บทที่ 48 ปิดกั้นถนน

คราวนี้ไม่ใช่แค่สองแม่ลูกคู่นั้นหากยังรวมไปถึงผู้คนในหมู่บ้านเฉาเจียที่ได้กลายเป็นคนชั่วร้ายไปกันหมดทั้งหมู่บ้าน เดิมทีถนนจากหมู่บ้านลี่เจียไปยังตัวเมืองจะต้องผ่านหมู่บ้านเฉาเจียก่อน สองหมู่บ้านนี้ใช้ถนนเส้นเดียวกัน

แต่มาวันนี้หมู่บ้านเฉาเจียได้ขุดหลุมขนาดใหญ่ระหว่างถนนของสองหมู่บ้าน แล้วนำเอามูลวัวมาถมจนสูงขึ้น เพื่อไม่ให้คนของหมู่บ้านลี่เจียผ่านไปได้

ชาวหมู่บ้านเฉาเจียเป็นอันธพาลชอบรวมกลุ่มทำแต่เรื่องชั่วร้าย จนหมู่บ้านใกล้เคียงต่างพากันกลัว และไม่กล้ามีเรื่องกับพวกเขา

“ถนนเข้าเมืองถูกขวางแบบนี้จะทำอย่างไร?”

“ข้าเข้าเมืองไม่ได้แล้วจะไปขายของได้อย่างไร?”

“ใช่ ข้าเองก็ไปขายสัตว์ที่ล่ามาไม่ได้เช่นกัน “

หัวหน้าหมู่บ้านมีชื่อว่าหลี่ฟู่กุ้ยพาชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเดินทางไปที่โรงงานผลิตถุงหอม และพูดกับคนอื่นระหว่างเดินว่า

“ปัญหาครั้งนี้เกิดจากครอบครัวของเกาฉุยหง มาดูกันว่านางจะรับผิดชอบเรื่องนี้ได้อย่างไร?”

“เกาฉุยหง! หลันฮวา! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” หลี่ฟู่กุ้ยตะโกนเรียกพวกนางอยู่ที่หน้าประตู ป้าเกาและหลันฮวาที่ได้ยินจึงเดินออกมา ป้าเกามองดูกลุ่มคนที่มายืนเรียกนางอย่างประหลาดใจ

“หัวหน้าหมู่บ้าน เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

“หมู่บ้านเฉาเจียกล่าวหาว่าคนจากหมู่บ้านเรา ไปทุบตีคนของหมู่บ้านเขา ทำให้พวกเขาไม่ให้เราผ่านเข้าเมือง” หลี่ฟู่กุ้ยกล่าว

“พวกเขาทำได้อย่างไร? เฉาเสี่ยวกุ้ยรังแกหลานสาวข้าแท้ ๆ แล้วเหตุใดพวกเขาต้องหาเรื่องเรา ไม่ให้พวกเราใช้ถนน? ถนนเส้นนี้ทั้งหมู่บ้านเราและหมู่บ้านเฉาเจียช่วยกันสร้างขึ้นมา เหตุใดพวกเราถึงจะใช้มันไม่ได้?” ป้าเกาพูดยืดยาว

ชาวบ้านบางคนคิดตามและรู้สึกเหมือนที่ป้าเกาพูด พวกเขาต้องการที่จะไปสะสางที่หมู่บ้านเฉาเจีย แต่ถูกหัวหน้าหมู่บ้านห้ามไว้

“หากทำเช่นนั้น พวกเจ้าจะได้รับบาดเจ็บอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิหากไม่สามารถทำไร่ไถนาได้ เราจะมิอดตายหรือ?”

ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านพูดจบ พวกเขาก็เริ่มลังเล

“เฉาเสี่ยวกุ้ยเป็นคนผิดก็จริงอยู่ แต่หลานสาวเจ้ายังไม่ได้เป็นอะไร เจ้าไม่จำเป็นต้องตีใครจนพิการ” หลี่ฟู่กุ้ยกล่าว

“ไม่เป็นไรหรือ? ถ้าหากข้าไปไม่ทันล่ะ …หลันฮวาคงถูกไอ้สารเลวนั่นย่ำยีไปแล้ว! หัวหน้าหมู่บ้าน เจ้ากล้าพูดไหมว่าถ้าหากเรื่องนี้เกิดกับลูกสาวเจ้า เจ้าจะไม่ไปเอาเรื่องมัน!” ป้าเกาพูดขึ้นอย่างโมโห

“เกาฉุนหงความคิดของเจ้านี่เป็นอย่างไรกันนะ! ทำไมต้องยั่วโมโหข้าด้วย ชาวบ้านทั้งหมดไม่สามารถเดินทางเข้าเมืองได้ เจ้าต้องเป็นคนรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น!”

