บทที่ 45 ซื้อผ้านวม

บทที่ 45 ซื้อผ้านวม

ความรู้สึกไม่สบายใจเกิดขึ้นเมื่อกลิ่นอายความหนาวเหน็บคืบคลานใกล้เข้ามา นางต้องซื้อผ้านวมสองผืนซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้เงิน

อีกด้านหนึ่ง เถ้าแก่เนี้ยฝูส่งลูกค้าที่ซื้อผ้าเสร็จแล้วจึงได้เดินกลับเข้ามา เมื่อครู่ที่พวกกู้เสี่ยวหวานเดินเข้ามา สะใภ้ฝูก็เห็นพวกเขาแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นกำลังมีลูกค้าอยู่ข้าง ๆ อีกอย่างหนึ่งคือไม่ทราบว่าเด็กสองคนในชุดขาดรุ่งริ่งนี้แค่เข้ามาดูหรือว่ามาทำอย่างอื่นจึงไม่ได้เดินเข้าไป

เมื่อรอจนส่งลูกค้ากลับไปเสร็จแล้ว สะใภ้ฝูก็เห็นเด็กทั้งสองยังดูอยู่ จึงรีบเดินเข้าไปหา และเอ่ยอย่างนุ่มนวล “แม่สาวน้อย อยากจะซื้ออะไรหรือ?”

“ร้านของพวกท่าน ขายผ้านวมหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานถามขึ้นมา นางไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าภายในร้านขายผ้านี้ท้ายสุดแล้วมีของเหล่านั้นขายหรือไม่

“มีสิ!” สะใภ้ฝูตอบกลับมา “ด้านในร้านของข้าอะไรก็มีขายหมดไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า ของหน้าร้าน หรือผ้านวม”

“ถ้าเช่นนั้นผ้านวมหนึ่งผืนเท่าไรเจ้าคะ? ข้าอยากได้ผ้านวมใหญ่สองผืน ที่ใหญ่พอดีกับเตียงในบ้าน” กู้เสี่ยวหวานตอบกลับไป ในบ้านมีสมาชิกจำนวนมาก จำเป็นต้องซื้อผ้านวมขนาดใหญ่ และยังต้องซื้ออีกผืนหนึ่งเพื่อเอาไว้คลุม เมื่อถึงตอนนั้นหิมะตกหนัก สี่พี่น้องจะไม่ต้องทนหนาวอีกต่อไป

สะใภ้ฝูลอบสังเกตกู้เสี่ยวหวานโดยคร่าว ๆ และพูดตัวเลขออกมาช้า ๆ “หนึ่งตำลึง!”

สะใภ้ฝูไม่ได้ดูถูกเด็กสองคนที่อยู่ตรงหน้า แต่ครั้นเห็นเสื้อผ้าที่เด็กทั้งสองสวมใส่ นางจึงเกรงว่าเมื่อพูดออกไปแล้ว กู้เสี่ยวหวานจะรับไว้ไม่ไหว

กู้เสี่ยวหวานคิดคำนวณในใจ หนึ่งผืนต่อหนึ่งตำลึง สองผืนก็สองตำลึงจะว่าแพงก็แพงนิดหน่อย แต่ว่านางก็ยังพอรับได้

“เช่นนั้นก็นำมาให้ข้าสองผืนเจ้าค่ะ” กู้เสี่ยวหวานมองสะใภ้ฝูพร้อมกับเอ่ยขึ้นมา

จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็เห็นสายตาของสะใภ้ฝูอย่างชัดเจน เริ่มจากความสงสัยจนถึงตกตะลึงและดีใจในตอนท้ายอย่างน่าเหลือเชื่อ เธอมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปไม่หยุด จนกู้เสี่ยวหวานรู้สึกขบขัน

“ได้ แม่สาวน้อย เจ้ารอประเดี๋ยวนะ ข้าจะไปนำมาให้เจ้า ผ้านวมของร้านเรานี้มีน้ำหนักสิบสองชั่ง ปุยฝ้ายที่ใช้คือปุยฝ้ายที่มาใหม่ในปีนี้ รับรองว่าเมื่อเจ้านอนในตอนกลางคืนจะอบอุ่นอย่างแน่นอน” สะใภ้ฝูคุยโวโอ้อวดพลางนำผ้านวมสองผืนออกมาจากหลังโต๊ะขายมาวางไว้บนโต๊ะจำหน่ายสินค้า หลังจากนั้นก็ใช้ผ้าหยาบมัดผ้านวมให้ดี

กู้เสี่ยวหวานนำผ้านวมทั้งสองผืนขึ้นมาชั่งน้ำหนักบนมือก็รู้ว่าสะใภ้ฝูที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้พูดโกหก

เมื่อวางผ้านวมลง กู้เสี่ยวหวานก็เงยหน้ามองผ้าที่อยู่ด้านในโต๊ะขายสินค้า พลางเอ่ยถามขึ้น “เถ้าแก่เนี้ย ข้าอยากตัดเสื้อชุดใหม่ให้กับน้องชายสองคนและน้องสาวหนึ่งคน ท่านว่าจะต้องใช้ผ้าเท่าไรหรือ?”

