ตอนที่ 67 มีพื้นดินถึงมีเสบียง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 67 มีพื้นดินถึงมีเสบียง

การสร้างเรือนอุ่นเป็นเรื่องง่าย

เรื่องยากคือการรับแสง

เมื่อไม่มีกระจกและแผ่นใส การรับแสงจึงเป็นปัญหาใหญ่

หากไม่แก้ไขปัญหาเรื่องรับแสง การสร้างเรือนอุ่นขึ้นมาก็ไร้ประโยชน์ เพาะมันก็ปลูกผักและผลไม้ไม่ได้อยู่ดี

นางต้องคำนึกปัญหานี้ให้ดี

ก่อนอื่นนางให้เยียนสุยหาช่างฝีมือมาทดลอง

คนมากย่อมดีกว่าคนน้อย ไม่แน่ว่าอาจจะหาทางแก้ไขได้

เมื่อได้ยินแผนการสร้างเรือนอุ่น เยียนสุยเบิกตาโตด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก

“คุณหนูช่างคิดยิ่งนัก หากสามารถเพาะปลูกผักและผลไม้ในฤดูหนาวได้ตามวิธีของคุณหนู อย่างนั้นเงินบุกเบิกในปีหน้าของพวกเราย่อมมีแล้ว ไม่แน่ว่าอาจมีเงินเหลือใช้หนี้ด้วย”

เยียนอวิ๋นเกอทำท่าทาง ‘เรื่องคืนเงินไม่ต้องรีบร้อน’

เงินที่ใช้ความสามารถของนางยืมมา เหตุใดจึงต้องคืน

ก่อนถึงกำหนดการชดใช้หนี้ อย่าคิดจะให้นางคืนแม้แต่เหวินเดียว

อย่างไรคนที่ติดหนี้ย่อมเป็นพี่ใหญ่

โดยเฉพาะคนที่ติดหนี้จำนวนมหาศาลอย่างนาง

เวลานี้นางไปยืมอุปกรณ์เกษตรและควายไถนาจากสำนักเซ่าฝู่ล้วนไม่ต้องผ่านองค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินแล้ว

เพียงแค่นางแจ้งชื่อ สำนักเซ่าฝู่ก็จัดการให้นางอย่างเบ็ดเสร็จ

อีกทั้งยังส่งคนมาถามความคืบหน้าในการบุกเบิกเป็นประจำ

ราวกับกลัวว่านางไม่ได้เอาอุปกรณ์เกษตรและควายไถนาไปบุกเบิก หากแต่นำไปทำอย่างอื่น

นางกำชับเยียนสุย ‘ลองหาช่างฝีมือสร้างเรือนอุ่นขึ้นมาก่อน พยายามแก้ไขปัญหาทุกอย่างก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว หากไม่สามารถทำได้จริง ข้าจะคิดหาวิธีอื่น’

หากเรือนอุ่นล้มเหลวคงทำได้เพียงคิดหาวิธีหาเงินทางอื่น

นางยังมีวิธีหาเงินอีกมากมาย

แต่เนื่องจากฐานะของนางในตอนนี้ ไม่อาจสร้างความเดือดร้อนให้มารดาได้ เวลานี้นางจึงทำได้เพียงทำกิจการที่หาเงินได้ช้า

อาทิการบุกเบิก!

อาทิร้านอาหาร!

การเพาะปลูกและการขายอาหาร หนึ่งไม่ทำให้ผู้อื่นระแวง สองไม่ทำให้ผู้อื่นโกรธแค้น

เพียงแค่ร้านน้ำแกงเครื่องในยังสามารถทำให้อันธพาลในเมืองหลวงอิจฉาได้

หากนางสร้างกิจการใหม่ใดขึ้นมา เกรงว่าภายในพระราชวังคงจะเกิดการอิจฉานาง

ทุกเรื่องล้วนเป็นเพราะความยากจน

สมัยนี้ทุกคนต่างยากจน ราชวงศ์ก็ขาดแคลนเงินเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ขาดแคลนเงินในการกินข้าว หากแต่ขาดแคลนเงินในการทำเรื่องใหญ่

นางเดินไปโดยรอบบนคันนาที่ก่อขึ้นใหม่

เยียนอวิ๋นเกอพบเห็นปัญหามากมาย

ในขณะที่นางทำท่า เยียนสุยก็คอยพูดเสริม ด้านข้างมีบ่าวคอยจดบันทึก

‘อากาศร้อนขึ้นมายิ่งต้องระวังเรื่องความสะอาด สถานที่อื่นข้าดูแลไม่ได้ แต่หากอยากจะกินข้าวในที่ดินบุกเบิกของข้าย่อมต้องรักษากฎของข้า ประกาศลงไป ผู้ใดบังอาจดื่มน้ำที่ไม่ผ่านการต้ม ครั้งแรกตักเตือน ครั้งที่สองตัดเสบียง ครั้งที่สามไล่ออก คนจำนวนมากล้วนต้องการเข้ามาในพื้นดินบุกเบิก ที่นี่ไม่ขาดแคลนคน ยิ่งไม่ต้องการคนที่ไม่เชื่อฟังมาทำลายกฎระเบียบ

