บทที่ 47 กลับบ้าน

บทที่ 47 กลับบ้าน

เมื่อชายร่างกายกำยำเห็นท่าทางของกู้เสี่ยวหวานก็เกรงว่านางจะไม่เชื่อจึงรีบใช้มือที่เต็มไปด้วยน้ำมันตบอกเบา ๆ และเอ่ยให้เด็กหญิงมั่นใจ “แม่สาวน้อย เจ้าวางใจเถอะ เนื้อที่พี่ใหญ่กุ้ยคนนี้ขายนั้น ไม่มีขาดเลยสักนิด”

กู้เสี่ยวหวานคลี่ยิ้ม พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ท่านอา ข้าเชื่อท่าน” เมื่อครู่ที่กู้เสี่ยวหวานเขย่าเนื้อสามชั่งนี้ก็พบว่ามันน่าจะมีน้ำหนักสามชั่งพอดิบพอดี

เมื่อกู้เสี่ยวหวานมองบนเขียงอีกครั้ง บนเขียงนั้นยังมีกระดูกที่ดูสะอาดถูกแคะเนื้อออกอยู่ท่อนหนึ่ง และมันถูกทิ้งเอาไว้อีกด้านหนึ่ง นางจึงชี้ไปทางนั้นพร้อมกับเอ่ยขึ้นมา “ท่านอา กระดูกนี้ขายอย่างไร?”

นี่คือกระดูกหมู จำได้ว่าชาติที่แล้วในตอนที่เติบโตจนมีอายุสิบกว่าปี ทุกสัปดาห์แม่จะซื้อกระดูกหมูมาตุ๋นเป็นน้ำแกงให้ดื่มสองครั้ง ในนั้นอุดมไปด้วยแคลเซียมซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโต หากเด็กๆ ในครอบครัวได้ดื่มน้ำแกงกระดูกที่ตุ๋นจนมีกลิ่นหอมอบอวลบ่อย ๆ ก็น่าจะไม่เลวเลย

“อ้อ? อันนี้หรือ?” ชายร่างกายกำยำเห็นกู้เสี่ยวหวานชี้กระดูกท่อนหนึ่งที่เตรียมทิ้งให้สุนัขกินก็พูดขึ้นมา “ชิ้นนี้ไม่มีเนื้อแล้ว ข้าจะทิ้งแล้ว หากว่าเจ้าอยากได้ ข้าก็จะแถมให้เจ้า!”

“ตกลง ขอบคุณท่านอา!” กู้เสี่ยวหวานรับกระดูกใหญ่ท่อนนั้นมาอย่างไม่เกรงใจ และดีใจเป็นที่สุด เมื่อกลับไปแล้วก็นำกระดูกล้างให้สะอาด จากนั้นก็ตุ๋นกับหัวไชเท้าหนึ่งหัว นี่คือน้ำแกงกระดูกหมูหัวไชเท้ากลิ่นหอมอบอวลเชียวนะ!

“ท่านพี่ พวกเราซื้อของเยอะมากเลย หากกลับไปพี่ชายกับน้องสาวต้องดีใจแย่เลย” กู้หนิงผิงพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น พวกเขาซื้อข้าว ซื้อเส้นบะหมี่ และยังซื้อผ้านวมขนาดใหญ่อีกสองผืน ผ่านไปอีกเจ็ดแปดวันก็จะมีเสื้อผ้าชุดใหม่ อีกทั้งยังซื้อเนื้อหมูกลับไป พี่ชายและน้องสาวจะต้องดีใจแย่เลย

กู้เสี่ยวหวานยิ้มออกมา ครั้นกำลังจะเอ่ยพูด ทันใดนั้นก็เห็นว่าข้างหน้ามีร้านขายซาลาเปาอยู่ นางจึงดึงแขนกู้หนิงผิงเดินมาถึงหน้าร้านซาลาเปา

“เถ้าแก่เนี้ย ซาลาเปาหนึ่งลูกราคาเท่าไรหรือเจ้าคะ?” กู้เสี่ยวหวานยังจูงมือกู้หนิงผิงไว้ ยืนอยู่ตรงหน้าเข่งติ่มซำพลางถามเถ้าแก่เนี้ยที่กำลังขายซาลาเปา

เมื่อเถ้าแก่เนี้ยก้มหน้าลงก็เห็นเด็กทั้งสองที่เสื้อผ้าด้านบนล้วนมีรอยปะยืนอยู่ด้านหน้า