ใบหน้าของป้าเกาบิดเบี้ยว

จะให้นางรับผิดชอบได้อย่างไร?

ครอบครัวของนางมีแค่เด็กกับคนแก่ จะให้ไปต่อสู้กับชาวหมู่บ้านเฉาเจียทั้งหมู่บ้านหรือ?

“ข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าต้องหาทางออกเพื่อแก้ไขในสิ่งที่เจ้าทำลงไป ข้าไปหาเฉาเสี่ยวกุ้ยและอวี่ชุนอิงมาแล้วเมื่อเช้า เรื่องนี้จะจบลงได้ก็ต่อเมื่อครอบครัวเจ้าจ่ายค่าเสียหายให้พวกเขาเป็นเงินหนึ่งร้อยตำลึง ! “

“หนึ่งร้อยตำลึง! พวกมันจะปล้นกันหรือ?!” ป้าเกาพูดอย่างฉุนเฉียว

“พวกมันเป็นคนมาข่มเหงหลานสาวข้า แต่ข้าต้องจ่ายเงินให้มันหรือ?!”

“แล้วใครให้เจ้าทำรุนแรงถึงเพียงนั้น ตอนแรกพวกเขาเรียกถึงสองร้อยตำลึงด้วยซ้ำ แต่ข้าช่วยต่อรอง..จนเขายอมลดราคาลงให้!”

หลี่ฟู่กุ้ยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ นี่คือความดีความชอบที่เขาควรได้รับ ในบรรดาชาวบ้านมีหลายคนที่ไม่ชอบป้าเกา รวมถึงตู้เสี่ยวเหอ นางพูดขึ้นว่า

“เกาฉุยหงเจ้าควรจ่ายมาเร็ว ๆ ข้าต้องไปขายผักในเมือง หากไม่มีเงินก้อนจ่าย ก็ทยอยจ่ายไปสิ!”

“หลันฮวามีรายได้วันละหนึ่งร้อยอีแปะ แค่ไม่กี่ปีก็หาเงินได้แล้วไม่ใช่หรือ?”

“จริงด้วย อย่าทำให้พวกข้าเดือดร้อน!”

“ก็แค่หญิงใบ้เหตุใดเจ้าต้องปกป้องนางขนาดนั้น!”

“หมู่บ้านเฉาเจียลือว่าแท้จริงแล้วเฉาเสี่ยวกุ้ยถูกนางใบ้ล่อลวง! ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกันน่าจะเป็นหลานของเจ้านั่นแหละที่ไปล่อลวงลูกชายของนางก่อน ?”

คำพูดเหล่านั้นเหมือนกับหมุดที่ตอกเข้าหัวใจของป้าเกาและหลันฮวา พวกนางรู้สึกถึงความสิ้นหวังและหมดหนทางเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าป้าเกาจะยืนกรานแข็งขันขนาดไหน นางก็ไม่สามารถต่อล้อต่อเถียงกับคนเป็นสิบด้วยปากเดียวได้ ทันใดนั้นจู่ ๆ เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย ทำให้บรรยากาศทั้งหมดหยุดชะงักลง

“เมียเว่ยฉิงเจ้าหัวเราะอะไร?” หัวหน้าหมู่บ้านหันไปหาต้นตอของเสียง

“ข้าหัวเราะที่เจ้ารังแกคนอ่อนแอเพราะหวาดกลัวภัยจะมาถึงตัวน่ะสิ” ถังหลี่กล่าว หัวหน้าหมู่บ้านคนนี้เป็นพวกเจ้าเล่ห์ที่หวาดกลัวการเผชิญหน้ากับหมู่บ้านเฉาเจีย ถึงได้เป็นตัวตั้งตัวตีชักชวนผู้อื่นมารังแกครอบครัวของป้าเกาแทน

“ภรรยาเว่ยฉิงเจ้าหมายความว่าอย่างไร? หากเจ้าเก่งนักก็ไปที่หมู่บ้านเฉาเจีย และดูสิว่าพวกเขาจะเต็มใจหลีกทางให้โดยไม่ต้องเสียค่าชดเชยไหม!” หลี่ฟู่กุ้ยพูดอย่างเย็นชา

“ใครมีตาก็เห็นได้ว่า ครอบครัวของป้าเกาโดนรังแก แต่เจ้ากลับช่วยคนของหมู่บ้านเฉาเจียเหยียบย่ำนาง หากเป็นเช่นนี้ คนหมู่บ้านเฉาเจียก็จะเข้าใจว่าชาวบ้านลี่เจียนั้นอ่อนแอรังแกง่าย คราวนี้เป็นป้าเกา แต่คราวหน้าอาจจะเป็นเจ้าก็ได้ ถ้าหากเจ้าโดนรังแกก็จะหาใครไปสู้กับเจ้าไม่ได้หรอก !”

