บทที่ 46 ซื้อเนื้อ

บทที่ 46 ซื้อเนื้อ

ทว่ากู้เสี่ยวหวานกลับส่ายหน้า “เถ้าแก่เนี้ย ขอบคุณในความหวังดีของท่านเจ้าค่ะ”

หากสะใภ้ฝูไม่พูดออกมา กู้เสี่ยวหวานก็เกือบจะลืมไปแล้วว่ารองเท้าของเด็กทั้งสี่ล้วนเล็กเกินกว่าที่จะใส่ได้ มันขาดชำรุดจนไม่เป็นรูปร่างชนิดที่ควรจะเปลี่ยนทิ้งไปทั้งหมด แต่กู้เสี่ยวหวานจะไม่รับรองเท้าที่สะใภ้ฝูมอบให้อย่างแน่นอน

“ท่านทำรองเท้าให้กับพวกข้า ข้าก็จะให้เงินที่ทำรองเท้าแก่ท่าน”

ทั้งสองถกเถียงไปมาอยู่นาน เมื่อเห็นท่าทางเด็ดเดี่ยวบนใบหน้าของกู้เสี่ยวหวาน สะใภ้ฝูจึงทำได้แค่ยอมแพ้ แต่ทว่าในใจกลับมองแม่สาวน้อยคนนี้ใหม่

แม้ตัวคนจะจน แต่จิตใจกลับเด็ดเดี่ยวยิ่ง ต่อจากนี้ไปนางจะเป็นคนที่มีอนาคตแน่ และนางก็รู้สึกดีต่อกู้เสี่ยวหวานมากกว่าเดิม

ขนาดร่างกายของกู้หนิงอันกับกู้หนิงผิงต่างกันไม่มากนักจึงตัดสองชุดตามขนาดความสูงของกู้หนิงผิง แต่กู้เสี่ยวอี้เพิ่งจะสี่ขวบ ฉะนั้นสะใภ้ฝูจึงนำไปเทียบกับเด็กประมาณสี่ขวบที่อยู่ข้างบ้านแล้วตัดออกมา

บนมือมีผ้านวมสองผืนเพิ่มขึ้นมา หนึ่งผืนสิบสองชั่ง เด็กหนึ่งคนถือได้แค่หนึ่งผืน ข้าวและเส้นบะหมี่ที่ซื้อมาเมื่อครู่ก็แบ่งเป็นสองส่วน ใส่ไว้ในตะกร้าคนละเล็กน้อย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วทั้งสองก็ออกจากร้านขายผ้าจี๋เสียงไป

เมื่อนึกถึงเงินที่ใช้ไปห้าตำลึงเมื่อครู่ กู้หนิงผิงก็รู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย “ท่านพี่ เมื่อครู่พวกเราใช้เงินมากเกินไปแล้ว หากจะตัดเสื้อผ้า ท่านกับน้องตัดคนละหนึ่งชุดก็พอแล้ว ส่วนข้ากับพี่ชายไม่ต้องการ เสื้อผ้าของพวกเรายังสามารถใส่ได้อยู่”

กู้หนิงผิงรู้สึกว่าตัวเองคือบุรุษผู้หนึ่ง จะใส่เสื้อใหม่หรือไม่ใส่ก็ไม่เป็นไร แต่พี่สาวกับน้องสาวกลับไม่เหมือนกัน พวกนางคือสตรี หากมีเงื่อนไขแล้วจะต้องใส่ให้มันดูดี

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ฟังคำพูดของกู้หนิงผิง ก็โต้แย้งขึ้นมา “หากในตอนที่พวกเราเข้าไปโรงหมอหุยซุน และใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมมากกว่านี้ เจ้าคิดว่าลูกจ้างคนนั้นจะดูถูกพวกเราหรือไม่? อีกอย่างครั้งแรกที่เข้าไปในร้านขายธัญพืชนั้น หากพวกเราสวมเสื้อที่ดี ๆ จะถูกขับไล่ออกมาราวกับขอทานหรือ?”

เมื่อครู่ที่อยู่ในโรงหมอ ลูกจ้างไม่ได้มีท่าทางอดทนแต่อย่างใด ในร้านขายธัญพืช เถ้าแก่คนนั้นมีท่าทางที่มั่นใจ เมื่อเห็นสายตาที่เหยียดหยามนั้น กู้หนิงผิงย่อมไม่มีทางลืม และเมื่อมองร่างของตัวเองอีกครั้งก็พบว่าขากางเกงกับแขนเสื้อมีรอยขาดขนาดใหญ่ เสื้อที่อยู่บนร่างด้านซ้ายมีรอยปะหนึ่ง ด้านขวามีรอยปะอีกหนึ่ง อีกอย่างฝ้ายบางส่วนก็ขาดจนปลิ้นออกมาจากข้างใน สกปรกเลอะเทอะอย่างสุดที่จะทนได้

จริง ๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับขอทานที่อยู่บนถนนเลย!