ต้องการให้ที่ดินอุดมสมบูรณ์ ปุ๋ยเป็นสิ่งสำคัญ ห้องน้ำสร้างขึ้นไม่ใช่เพื่อความงาม แต่ละคนอย่าได้คิดใช้ข้ออ้าง บังอาจถ่ายท้องตามอำเภอใจ มีห้องน้ำไม่ใช้ ครั้งแรกตักเตือน ครั้งที่สองตัดเสบียง ครั้งที่สามไล่ออก ไม่มีการไว้หน้า

อย่าบอกว่าพวกเขาน่าสงสารจนใจอ่อนไม่ยอมไล่ออก สมัยนี้ผู้ใดไม่น่าสงสาร พื้นดินในนครบาลมีผู้อพยพไม่ต่ำกว่าแสนคน ผู้อพยพมากมายไม่มีอาหาร พวกเขาน่าสงสารหรือไม่ ในเมื่อมาทำงานบุกเบิกที่นี่ มีอาหารให้กินแล้ว แต่หากไม่ยอมใช้เวลาเพียงเล็กน้อยเรียนรู้กฎระเบียบ คนแบบนี้เอามาก็ไร้ประโยชน์ คนที่เพาะปลูกได้มีมากมาย คนที่ใช้กำลังได้ยิ่งมีมาก ไม่จำเป็นต้องใช้พวกเขาเท่านั้น’

‘สำหรับคนที่ชอบทะเลาะกัน ชอบสร้างความวุ่นวาย ย่อมให้อภัยไม่ได้ หากผู้นั้นสมควรถูกลงโทษย่อมต้องลงโทษ ควรโบยย่อมต้องโบย อย่าใจอ่อน เจ้าสามารถจดชื่อของพวกเขาเอาไว้ คัดเลือกคนที่เหมาะสม เมื่อเสบียงเพียงพอที่จะเลี้ยงตนเองได้ในภายหน้า สร้างพวกเขาให้กลายเป็นหน่วยองครักษ์เพื่อรักษาความปลอดภัย เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะส่งองครักษ์มาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แก่พวกเขา’

‘พื้นที่เนินเขาตรงนั้นรดน้ำยาก พื้นที่ปลูกเสบียงสามารถคำนึงพวกผลไม้หรือต้นไม้ออกดอก คนร่ำรวยในเมืองหลวงมีความต้องการต้นไม้ออกดอกในแต่ละปีไม่น้อย ต้นไม้ออกดอกของพวกเขาส่วนใหญ่ล้วนขนส่งมาจากทางใต้ ต้องเดินทางยาวไกล อัตราการมีชีวิตรอดของต้นไม้ออกดอกต่ำ หากพวกเราสามารถสร้างพื้นที่เพาะปลูกต้นไม้ออกดอกได้ย่อมหาเงินได้ไม่ยาก เรื่องนี้เจ้าลองดู หากปลูกได้ก็ปลูก หากปลูกไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืน’

‘อย่าลืมส่งคนขึ้นไปตัดต้นขี้เถ้า ต้นไทร ต้นหยาง โยนทิ้งไว้ในพื้นที่อับชื้นบนภูเขา ไม่จำเป็นต้องขนลงมา ข้าจะใช้ประโยชน์พวกมันเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิกับใบไม้ร่วง’

ก่อนเข้าฤดูใบไม้ร่วงยังสามารถเพาะปลูกเห็ดหูหนูได้อีก

เยียนอวิ๋นเกอวางแผนจะทดลองเพาะปลูกเห็ดหูหนูด้วยฝีมือของคน

หากประสบความสำเร็จ เมื่อถึงฤดูหนาว เห็ดหูหนูก็สามารถสร้างรายได้ให้นางด้วยเช่นเดียวกัน

หากล้มเหลวก็ไม่สำคัญ ทดลองต่อไปเรื่อยๆ เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าค่อยเพาะปลูกต่อ