“ซาลาเปาผักสองเหรียญต่อหนึ่งลูก ซาลาเปาเนื้อสามเหรียญต่อหนึ่งลูก” เถ้าแก่เนี้ยละสายตาที่มองสำรวจเด็กสองคนอย่างละเอียดกลับมา พร้อมกับเอ่ยเคล้ารอยยิ้ม

“เถ้าแก่เนี้ย ข้าขอซาลาเปาเนื้อสี่ลูก” เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ฟังราคาก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผลเลยทีเดียว

คำพูดของกู้เสี่ยวหวาน ทำให้หัวใจกู้หนิงผิงเต้นผิดจังหวะ

เขาโบกมือห้ามไปทางเถ้าแก่เนี้ย รีบเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน “ไม่ ไม่ ไม่ เถ้าแก่เนี้ย หนึ่งลูกก็พอแล้ว ไม่ต้องเยอะขนาดนั้น!”

กู้หนิงผิงรู้สึกว่าเมื่อครู่ใช้เงินไปหลายตำลึงแล้ว แม้จะบอกว่าหาเงินมาได้มากมาย แต่จะใช้เงินเปลืองขนาดนี้ได้ที่ไหนกัน เขาเพิ่งจะหันกลับมา เงินหกตำลึงก็ถูกใช้จ่ายออกไปแล้ว เงินหกตำลึงนี้ ในครอบครัวธรรมดาหนึ่งปียังรวบรวมเงินได้ไม่มากขนาดนี้ด้วยซ้ำ

กู้หนิงผิงรู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย เงินสิบสองเหรียญนี้สามารถซื้อแป้งสาลีได้สองชั่ง แป้งสาลีสองชั่ง มันสามารถกินได้หลายวันเลยนะ แต่ซื้อซาลาเปาเนื้อได้ไม่กี่ลูกก็หมดแล้ว

หลังจากพูดกับเถ้าแก่เนี้ยเสร็จ กู้หนิงผิงก็ดึงกู้เสี่ยวหวานไว้ ขยับเข้าไปใกล้ใบหูนางพลางกระซิบอย่างร้อนรน “ท่านพี่ พวกเราซื้อของมากมาย และจ่ายเงินไปไม่น้อย เงินซื้อซาลาเปานี้พวกเราสามารถนำไปซื้อเส้นบะหมี่ข้าวฟ่างได้ตั้งมากมาย การหาเงินไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเราไม่สามารถใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายได้!”

“วางใจเถอะ!” กู้เสี่ยวหวานเข้าใจอารมณ์ของกู้หนิงผิง แต่กลับพูดขึ้นมาว่า “จากนี้ไปพวกเราจะกินซาลาเปาเนื้อทุกวัน ไม่เป็นไร หากไม่มีเงินแล้ว ข้าจะคิดหาวิธีเอง” กู้เสี่ยวหวานไม่ได้เป็นห่วงเรื่องเงินเท่าไรนัก กู้หนิงผิงเห็นท่าทีที่เตรียมพร้อมของพี่สาวก็ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงได้เชื่อใจพี่สาวของตัวเองอย่างไม่มีเงื่อนไขเช่นนี้

“เถ้าแก่เนี้ย ซาลาเปาเนื้อสี่ลูกใส่รวมกันเลยเจ้าค่ะ” เมื่อเห็นกู้หนิงผิงไม่คัดค้านคำพูดของนางอีก กู้เสี่ยวหวานจึงหมุนตัวกลับมา และพูดกับเถ้าแก่เนี้ยที่อยู่ตรงหน้า

“ได้จ้ะ ซาลาเปาเนื้อสี่ลูกใส่ด้วยกันนะ!” เถ้าแก่เนี้ยหัวเราะพลางพูดทวนอีกครั้ง จากนั้นก็นำกระดาษไขแผ่นใหญ่หนึ่งแผ่นออกมา เมื่อใช้กระดาษไขห่อซาลาเปาเสร็จก็ส่งให้กับกู้เสี่ยวหวาน

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานรับซาลาเปามาใส่ไว้ในกระบุง นางก็ล้วงเงินจากในอกเสื้อออกมาสิบสองเหรียญให้กับเถ้าแก่เนี้ย

เมื่อทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ กู้เสี่ยวหวานก็จูงกู้หนิงผิง ออกไปจากร้านขายซาลาเปาอย่างเบิกบานใจ

เสร็จแล้ว ของที่อยากจะซื้อก็ซื้อครบเรียบร้อย คราวนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะแบกกระบุงไว้บนหลัง ในมือถือของเต็มสองมือซึ่งหนักหน่วงมาก แต่ความตื่นเต้นที่อยู่ในใจก็ทำให้ความรู้สึกหนักถูกแทนที่ด้วยความสุข ทั้งสองพูดคุยหัวเราะกันมาตลอดทาง เมื่อออกมาจากเมืองก็เดินทางกลับบ้านทันที