กู้หนิงผิงยิ้มเยาะให้กับตัวเองชั่วครู่หนึ่ง “ท่านพี่ ลักษณะของพวกเราเหมือนกับขอทานมากจริง ๆ!”

กู้เสี่ยวหวานส่งเสียงตอบรับหนึ่งเสียง “พวกเราไม่จำเป็นต้องใส่ผ้าที่ดีมาก แต่ว่าจำเป็นต้องสะอาดและเรียบร้อย คนอื่นถึงจะไม่มาดูถูกพวกเรา!”

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ตำหนิคนอื่นว่าพวกเขาดูคนจากภายนอกและคิดอคติดูถูกพวกเขา แต่ถ้าพวกเขาเองยังคิดว่าตนสกปรก ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น!

เหมือนกับเมื่อก่อนตอนที่ทำงาน กู้เสี่ยวหวานเคยเข้าร่วมเป็นผู้คุมการสอบรับสมัครคนงานหลายครั้ง สุดท้ายคนที่ได้รับเลือกโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนที่สวมเสื้อผ้าเหมาะสม เพราะการสวมเสื้อผ้าที่เหมาะสมไม่เพียงเป็นการเคารพต่อตัวเองแล้ว ยังเคารพต่อผู้อื่นด้วย

“เจ้าใส่เสื้อผ้าที่สะอาด เรียบร้อยก็นับเป็นการเคารพต่อผู้อื่นอย่างหนึ่ง!” กู้เสี่ยวหวานใช้ความเห็นของคนยุคสมัยใหม่พูดกับกู้หนิงผิง แม้กู้หนิงผิงในตอนนี้ยังเด็กเกินไป และยังไม่เข้าใจประโยคนี้ว่าหมายถึงอะไร

แต่เริ่มจากตอนนี้ เขาจะจำคำพูดของพี่สาวเอาไว้ในใจตลอดไป

เมื่อกู้หนิงผิงฟังพี่สาวพูดอย่างนี้ ก็ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาอีก แต่ทำท่าเหมือนจะคิดอะไรอยู่ขึ้นมา ฝีเท้าจึงช้าลงเล็กน้อย ส่วนกู้เสี่ยวหวานที่แบกกระบุงพร้อมกับในมือถือผ้านวมใหญ่หนึ่งผืน ก็เดินนำอยู่ด้านหน้า

หลังจากที่คิดแล้ว กู้หนิงผิงก็ดูเหมือนจะเข้าใจ และเดินตามหลังกู้เสี่ยวหวานมาอย่างชื่นชม ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าภาพลักษณ์พี่สาวดูสูงผิดปกติขึ้นมา

วันนี้ไม่ใช่วันตลาดนัด แผงขายเนื้อหมูในเมืองหลิวเจียจึงไม่ได้เปิดทำการค้าขายตามปกติทั่วไป พ่อค้าหาบเร่ที่กำลังตะโกนเรียกลูกค้ามาซื้อขายนั้นมีจำนวนน้อยมาก กู้เสี่ยวหวานไปดูเนื้อทีละแผง สีของเนื้อพวกนี้ดูดีมาก ไม่เหมือนกับสมัยปัจจุบันที่กินส่วนเนื้อแดงของเนื้อหมูที่โตแล้ว สมความเป็นเนื้อหมูท้องถิ่นอินทรีย์จากธรรมชาติอันบริสุทธิ์

กู้เสี่ยวหวานเห็นเนื้อหมูติดมันที่ขาวราวหิมะก้อนหนึ่ง และนึกได้ว่าที่บ้านไม่มีน้ำมันสักนิด หากสามารถนำกลับไปเจียวเป็นน้ำมันหมูสักเล็กน้อยได้ล่ะก็…

แค่กู้เสี่ยวหวานคิด ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมของน้ำมันหมูที่ลอยผ่านจมูกไป จากนั้นก็หันไปพูดกับกู้หนิงผิงที่อยู่ข้าง ๆ “พวกเราซื้อเนื้อหมูติดมันกลับไปเจียวเป็นน้ำมันหมูสักหน่อย เช่นนี้ก็จะมีน้ำมันกินทุกวันแล้ว”

กู้หนิงผิงมองเนื้อติดมันที่ขาวเป็นยวงนั้น และนึกถึงสิ่งที่พี่สาวพูดต่อจากนี้จะมีน้ำมันหมูกินทุกวัน พลางกลืนน้ำลาย “ขอรับ ท่านพี่!” จากนั้นก็มองพี่สาวด้วยความชื่นชม ทำไมถึงได้รู้สึกว่าหลังจากที่พี่สาวหายป่วยแล้วถึงได้เก่งกาจขนาดนี้!

