั้นคนที่อยู่ภายในห้องวิจัยก็ค่อย ๆ ล้มลงกับพื้นและหมดสติไป

หลังจากจัดการพวกเขาเสร็จหมดแล้ว ความสามารถในการปิดกั้นความสามารถของชาวเฮติก็ค่อย ๆ หายไป

ซึ่งอันที่จริงแล้วความสามารถของชาวเฮติคนนี้มันไม่ได้ล้มเหลว แต่มันก็แค่แสดง ประสิทธิภาพได้ไม่เต็มที่เท่านั้น เนื่องจากความต่างของความแข็งแกร่งของความสามารถมันไม่เหมือนกัน ดังนั้น พลังจิต , การแช่แข็ง , และความสามารถอื่น ๆ ของซู่เจินจึงไม่สามารถใช้งานได้ แต่ถึงอย่างนั้นความสามารถของ คนพลังไฟ หรือ ความสามารถของจอห์นนี่มันก็แข็งแกร่งมากเกินไป มากกว่ากว่าที่ชาวเฮติคนนั้นจะสามารถปิดกั้นได้ ทําให้ซู่เจินสามารถใช้ความสามารถนี้ได้นั่นเอง

และเขาก็ต้องการความสามารถของชาวเฮติคนนี้

ซู่เจินมองไปที่ชาวเฮติพร้อมกับค่อย ๆ ใช้ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงความทรง จําของชายคนนี้ ซึ่งมันก็คล้าย ๆ กับการที่เขาเปลี่ยนความทรงจําของคีร่า เพราะว่าตอนนี้เขายังไม่สามารถกลืนกินความสามารถของชายคนนี้ได้ ทําให้เขาได้แต่เพียงพาตัวของชายคนนี้มาอยู่ใกล้ ๆ เขาเอาไว้ หลังจากนั้นเขาก็ค่อยกลืนกินความสามารถของชายคนนี้หลังจากที่ร่างกายของเขามันปรับสภาพร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว

หลังจากที่เปลี่ยนแปลงความทรงจําเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซู่เจินก็ปลุกชาวเฮติขึ้นมา พร้อมกับสั่งให้เขาลบความทรงจําของคนที่อยู่ที่นี้ให้หมด โดยที่เว้นเบนเน็ตต์เอาไว้ เพราะว่าซู่เจินจะเป็นคนที่ควบคุมเบนเน็ตต์ด้วยตัวของเขาเอง

” พาผมไปเดินดูรอบ ๆ หน่อยซิ!”

ซู่เจินหันไปพูดกับเบนเน็ตต์ หลังจากนั้นเบนเน็ตต์ก็เดินนําไป โดยที่มีซู่เจินและชาวเฮติเดินตามหลังไปอย่างเงียบ ๆ

หลังจากที่พวกเขาเดินไปได้สักพัก ซู่เจินก็พบว่าที่นี่มีคนที่มีความสามารถพิเศษอยู่คนหนึ่ง ซึ่งเขาก็เพิ่งจะถูกจบตัวมาที่นี่และเตรียมที่จะนําตัวของเขาไปทําการวิจัย

และเมื่อซู่เจินเห็นว่าเขาคนนี้คือใคร ซู่เจินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุข

เขาเป็นชายร่างท้วมที่มาพร้อมกับหน้าตาที่จริงจัง เขามีชื่อว่าแมตต์ เป็นตํารวจที่มีความสามารถในการอ่านใจ

ซึ่งถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของจัสมิน หลังจากที่เซอร์ร่าฆ่าพ่อแม่ของจัสมินเสร็จเรียบร้อยแล้ว แมตต์คนนี้ก็จะเข้ามารับผิดชอบคดีนี้ด้วยตัวของเขาเอง พร้อมกับเจอจัสมินที่กําลังหลบซ่อนอยู่ และเขาก็สงสัยว่าจัสมินก็คือเซอร์ร่า ทําให้เขาได้โทรไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ FBI โดยไม่ได้ตั้งใจ และการที่เขามีความสามารถในการอ่านใจบวกกับการที่เขาเป็นเจ้าหน้าที่ในการสืบสวน มันช่างเป็นความสามารถที่เข้ากับตัวของเขาจริง ๆ เพราะว่าเขาสามารถรู้ได้ว่าคนอื่นกําลังคิดอะไรอยู่ ทําให้มันสะดวกในการที่เขาจะสอบปากคําคนร้ายได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงอย่างงั้นมันก็น่าเสียดายเพราะว่าหลังจากที่เขารู้ว่าภรรยาของเขาแอบไปมีชู้ เขาก็ไม่ได้ใช้ความสามารถนี้ออกมาอีกเลย

“ไปจัดเตรียมห้องไว้ให้ผมพักผ่อนหนึ่งห้อง”

ซึ่งซู่เจินก็จะพักอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งคืน หลังจากนั้นพรุ่งนี้เขาก็จะกลืนกินความสามารถของแมตต์

เบนเน็ตต์รีบไปจัดห้องให้กับซู่เจินอย่างรวดเร็ว ซึ่งซู่เจินก็ให้เบนเน็ตต์ย้ายไปนอนที่อื่น ส่วนชาวเฮติซู่เจินจะให้อยู่ใกล้ ๆ เขาเอาไว้ เพราะว่าเขาต้องการทดสอบว่าความสามารถในการปิดกั้นความสามารถของชาวเฮติคนนี้มันจะไปได้ไกลแค่ไหน!