เห็ดหูหนูในฤดูใบไม้ผลิอร่อยกว่า อีกทั้งยังขายเป็นเงินได้เหมือนกัน

เยียนอวิ๋นเกอนึกขึ้นได้ว่าการเพาะปลูกเห็ดด้วยฝีมือคนก็สามารถทำในเรือนอุ่นได้

ดูท่าทางเรือนอุ่นนี้มีความจำเป็นต้องสร้างขึ้นมาเสียแล้ว

ถึงแม้จะปลูกผักและผลไม้ไม่ได้ แต่ก็ต้องหาทางปลูกเห็ดให้ได้

ปีนี้ไม่ได้ ปีหน้าลองใหม่

นางไม่เชื่อว่าการทุ่มเทเงินจำนวนมากจะไม่ได้ผลแม้แต่น้อย

ความคิดมีมาก แผนการก็มีมาก

แต่มันก็ไม่อาจทำให้สำเร็จภายในวันสองวัน

สิ่งสำคัญยังคงเป็นการบุกเบิก

มีที่ดินถึงจะมีเสบียง

มีเสบียงถึงจะมีคน ถึงจะผูกมัดใจคนได้

สถานที่แห่งนี้ห่างจากเมืองหลวงสองร้อยกว่าลี้ ทั้งห่างไกลทั้งเปล่าเปลี่ยว แต่เป็นสถานที่บุกเบิกที่ดีที่สุดในใจของเยียนอวิ๋นเกอ

ชุมชนสุ่ยจื๋อเป็นชุมชนที่เคยยากจนและไกลโพ้น เวลานี้ก็ยังคงยากจนเหมือนเคย ประชากรยังไม่ถึงพันคนด้วยซ้ำ

ผู้คนไม่ตายก็หนีไป

อย่างไรก็ตาม ชุมชนกว้างใหญ่นี้อ้างว้างอย่างสมบูรณ์

แต่เยียนอวิ๋นเกอเชื่อว่าหลังจากนี้สามถึงห้าปี สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์

คนในสถานที่แห่งนี้ล้วนจะมีข้าวกิน มีเงินใช้

สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นที่เริ่มต้นของนาง

เยียนอวิ๋นเกออารมณ์ดีอย่างมากหลังจากเดินรอบพื้นที่บุกเบิกใหม่

พื้นที่เหล่านี้ล้วนเป็นพื้นดินของนาง ดีใจเหลือเกิน!

นางเดินกลับไปยังเรือนอิฐหลังเพียงแห่งเดียวในพื้นที่นี้

ผู้อพยพในพื้นที่บุกเบิกต่างพักในกระโจมฟาง หรือเพิงฟาง

อย่างไรเวลานี่ก็เป็นฤดูร้อน เพิงฟางยังพออยู่ได้

เวลานี้ทำได้เพียงเท่านี้ ไม่มีหนทางอื่น

ผู้ใดให้เยียนอวิ๋นเกอไม่มีเงินในมือ เงินแต่ละก้วนล้วนต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เรื่องการสร้างเรือนย่อมต้องอยู่ท้ายสุด

เรือนอิฐเพียงหลังเดียวแห่งนี้ ผู้อพยพในพื้นที่บุกเบิกล้วนเรียกมันว่าเรือนพักร่ำรวย ช่างเป็นความคาดหวังที่งดงามยิ่งนัก

เยียนสุยเห็นด้วยกับทุกคน จึงหาคนทำป้ายประตูซึ่งเขียนว่าเรือนพักร่ำรวย

เยียนอวิ๋นเกอยืนอยู่ด้านหน้าเรือนพัก เงยหน้ามองป้ายประตูเคลือบทอง คำว่าร่ำรวยทำให้นางตาลายเล็กน้อย

นางคิดจะหยอกล้อ แต่ไม่ว่าจะเป็นภาษามือหรือตัวอักษร ล้วนไม่เหมาะสมเท่าคำพูด

เอาเถิด นางล้มเลิกความคิดที่จะหยอกล้อ

เพื่อไม่ให้เยียนสุยเข้าใจความหมายของนางผิดจนคิดไปเรื่อยเปื่อย

เดินเข้าเรือนพักร่ำรวยที่มีเรือนทั้งหมดสามหลัง ยี่สิบกว่าห้อง เพียงพอต่อการพักอาศัยของพ่อบ้าน และบ่าวรับใช้

ด้านหลังยังมีเรือนเล็กอีกหลัง มีทั้งหมดห้าห้อง เอาไว้สำหรับการพักอาศัยของเยียนอวิ๋นเกอ

เรือนหลังนี้สร้างขึ้นไม่นาน ยังได้กลิ่นเฉพาะตัวของเรือนใหม่อยู่

เยียนอวิ๋นเกอเดินชมรอบหนึ่ง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานต่อ

มีสาวรับใช้หลายคนไปเก็บกวาดเรือนเล็กทางด้านหลัง คืนนี้นางย่อมต้องพักที่นี่

สถานที่แห่งนี้ห่างจากเมืองหลวงสองร้อยกว่าลี้ เยียนอวิ๋นเกอนั่งรถม้ากว่าสามวันจึงจะถึง

