บทที่63 ฉันเอง ไม่ต้องกลัว
ตั้งแต่การสารภาพครั้งนี้ หลิงเล่ก็เปลี่ยนเป็นคนละคน
ไม่ได้หมายความว่าเขาเปลี่ยนไปตรงไหน ก็แค่เรื่องที่เวลาเขาเถียง ก็ค่อยๆเริ่มยอมถอยให้บ้าง
ทุกครั้งที่แม่สาวน้อยมีเรื่องจะพูด เขาอยากจะพูดดักคอเธอแต่ก็พยายามห้ามตัวเองเอาไว้ทุกครั้ง ทำเหมือนตัวเองเป็นใบ้ เป็นอย่างนี้ไปสักพักเขาก็พบว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม่สาวน้อยไปได้ด้วยดีมากขึ้น
มู่เทียนซิงก็รู้สึกได้ว่าหลิงเล่อ่อนโยนขึ้น รู้สึกได้ว่ายิ่งดูก็ยิ่งมีออร่าของผู้ชายอ่อนโยนมาแทนที่ บางครั้งก็ลองจ้องเขาค้างเอาไว้ แต่ว่าแค่มองก็เอาสายตาออกไปจากเขาไม่ได้เลย พอเบนสายตาหนีได้ก็เหมือนจะหน้าแดงทุกครั้งไป
ที่แท้นี่ก็คือความรู้สึกเวลาชอบใครสักคนงั้นหรอ หึหึ ประหลาดดีเหมือนกันนะ
อาหารเย็นวันนี้สั่งให้คนช่วยเอามาให้ที่ห้อง พอกินกันเสร็จแล้วมู่เทียนซิงก็ไปอาบน้ำแล้วก็กลับมานอนอยู่บนเตียงหลังใหญ่
หลิงเล่เข้าไปในห้องน้ำหลังเธอใช้เสร็จ
เธอได้ยินว่าจั๋วซีผลักเขาเข้าไป ในห้องน้ำมีกลิ่นดอกไม้หอมอ่อนๆฟุ้งไปทั่ว ใจของเธอเต้นแรง
ในสมองของเธอมีแต่ภาพความทรงจำของวันนี้ ทั้งหมดมีแต่ตอนที่เขาบอกรักเธอ
จะทำยังไงดี?
ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องสารภาพรักขึ้น แค่เธอคิดถึงเขา ใจของเธอก็เต้นรัวจนไม่เป็นจังหวะ
ตอนที่จั๋วซีเปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อยแล้ว หลิงเล่ที่ทั้งหอมทั้งสะอาดก็ผลักตัวเองมาอยู่ตรงหน้ามู่เทียนซิง แถมเขายังหยอกเธอเล่นอีกว่า “คุณหนูมู่ ซือซ่าวที่อาบน้ำจนสะอาดสะอ้านมาส่งแล้วครับ”
หลิงเล่แก้มแดง แต่ก็ไม่พูดอะไร
เธอกลับดึงผ้าห่มออก โผล่หน้าออกมามองเขาแว๊บหนึ่ง เอ่ยขึ้นอย่างเขินๆ “คุณอาไม่ใช่ว่าชอบนอนที่ห้องหนังสือหรอคะ?”
แก้มแดงอมชมพูของหลิงเล่เมื่อกี้เริ่มหายไป แต่เขาไม่พูดอะไรออกมา
จั๋วซีเม้มปาก “คุณหนูมู่ ไม่มีใครชอบนอนที่ห้องหนังสือหรอกครับ ซือซ่าวไม่ได้นอนพักผ่อนดีๆมาสองวันเต็มแล้ว คุณหนูก็สงสารท่านหน่อย ให้ท่านได้นอนบนเตียงดีๆสักคืน!”
“ข้างๆก็เป็นห้องนอนเหมือนกัน!”
“พี่ชายกับพี่สะใภ้ของฉัน นอนอยู่ห้องข้างๆ!”
“แล้ว”
“คืนนี้ผมเป็นยาม ต้องนอนที่โซฟาห้องรับแขก!”
“อ๋อ~!”
จั๋วซีดักทางหนีทั้งหมดของมู่เทียนซิงเอาไว้จนหมด แถมยังโยนคำหวานไว้ล่อลวงเธออีก “แต่ว่าคุณหนูไม่ต้องกังวลนะครับ แค่คุณหนูรับปากจะให้ซือซ่าวนอนบนเตียงด้วยกัน ผมสามารถไปเอาผ้าห่มอีกผืนมาให้ได้ พวกท่านก็แค่นอนเตียงเดียวกัน แต่หมอนคนละใบ ต่างคนต่างมีผ้าห่มเป็นของตัวเอง ร่างกายส่วนล่างของซือซ่าวก็ขยับไม่ได้ รับรองว่าคุณหนูปลอดภัยแน่นอน”
เมื่อลองคิดอีกที มู่เทียนซิงก็เริ่มลังเลใจ
สายตาของเธอจ้องอยู่บนใบหน้าของหลิงเล่ แถมยังเห็นเขาดูง่วงๆมึนๆแถมยังหาวหวอดๆเหมือนกับลูกแกะตัวน้อยที่กำลังง่วงๆสุดๆแล้วด้วย
สุดท้ายก็ใจอ่อน พยักหน้าเบาๆ “อย่างนั้นนายก็รีบๆไปเอาผ้าห่มมา!”