เวลาช่วงค่ําคืนผ่านไปอย่างเงียบ ๆ หลังจากนั้นไม่นานพระอาทิตย์ก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นมาบนฟ้า พร้อมกับวันใหม่ที่มาถึง

หลังจากที่ซู่เจินตื่นขึ้นมาเขาก็พบว่าร่างกายของเขาในตอนนี้อยู่ในสภาพที่ดีมาก เพราะว่าตอนนี้เขาได้หลอมรวมเข้ากับความสามารถในการแช่แข็ง และความสามารถในการหาตําแหน่งหรือ GPS ได้เรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นซู่เจินก็สั่งให้ชาวเฮติใช้ความสามารถในการปิดกั้นของเขา หลังจากนั้นซู่เจินก็ลองใช้ความสามารถในการแช่แข็งของเขาขึ้นมาทันที แต่ผลลัพธ์มันก็ยังคงล้มเหลวโดยสิ้นเชิง!

เพราะว่ามันมีแค่เกล็ดน้ําแข็งจาง ๆ เท่านั้นที่ปรากฏขึ้นมาบนมือของซู่เจิน แต่ถึงยังไงมันก็ดีกว่าของเมื่อวานมาก เพราะว่าเมื่อวานเขาไม่สามารถใช้ความสามารถนี้ออกมาได้เลย ดังนั้นครั้งนี้ก็ถือว่ามันพัฒนาขึ้นมานิดหน่อย

เมื่อซู่เจินเดินออกมานอกห้อง เขาก็รีบมุ่งหน้าไปหาแมตต์ทันที

และเมื่อแมตต์เห็นว่าซู่เจินและชาวเฮติเข้ามาหาเขาอย่างกะทันหัน แมตต์ก็รีบตะโกนขึ้นมาในทันทีเลยว่า ” พวกคุณเป็นใคร !? จับฉันมาที่นี่ทําไม !? ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ! ฉันเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจ!”

“ไม่ต้องกังวล เพราะอีกเดี๋ยวผมจะปล่อยตัวของคุณไปอย่างแน่นอน! แต่ก่อนหน้านั้น .. ผมจะต้องทําอะไรกับคุณสักสองสามอย่างก่อน!” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“พวกคุณจะทําอะไรกับฉัน ?”

“มันง่ายมาก คุณสามารถอ่านใจของคนอื่นได้ใช่ไหม ? งั้นคุณก็ลองอ่านใจของผมดู” ซู่เจินมองไปที่ชาวเฮติเล็กน้อย หลังจากนั้นชาวเฮติก็รีบหยุดใช้ความสามารถในการปิดกันความสามารถขึ้นเขาในทันที

แมตต์จ้องมองไปที่ซู่เจินพร้อมกับค่อย ๆ เอียงหูของเขา หลังจากผ่านไปสักครู่หนึ่ง เขาก็ส่ายหัวขึ้นมาเบา ๆ และพูดว่า “ไม่ได้… ฉันไม่สามารถอ่านใจของคุณได้ มันเหมือนกับว่ากําลังมีอะไรบางอย่างกําลังปิดกั้นอยู่”

“แล้วตอนนี้ล่ะ ?” ซู่เจินถามขึ้นมาอีกครั้ง

แมตต์เงียบไปครู่หนึ่งและค่อย ๆ พูดขึ้นมาว่า “คุณต้องการกลืนกินความสามารถของฉันอย่างงั้นหรอ ?”

“ดูเหมือนว่าสิ่งที่ขัดขวางการอ่านใจของคุณมันจะเป็นเพราะแหวนของผม กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือการอ่านใจของคุณมันไม่สามารถใช้ได้กับคนที่มีพลังจิต เว้นแต่ว่าพวกเขาจะไม่ได้ป้องกันมันเอาไว้ ซึ่งความสามารถนี้ของคุณก็ถือว่าดีมากเลยทีเดียว! ”

ซู่เจินไม่ได้สนใจเกี่ยวกับตัวของแมตต์มากนัก และเขาก็ยังไม่กลัวด้วยว่าแมตต์จะรู้ความลับของเขา

“ในเมื่อคุณรู้ทุกอย่างหมดแล้ว ดังนั้นผมจะกลืนกินความสามารถของคุณเลยก็แล้วกัน!”