“ยังมีคนที่พูดไม่ดีเกี่ยวกับหลันฮวาเอ๋อร์อีก หนำซ้ำพวกเจ้าก็ยังช่วยกระพือข่าวให้คนบ้านเดียวกันแปดเปื้อน ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเจ้ายังจะมีหน้าอยู่หมู่บ้านลี่เจียอีกหรือ? ทำไมไม่ย้ายบ้านไปอยู่เฉาเจียเสียเล่า!”

คำพูดของถังหลี่สะกิดใจใครหลายคน โดยเฉพาะชาวบ้านที่เดิมทีก็ไม่ได้พอใจกับคำตัดสินของผู้ใหญ่บ้านนัก

“ใช่ เฉาเสี่ยวกุ้ยรังแกผู้อื่น แล้วทำไมป้าเกาต้องชดใช้ด้วย”

“ใช่ มันไม่ใช่ความผิดของนาง มันทำมากเกินไปแล้ว มาปิดกั้นถนนกันแบบนี้ใช้ได้อย่างไรกัน “

“ครั้งล่าสุดที่ถนนพัง หมู่บ้านเราก็ส่งคนไปช่วยซ่อมแซมหลายคน แต่ไม่มีคนของหมู่บ้านเฉาเจียเลย พวกเขากล้าดีอย่างไรถึงมาปิดถนนแบบนี้!”

“ครั้งล่าสุดข้าทำของตกบนถนน แต่คนของหมู่บ้านเฉาเจียเก็บมันต่อหน้าต่อตาข้าแล้วบอกว่าเป็นของพวกเขา!”

“ข้าเคยโดนพวกเขาขอให้จ่ายค่าผ่านทาง หากไม่จ่ายก็จะไม่ยอมปล่อยข้าไป เงินตั้งสามอีแปะเชียวนะ! ข้าไม่สนใจไม่ได้หรอก”

“ถูกของนาง หากเรายอมล่ะก็ พวกนั้นก็จะคิดว่าคนหมู่บ้านลี่เจียรังแกได้ง่าย ครั้งต่อไปก็จะหนักข้อขึ้น”

ชาวบ้านทั้งหลายเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง พวกเขาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ปัญหาที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านเฉาเจียสะสมมาเป็นเวลานานแล้ว

“ทนไม่ไหวหรือ! จะไปสู้กับหมู่บ้านเฉาเจียหรือ?! พวกเขามีถึงหนึ่งร้อยหลังคาเรือนแต่พวกเรามีเพียงห้าสิบ หากทำเช่นนั้นจะได้แขนหักขาหัก จนพากันอดตายทั้งหมู่บ้านน่ะสิ!” หลี่ฟู่กุ้ยประชดประชัน เขากำลังทำเพื่อหมู่บ้านแท้ ๆ ทำไมคนพวกนี้ถึงไม่เข้าใจเจตนาเขาเลย!

“หากต่อยตีไม่ได้ ก็ใช้วิธีอื่นสิ” ถังหลี่กล่าว

“ทำอย่างไรหรือ ? การจ่ายค่าชดเชยย่อมดีที่สุดแล้ว!” หลี่ฟู่กุ้ยกล่าว

“หัวหน้าหมู่บ้านสนใจเรื่องนี้ด้วยหรือ?”

“คนหมู่บ้านเฉาเจียหยาบคายมาก ข้าไม่แปลกใจที่หัวหน้าหมู่บ้านจะรับมือไม่ได้”

ถังหลี่ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“นี่เป็นเส้นทางเดียวที่จะเดินทางเข้าเมืองหรือ?”

“เคยมีถนนอีกเส้นหนึ่งใกล้กับตัวเมือง ต่อมาถนนเส้นนั้นพังไป แล้วหมู่บ้านเฉาเจียเสนอว่าให้มาร่วมกันสร้างถนน หากถนนขยายใหญ่ขึ้นเราจะได้แบ่งปันกันใช้” ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น

“ถนนที่พังเส้นนั้นตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ข้าขึ้นภูเขาเมื่อสองสามวันก่อนเพิ่งเห็นมา จริง ๆ แล้วมันยังซ่อมแซ่มได้นะ หากทำสำเร็จจะเป็นเส้นทางที่ใกล้มากกว่าเดิมด้วย”

เมื่อชาวบ้านเริ่มพากันเห็นด้วย หลี่ฟู่กุ้ยก็เข้ามาขัดจังหวะอีกครั้ง

“การก่อสร้างถนนสายนี้ต้องใช้ทั้งเงินและแรงงาน ตอนนี้เป็นช่วงที่ยุ่งกับการเก็บเกี่ยว ใครจะมีเวลาไปทำ ข้าว่ารีบเสียเงินให้จบ ๆ ไปจะดีกว่า!!”