เมื่อกู้เสี่ยวหวานมาถึงหน้าร้านขายเนื้อหมูก็ถามขึ้นมา “ท่านอา เนื้อติดมันนี้ขายอย่างไรหรือ?”

เดิมชายร่างกายกำยำที่ขายเนื้อคนนั้นกำลังงีบหลับ เมื่อได้ยินคนมาถามราคาอยู่ด้านหน้าแผงของตัวเอง ก็รีบลืมตาโพลงขึ้นมาทันที ดวงตาของเขาใหญ่โปนเท่ากระพรวนทองแดง ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุร้ายน่ากลัว ผิวหน้ามันย่อง บนร่างเปื้อนไปด้วยรอยน้ำมัน ดูเหมือนกับภูตผีปีศาจ สิ่งนี้ทำให้กู้เสี่ยวหวานตกใจขึ้นมา

นี่คือนักเชือดในอดีตหรือ?

เมื่อชายร่างกายกำยำคนนั้นเห็นท่าทางตกตะลึงของกู้เสี่ยวหวาน ก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองนั้นไม่ระวังทำให้แม่สาวน้อยที่อยู่ด้านหน้าตกใจ พลันรู้สึกไม่สบายใจจนเอ่ยขึ้นมา “แม่สาวน้อย ขอโทษด้วย ข้ามีรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน เมื่อครู่นี้ทำให้เจ้าตกใจใช่หรือไม่”

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินพ่อค้าเนื้อร่างกำยำพูดเช่นนี้ ในใจกลับรู้สึกว่าคนเราไม่อาจตัดสินกันด้วยหน้าตา แม้จะมีรูปร่างสูงใหญ่บึกบึนแต่มีอัธยาศัยที่ดีมาก จึงรีบส่ายหน้าและตอบกลับไปทันที “ไม่หรอก ไม่หรอกเจ้าค่ะ!”

สายตาจ้องมองเนื้อที่อยู่บนเขียงมาโดยตลอด เนื้อติดมันขาวนวลทอประกายแวววาว เนื้อแดงปรากฏสีแดงเข้ม ดูเหมือนว่าเนื้อจะยังสดใหม่อยู่ แต่นางก็ไม่วางใจจึงยื่นนิ้วมือไปกดอย่างเงียบ ๆ เนื้อก็ยืดหยุ่นกลับคืนสภาพอย่างรวดเร็ว และเมื่อมองในส่วนผิวเรียบเนียนเป็นระเบียบ ก็รู้ว่าเนื้อยังสดใหม่จึงปล่อยวางลง

ชายร่างกายกำยำที่เห็นท่าทางของกู้เสี่ยวหวาน กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “แม่สาวน้อย จะซื้อเนื้อหรือ? ต้องการจะซื้อเนื้อแบบใด ซื้อเนื้อติดมันหรือว่าซื้อเนื้อสามชั้น”

กู้เสี่ยวหวานชี้ไปที่เนื้อติดมันขาวนวลก้อนหนึ่งบนเขียงพลางเอ่ยขึ้นมา “ท่านอา ข้าอยากซื้อเนื้อติดมันกลับไปเจียวน้ำมัน ชิ้นนี้ขายอย่างไรเจ้าคะ?”

ชายร่างก่ำยำเอ่ยขึ้นมา “ชิ้นนี้ห้าสิบเหรียญ”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า จากนั้นก็ชี้เนื้อหมูสามชั้นก้อนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ และถามขึ้นมา “ชิ้นนี้ล่ะ?”

“ยี่สิบห้าเหรียญ”

กู้เสี่ยวหวานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมา “ตกลง ท่านอา เช่นนั้นนำอันนี้มาให้ข้าสองชั่ง ส่วนเนื้อหมูสามชั้นนี้นำมาให้ข้าหนึ่งชั่ง”

เมื่อชายร่างกำยำได้ยินแม่สาวน้อยตรงหน้าซื้อเนื้อมากขนาดนี้ก็รู้สึกดีอกดีใจรีบชั่งน้ำหนักเนื้อทันที จากนั้นก็ใช้ฟางร้อยให้อย่างดี พร้อมกับส่งให้กู้เสี่ยวหวาน “เสร็จแล้ว ทั้งหมดห้าสิบห้าเหรียญ แม่สาวน้อย”

กู้เสี่ยวหวานรับมา พลางเขย่าดูน้ำหนัก เมื่อรู้สึกว่าต่างกันไม่มาก ภายในใจก็รู้สึกผ่อนคลาย

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

บางคนหน้าดุหน้าหยิ่งแต่ใจดีนะ คนเราดูกันที่หน้าตาไม่ได้จริงๆ

ไหหม่า(海馬)