เมื่อนึกถึงตอนที่กลับถึงบ้าน สีหน้าที่มีความสุขของน้องชายและน้องสาวนับว่าเป็นกำลังใจอย่างหนึ่ง ฝีเท้าของทั้งสองก้าวอย่างรวดเร็ว เดิมทีกู้เสี่ยวหวานยังกังวลกับสภาพของนางและกู้หนิงผิงที่ถืออยู่ในมือมากมาย หากคนเห็นเข้าคงยากจะอธิบายนัก แต่ว่ายังดีที่พวกเขามาถึงประตูบ้านได้โดยไม่มีใครในหมู่บ้านพบเห็น เดาว่าตอนนี้ทุกคนคงเตรียมอาหารค่ำอยู่ในบ้าน

เมื่อมาถึงบ้านและเข้าไปในสวน กู้เสี่ยวหวานส่งเสียงเรียกขึ้นแผ่วเบา “หนิงอัน เสี่ยวอี้ ข้ากลับมาแล้ว”

เมื่อได้ยินเสียงของกู้เสี่ยวหวาน ก็มีเสียงเด็กเล็กของกู้เสี่ยวอี้ตอบกลับมาจากภายในห้องโถงใหญ่ “ท่านพี่ ท่านพี่…”

ตามมาด้วยฝีเท้าที่ดังขึ้น จากนั้นประตูห้องโถงใหญ่ก็ถูกเปิดออก กู้เสี่ยวอี้วิ่งเตาะแตะอยู่ข้างหน้าสุด ร่างเล็กนั้นโคลงเคลงไปมา พานให้กู้หนิงผิงเบิกตากว้างและดูแลน้องอยู่ข้าง ๆ

กู้เสี่ยวหวานมองพวกน้อง ๆ ที่ต้อนรับตัวเองอย่างครึกครื้น และความตื่นเต้นจากก้นบึ้งของหัวใจที่ได้รับจากคนในครอบครัวก็ทำให้มีความชุ่มช่ำอยู่ในดวงตาของนาง ในมือของกู้เสี่ยวหวานล้วนคือสิ่งของ เมื่อเห็นกู้เสี่ยวอี้โผเข้ามา ก็รีบนำผ้านวมที่อยู่ในมือส่งให้กู้หนิงอัน จากนั้นก็จูงมือกู้เสี่ยวอี้เดินเข้าไปในบ้าน และปิดประตูลงกลอนให้แน่นหนาทันที

กู้เสี่ยวหวานกับกู้หนิงเพิ่งนำกระบุงบนหลังลงมาพร้อมกับผ้านวมใหญ่อีกสองผืน หลังจากกู้หนิงอันรับมาก็นำไปวางไว้บนเตียง เมื่อกู้เสี่ยวอี้เหลือบมองผ้านวมหนาผืนใหญ่ ก็พูดอย่างดีใจขึ้นมา “ผ้านวม ผ้านวมใหญ่มาก อบอุ่น”

ผ้านวมที่ขาดชำรุดในบ้านไม่ได้ให้ความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย เมื่อซื้อผ้านวมสองผืนที่ทั้งนุ่มทั้งหนาแบบนี้มาแล้ว ในตอนกลางคืนที่พวกเขาหลับก็ไม่ต้องกลัวหนาวอีก มันดีมากเลยจริง ๆ กู้เสี่ยวอี้ดีใจเป็นอย่างมาก นางมีความสุขจนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนผ้านวมผืนหนาที่แผ่ออก ดีใจจนหัวเราะเสียงดังออกมาไม่หยุด

รอจนกระทั่งกู้เสี่ยวอี้ลงมาจากเตียงแล้ว กู้เสี่ยวหวานถึงหยิบของที่ซื้อมาวันนี้ออกมาจากในกระบุงทีละเล็กทีละน้อย มีเนื้อติดมัน เนื้อหมูสามชั้น แป้งสาลี เส้นบะหมี่ข้าวฟ่าง ข้าวสาร ข้าวฟ่าง ครั้นหยิบออกมาทั้งหมดแล้ว กู้เสี่ยวอี้ก็ปรบมือหัวเราะอย่างมีความสุข และดีใจมาก

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

คืนนี้เด็ก ๆ คงจะหลับสบาย ไม่ต้องทนหนาวกันแล้วนะ

ไหหม่า(海馬)