“เดี๋ยวนี้เลยครับ!”
จั๋วซีดีใจ รีบหันตัววิ่งกลับไปทางเดิม แป๊บเดียวเขาก็กลับมา ในมือถือผ้าห่มสีขาวอีกผืนมาด้วย เร็วเหมือนกับเสกได้ขนาดนี้ ทำให้มู่เทียนซิงแอบสงสัยว่าพวกเขาได้นัดกันเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วหรือเปล่า
จั๋วซีขอให้เธอช่วย เธอก็เลยลงจากเตียง เธอกับจั๋วซีช่วยกันยกตัวของหลิงเล่ขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างเบามือ เอาหมอนมารองไว้ใต้คอเขา แล้วค่อยห่มผ้าให้เขา
“ซือซ่าว คุณหนูมู่ ฝันดีครับ ขอให้ฝันหวานนะครับ~!”
ตอนที่จั๋วซีออกไปแล้ว มุมปากของเขายกยิ้มมีเลศนัยขึ้น รอยยิ้มนั้นไม่ต่างอะไรกับรอยยิ้มของโจรเลยสักนิด แต่มู่เทียนซิงไม่ได้ใส่ใจ
เธอปีนกลับขึ้นไปบนเตียง หันไปบอกกับคนที่นอนอยู่ข้างๆ “คุณอา ฝันดีค่ะ~!”
“ฝันดี”
ภายในห้องเปิดโคมไฟดวงเล็กไว้ดวงนึง ตอนที่มู่เทียนซิงกำลังจะหลับตาก็เห็นว่าหลิงเล่กำลังนอนตะแคงมองมาทางเธอ เขาไม่ยอมหลับ ดวงตาทั้งคู่จับจ้องอยู่ที่เธอเหมือนกับหมาป่าที่กำลังจ้องมองเหยื่อ
เธอค่อยๆพลิกตัว ปล่อยให้เขานอนมองด้านหลังของเธอไปแทน
คิดว่าเขาไม่สามารถขยับตัวได้ เธอก็เลยไม่ระวังอะไรทั้งนั้นเสร็จแล้วก็หลับตานอน
แต่ว่าคืนนั้นมู่เทียนซิงฝันประหลาดมาก
เธอฝันว่าตัวเองจมน้ำและกำลังหายใจไม่ออก แล้วหลิงเล่กระโดดลงน้ำแล้วผายปอดให้เธอ เธอได้ยินเสียงเขาเบาๆดังอยู่ที่ข้างหู “เด็กดี เธอสวยมากๆ~!”
เธอลืมตาอย่างสะลึมสะลือ พอดีกับเป็นเวลาย่ำรุ่งที่สมองของคนกำลังล้ามากที่สุด ความคิดและการรับรู้ต่างๆของเธอช้ากว่าปกติ แค่รู้สึกว่าบนตัวเธอมันหนักขึ้นเรื่อยๆ มือเล็กลูบไปบนอกของตัวเองก็พบกับหัวของคนวางอยู่
เธอตกใจจนแทบจะร้องออกมา แต่ว่าเจ้าของหัวนั้นกลับเงยหน้าขึ้นมามองเธอทั้งพยายามพูดให้เธอสงบลง
เธอพยายามมองหัวนั่นดีๆอีกครั้ง “คุณอา ที่แท้ก็คุณอานี่เอง”
แย้มยิ้มขึ้น เธอยืดแขนออกมากอดเอาไว้รอบคอของเขา ดึงศีรษะของเขากลับมาไว้บนอกของตัวเองตามเดิมแล้วก็กลับไปหลับต่อเหมือนเดิม
การตอบสนองแบบนี้ ไม่ได้มีการร้องขอใดๆ
ถ้าเกิดเรื่องนี้เกิดขึ้นตอนกลางวัน ในตอนที่มู่เทียนซิงมีสติครบถ้วนดีเธอคงจะอายมากเป็นแน่!
วันต่อมา ตอนที่ฟ้าสว่างแล้ว
มู่เทียนซิงตื่นมาก็ไม่เห็นหลิงเล่นอนอยู่บนเตียงแล้ว
เธอขยี้ตา แล้วก็รีบลุกไปเข้าห้องน้ำตั้งใจจะจัดการตัวเองให้เรียบร้อยถึงได้พบว่าแถวหน้าอกของเธอมีแต่รอยคิสมาร์กเต็มไปหมด!