ในขณะที่กู้เสี่ยวหวานกำลังพูด ก็นึกถึงพวกน้อง ๆ ทั้งสามคนที่อยู่บ้าน ในใจรู้สึกคลุมเครือจนสับสนอลหม่าน

เด็กทั้งสี่ที่อยู่ในบ้าน ไม่เคยได้สวมเสื้อผ้าชุดใหม่มาหลายปีแล้ว

ของทั้งหมดล้วนเป็นของในช่วงที่แม่เถียนยังมีชีวิตอยู่ นางใช้ผ้าเก่าของกู้ฉวนฝูกับของตัวเองมารื้อและเย็บขึ้นมาใหม่ ทุกที่มีร่องรอยของการเย็บปะ และเด็กทั้งสี่คนไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าที่จะเอาไว้เปลี่ยนซัก

ฤดูร้อนก็ยังดีที่ซักคืนก่อนแล้ววันรุ่งขึ้นยังสามารถนำมาใส่ได้ แต่ฤดูหนาวนั้นไม่ดีเลยจะต้องใส่เสื้อผ้าตลอดจนกว่าสภาพอากาศจะอบอุ่น

เมื่อนึกถึงภายในใจก็รู้สึกขื่นขม

“น่าจะใช้ผ้าประมาณสองพับจ้ะ” สะใภ้ฝูมองเด็กลักษณะผอมบางตรงหน้า แต่ก็ยังต้องเหลือเก็บเอาไว้อยู่บ้าง เด็กที่ทางบ้านมีปัจจัยไม่ดี จะต้องทำเสื้อผ้าให้ใหญ่เล็กน้อย เช่นนั้น ปีหน้าหรือปีต่อ ๆ ไปก็จะสามารถใส่ได้

“ถ้าเช่นนั้นนำมาให้ข้าสองพับเจ้าค่ะ”

“สาวน้อย ร้านของข้ายังมีผ้าฝ้าย ผ้าป่าน เจ้าลองดูว่าเจ้าอยากได้แบบใด?” สะใภ้ฝูไม่ได้กล่าวถึงผ้าแพรและผ้าไหมที่ค่อนข้างแพงนิดหน่อยออกมา กลัวว่าถ้าพูดออกมาเด็กหญิงคงซื้อไม่ไหวและรู้สึกประหม่า ดังนั้นนางจึงบอกผ้าสองชนิดที่ถูกที่สุดภายในร้านไป

กู้เสี่ยวหวานเข้าใจได้อย่างชัดเจน และรู้สึกประทับใจเล็กน้อย นางเหมือนจะดูคนที่สีหน้า แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนที่จิตใจดีคนหนึ่ง

“ผ้าผืนนี้ขายอย่างไรหรือเจ้าคะ?”

“ท่านพี่…” กู้หนิงผิงเห็นพี่สาวยังซื้อผ้ามาตัดเป็นเสื้อผ้าก็ร้อนใจเล็กน้อย จึงรีบดึงแขนเสื้อของพี่สาวทันที พร้อมกับลดเสียงลงต่ำ “ท่านพี่ พวกข้าไม่อยากได้เสื้อผ้าใหม่ มันสิ้นเปลืองเกินไป”

เมื่อครู่ที่ซื้อผ้านวมสองผืนไปก็จ่ายไปสองตำลึงแล้ว หากแต่ละคนทำเสื้อชุดใหม่แล้ว เช่นนั้นเงินที่ใช้จ่ายก็จะยิ่งมากขึ้น แม้ว่าครั้งนี้จะหาเงินมาได้ห้าร้อยตำลึง แต่หากจ่ายครั้งนี้ไปแล้วก็ยากที่จะหาเงินกลับมาใหม่ได้

กู้เสี่ยวหวานโบกมือให้กู้หนิงผิงหยุดพูด และหันกลับไปถามต่อ “เถ้าแก่เนี้ย ข้าซื้อผ้าที่ถูกที่สุดสองพับ เอาสีแดงเข้มหนึ่งชิ้นใช้ตัดให้กับข้าและน้องสาวของข้า อีกชิ้นเป็นสีฟ้าใช้ตัดให้กับน้องชายฝาแฝดของข้า จากด้านในถึงด้านนอก ข้าอยากให้ตัดใหม่ทั้งหมด แต่ว่าข้าตัดเสื้อผ้าไม่เป็น ข้าขอถามท่านสักนิด ร้านของท่านสามารถตัดชุดใหม่ได้หรือไม่?”