ซู่เจินยิ้มให้กับแมตต์เล็กน้อย ซึ่งในตอนแรกแมตต์ก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่หลังจากนั้น ไม่นานเขาก็ค่อย ๆ สงบลง หลังจากที่เขารู้สิ่งที่ซู่เจินกําลังคิดอยู่ทั้งหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าสิ่งที่ซู่เจินพูดขึ้นมาล้วนเป็นความจริง และมันก็จะไม่มีอันตรายอะไรอย่างแน่นอน เพราะหลังจากที่ซู่เจินกลืนความสามารถของเขาจนเสร็จ ซู่เจินก็จะลบความทรงจําและปล่อยตัวของเขาออกไปจากที่นี่

ทําให้แมตต์ในตอนนี้เลิกต่อต้านซู่เจิน และซู่เจินก็สามารถกลืนกินความสามารถของเขามาได้อย่างง่ายดาย

หลังจากที่ซู่เจินกลืนกินความสามารถของแมตต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ลบความทรงจําของแมตต์ทิ้งไปได้อย่างง่ายดาย

เพราะไม่ใช่แค่ชาวเฮติเท่านั้นที่มีความสามารถในการลบหรือเปลี่ยนแปลงความทรงจําได้

เมื่อได้รับความสามารถของแมตต์มาเรียบร้อยแล้ว ซู่เจินก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป ดังนั้นเขาก็เลยสั่งให้ชาวเฮติพาแมตต์เดินออกไปพร้อมกับเขา และหลังจากที่พวกเขาเดินออกมาจากองค์กรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็สั่งให้ชาวเฮติวางร่างของแมตต์เอาไว้บริเวณแถวนี้ พร้อมกับเดินจากไปทันที โดยที่มีชาวเฮติที่กําลังเดินตามหลังของซู่เจินอยู่ไม่ห่าง ซึ่งซู่เจินกะว่าจะพาชาวเฮติคนนี้ไปกับเขาก่อน ซึ่งซู่เจินก็จะกลืนกินความสามารถของชาวเฮติคนนี้ก่อนที่เขาจะออกจากดันเจี้ยน

เมื่อซู่เจินกลับมาถึงเมือง เขาก็สั่งให้ชาวเฮติออกไปซื้ออาหารมาให้ ส่วนเขาก็นั่งรออยู่ในรถ พร้อมกับดูไปที่แผนที่เพื่อตามหาตัวของเซอรร์ร่า แต่ในขณะที่เขากําลังจะใช้ความสามารถ ทันใดนั้นก็มีคนมาเคาะที่กระจกรถของเขาเบา ๆ

และเมื่อซู่เจินหันไป เขาก็พบว่าเขากําลังมีคน ๆ หนึ่งกําลังยืนอยู่ด้านนอกหน้าต่างของตัวรถ

เด็กผู้หญิงผมสีบลอนด์ที่กําลังยืนอมยิ้มอยู่

ซู่เจินเอากระจกลงพร้อมกับถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “แคลร์ คุณมาที่นี่ทําไม ? ไม่ใช่ว่าตอนนี้คุณควรที่จะอยู่ในโรงเรียนไม่ใช่หรอ?”

“ฉันมาที่โรงแรมเพื่อตามหาคุณ … แต่เจ้าของโรงแรมกับบอกว่าคุณไม่ได้อยู่ที่นี่ ซึ่งฉันก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมาเจอกับคุณโดยบังเอิญแบบนี้!” แคลร์พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“เยี่ยม ฉันคิดว่าจะไม่ได้เจอคุณอีกแล้วซะอีก!”

มีเสียงสองสายดังขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ทําให้ซู่เจินรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะตระหนักได้ว่าเสียงที่ได้ยินอีกเสียงหนึ่งมันน่าจะเป็นเสียงที่มาจากความสามารถในการอ่านใจของเขา

“คุณกังวลว่าจะไม่ได้เจอผมอีกแล้วอย่างงั้นหรอ ?” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

แคลร์ลิ่งไปครู่หนึ่ง เพราะเธอก็ไม่คิดว่าซู่เจินจะเดาออกว่าเธอกําลังคิดอะไรอยู่ ทําให้เธอรีบอธิบายขึ้นมาว่า “ฉันพยายามอธิบายเกี่ยวกับคุณให้กับพ่อฟังแล้ว แต่เขาก็ไม่เชื่อแถมยังบอกให้ฉันอยู่ห่าง ๆ คุณเอาไว้อีก แต่ถึงอย่างงั้นคุณก็คือผู้มีพระคุณของฉัน ดังนั้นฉันจึงอยากที่จะแสดงความขอบคุณกับคุณเป็นการส่วนตัว คุณ … คุณพอจะมีเวลาว่างไหม ? ฉันอยากเชิญคุณไปทานอาหารเย็นด้วยกันกับฉัน!”

“ตอบตกลงสิ ได้โปรด… ตอบตกลงเถอะนะ!”

เมื่อเห็นแคลร์ที่กําลังตั้งตารออย่างประหม่า ในขณะเดียวกันซู่เจินก็รู้ในสิ่งที่เธอกําลังคิดอยู่เช่นกัน ทําให้เขายิ้มขึ้นมาและพูดว่า “ได้สิ แต่ว่า …. ผมจะเป็นคนเชิญคุณไปทานอาหารเย็นเอง!”