โอ้มายก๊อด! คุณพระช่วย!
ในตอนนี้มู่เทียนซิงหลับจนเต็มอิ่มแล้ว ความคิด สติและความรู้สึกต่างๆของเธอกลับมาครบถ้วน ต่อให้เธอจะหัวช้าแค่ไหนก็รู้ได้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น!
“หลิงเล่~!ฉันจะฆ่าคุณซะ~!ไอ้ควฉวยโอกาส~!”
มู่เทียนซิงที่โกรธจนแทบจะฆ่าคนได้ลงไปที่ห้องรับแขก แค่เปิดประตูก็มองเห็นหลิงเล่นั่งอยู่บนโซฟาใบหน้าอึมครึม จั๋วซีกำลังบีบยาอะไรสักอย่างทาลงไปบนขาขอเขาอย่างระมัดระวัง
จั๋วหรันก็สีหน้าเคร่งขรึม ฉวีซือเหวินก็ไม่ต่างกัน!
ไม่มีใครหันมาพูดกับเธอ ทุกคนกำลังเฝ้าดูอาการของหลิงเล่
“เกิดอะไรขึ้น? ขาของคุณอาเป็นอะไรหรอ?”
มู่เทียนซิงโยนเรื่องที่เธอกำลังสงสัยทิ้งไปไกล มองสภาพหลิงเล่ในตอนนี้เธอก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้
ฉวีซือเหวินรีบตอบ “ตอนหัวรุ่งพวกเราได้ยินเสียงว่าซือซ่าวล้มอยู่ในห้อง พอเข้าไป รถเข็นล้มนอนอยู่บนพื้น ซือซ่าวเองก็ล้มนอนอยู่บนพื้นเหมือนกัน ขาของคุณชายได้รับบาดเจ็บ น่าจะบวมช้ำ”
“บวมหรอ? ขอฉันดูหน่อย”
มู่เทียนซิงชะโงกหน้า พยายามที่จะเขยิบขึ้นไปด้านหน้าแต่กลับโดนจั๋วหรันห้ามเอาไว้
จั๋วหรันว่า “มีจั๋วซีคอยดูแล คอยทายาให้ก็พอแล้วครับ”
ฉวีซือเหวินเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “คุณหนูมู่ พอพวกเรารับประทานอาหารเช้ากันเสร็จก็จะกลับเมืองM ไม่ทราบว่าคุณหนูมู่เก็บกระเป๋าหรือยังคะ? ฉันไปช่วยคุณหนูเก็บดีกว่า!”
มู่เทียนซิงขมวดคิ้วเล็กของเธอ มองขาของหลิงเล่ เธอมองไม่เห็นแผลของเขาเพราะมือของจั๋วซีนั่นใหญ่มาก มือเขามือเดียวกดอยู่บนแผล ไม่ว่าจะรอยช้ำรอยเขียวก็โดนบังจนหมด เธอเพียงแต่เห็นจั๋วซีตั้งใจนวดอยู่เท่านั้น
ถอนหายใจออกมาเบาๆ มู่เทียนซิงจ้องที่หลิงเล่ “คุณอา เป็นยังไงบ้างคะ?”
หลิงเล่เงยหน้ามองเธอ พยักหน้า “ฉันยังไหว เธอรีบไปเก็บของกับอาซือเถอะ พวกเรากำลังจะไปกันแล้ว”
เธอพยักหน้า รีบไปอย่างว่าง่าย
ฉวีซือเหวินเข้าไปในห้องพร้อมกับเธอ เสร็จแล้วก็ปิดประตูห้อง
ณ ตอนนั้นเอง
ในที่สุดจั๋วซีก็หยุดนวด แต่กลับยิ้มขึ้นมาอย่างมีนัย พูดขึ้นเบาๆ “ยังดีนะครับที่คุณหนูมู่จับไม่ได้”
จั๋วหรันยอมแพ้เจ้าของบ้านคนนี้จริงๆ ส่ายหน้าไปมาไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี “ที่เขาพูดว่าพอเป็นห่วงแล้วก็จะว้าวุ่น คุณหนูมู่พอเป็นห่วงซือซ่าวไม่ว่าจะเรื่องใหญ่แค่ไหนก็สามารถรอได้ แล้วมาดูสิว่าตอนนี้ซือซ่าวเป็นยังไง”
หลิงเล่เงียบ เขาก้มตัวยืดแขนมาจัดการปล่อยขากางเกงที่ถูกพับขึ้นเอาไว้ให้กลับไปเรียบร้อยเหมือนเดิม ปกปิดขาที่ไม่มีแม้แต่ร่องรอยขีดข่วน