สะใภ้ฝูก็รีบพยักหน้าและพูดขึ้นมาทันที “ได้ หากจะตัดเสื้อด้านในก็สามารถใช้ผ้าสีขาวชนิดนี้ทั้งหมดได้ และสวมติดกับร่างกายไว้ก็จะอุ่นสบายมาก พวกเจ้าทั้งสี่คนใช้ผ้าเพียงหนึ่งพับก็พอแล้ว ให้เจ้าใช้ผ้าฝ้ายสามพับ ผ้าหนึ่งพับแปดร้อยเหรียญ สามพับก็สองพันสี่ร้อยเหรียญ หากเพิ่มค่าตัดอีกเสื้อหนึ่งชุดและเก็บค่าตัดสามสิบเหรียญ สี่ชุดก็หนึ่งร้อยยี่สิบเหรียญ และยังเพิ่มผ้าฝ้ายต่าง ๆ อีก ข้าคิดให้เจ้าสองร้อยเหรียญ รวมทั้งหมดก็สองพันเจ็ดร้อยยี่สิบเหรียญ หักเศษทิ้งไปก็เก็บที่เจ้าสองพันเจ็ดร้อยเหรียญ เจ้าว่าเป็นอย่างไร?”

กู้เสี่ยวหวานคำนวณอยู่ในใจเงียบ ๆ เด็กทั้งสี่คนล้วนตัดเสื้อชุดใหม่ แค่สามตำลึงก็ไม่ถึง แถมยังมีผ้านวมใหญ่สองผืนที่ซื้อเมื่อครู่อีกก็ยังไม่ถึงห้าตำลึง ราคานี้นางสามารถรับได้

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า และหันไปพูดกับสะใภ้ฝูขึ้นว่า “ตกลง ข้าเอาของพวกนี้เจ้าค่ะ!”

นางจ่ายเงินซื้อข้าวและเส้นบะหมี่มามากมาย ทั้งยังซื้อผ้านวมอีกสองผืน และตัดเสื้อผ้าให้แต่ละคนอีกคนละหนึ่งชุด รายจ่ายก็ประมาณห้าตำลึง ถือว่าราคาไม่เลวเลย

สะใภ้ฝูรับเงินอย่างมีความสุข พร้อมกับเดินเข้ามาวัดความสูงกับความยาวของเด็กทั้งสองคน

เมื่อเห็นรองเท้าที่ชำรุดของกู้เสี่ยวหวานกับกู้หนิงผิงแล้ว สะใภ้ฝูก็รู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย และพูดต่อขึ้นมาว่า “แม่สาวน้อย พวกเจ้าซื้อของที่ร้านของข้ามากมายขนาดนี้ ข้าจะแถมรองเท้าให้พวกเจ้าคนละหนึ่งคู่”

ตอนที่สะใภ้ฝูยังเด็ก ทางบ้านของนางเองก็ยากจน ถึงขนาดที่เคยใส่รองเท้าขาดเป็นรูเช่นนี้

เหตุใดนิ้วหัวแม่เท้าในนั้นถึงได้โผล่ออกมาเล่า? เป็นเพราะเด็กมีฝีเท้ารวดเร็ว รองเท้าก็ใหญ่แค่นี้ นิ้วหัวแม่เท้าจึงดันออกมาจนรองเท้าเล็ก ๆ ขาดชำรุด

ตอนที่สะใภ้ฝูยังเด็ก นางเคยสวมรองเท้าแบบนี้มาไม่น้อย เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกราวกับเห็นตัวเองในตอนเด็กจึงรู้สึกเห็นอกเห็นใจเล็กน้อยและพูดว่าจะมอบรองเท้าไม่กี่คู่ให้กับกู้เสี่ยวหวาน ถึงอย่างไรผ้าที่ใช้ทำรองเท้าก็ไม่ใช่ผ้าราคาสูง แค่รองเท้าราคาต่ำไม่กี่คู่เท่านั้น และก็ใช้เงินไม่มากเท่าใด ………………………………………………………………………………………………………………………. สารจากผู้แปล ซื้อของใช้จำเป็นเข้าบ้านแล้ว ชีวิตน้อง ๆ ถึงคราวกินดีอยู่ดีก็คราวนี้แหละค่ะ ไหหม่า(海馬)