นางวางแผนจะอยู่ในเรือนพักแห่งนี้สิบวันถึงครึ่งเดือนเพื่อจัดการเรื่องทุกอย่างให้จบ

นางนั่งลงในห้อง

เยียนอวิ๋นเกอใช้ภาษามือซักถาม ‘ปัญหาใหญ่สุดในเวลานี้คือเรื่องใด’

เยียนสุยพูดทันที “ไม่ปิดบังคุณหนู ปัญหาใหญ่สุดไม่ใช่เมล็ดพันธุ์หรือเสบียง หากแต่ขาดคนทำบัญชีขอรับ แต่ละวันต้องจดบัญชีหลายเล่ม ข้าจัดการไม่ทัน เหล่าบ่าวรับใช้ก็มีความสามารถเพียงการคิดบัญชีทั่วไป คิดผิดย่อมเป็นเรื่องปกติ คุณหนูสามารถหาคนทำบัญชีมาประจำการในเรือนพักได้หรือไม่ขอรับ”

เยียนอวิ๋นเกอทำท่า ‘ภายในจวนไม่มีคนทำบัญชีที่เหลือให้เจ้า คนทำบัญชีในมือข้าล้วนต้องอยู่ประจำร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยในเมืองหลวง อย่างนี้ ข้าให้เจ้ารับมาได้สามคน แต่เจ้าต้องหาคนเอง’

เยียนสุยโล่งใจอย่างมาก

ถึงแม้ไม่มีคนทำบัญชีมาเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย

แต่เยียนอวิ๋นเกอให้รับคนได้สามคน ทำให้เยียนสุยโล่งอกอย่างมาก

เยียนอวิ๋นเกอซักถาม ‘เรื่องที่ข้าพูดคราวก่อนว่าให้หาพื้นที่แห่งหนึ่งทำเป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ เจ้าหาได้แล้วหรือไม่’

เยียนสุยรีบพูด “ข้าน้อยกำลังจะพูดเรื่องนี้ ข้าหาพื้นที่ได้แล้ว อยู่ทางตอนล่างของแหล่งน้ำ มีพื้นที่ราวสองพันไร่ เพียงพอต่อการเลี้ยงวัว แพะและม้า”

เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้าระรัว ‘พื้นที่เมืองหลวงนี้ หากเลี้ยงวัว แพะและม้าย่อมต้องขาดทุน ไม่ว่าเลี้ยงอย่างไรก็ไม่อาจเทียบวัว แพะและม้าจากพื้นที่ทุ่งหญ้าได้ ข้าให้เจ้าเปิดทุ่งเลี้ยงสัตว์ ไม่ใช่เพื่อเลี้ยงสัตว์ หากแต่เพื่อเพาะปลูกหญ้า’

“เพาะปลูกหญ้า?” เยียนสุยทำหน้าฉงน

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า ‘ใช่! เพาะปลูกหญ้า เราจะขายหญ้า เมืองหลวงมีม้าจำนวนมาก แต่ขาดแคลนทุ่งเลี้ยงสัตว์ ฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงยังสามารถพอหาอาหารให้เหล่าสัตว์เลี้ยงได้ แต่เมื่อถึงปลายฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว หญ้าที่เป็นเสบียงจำเป็นของม้ากลับขาดแคลนอย่างมาก สถานการณ์นี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ไม่มีการแก้ไขที่ดีเสียที

ทุ่งเลี้ยงสัตว์ของพวกเราเอาไว้เพาะปลูกหญ้าเพื่อขายโดยเฉพาะ ตามที่ข้ารู้มา กองกำลังทางเหนือเป็นกองกำลังม้ากว่าครึ่ง พวกเขามีความต้องการหญ้าในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้บรรดาชนชั้นสูงที่ต้องการหญ้าก็มีจำนวนมากเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ผู้อื่นขาดแคลนสิ่งใด พวกเราก็ขายสิ่งนั้น เมืองหลวงไม่ขาดแคลนวัว แพะและม้า พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องไปเลี้ยงวัว แพะและม้า พวกเราไม่จำเป็นต้องทำงานเหนื่อยแต่ได้เงินน้อย ในเมื่อเมืองหลวงขาดแคลนหญ้า พวกเราก็ขายหญ้า’

การค้าย่อมสามารถทำเช่นนี้ได้

เยียนสุยเหม่อลอย เขาคิดตามไม่ทัน

เขาพูดออกมา “หากคุณหนูยอมช่วยท่านโหวดูแลการเงินภายในจวน ท่านโหวก็คงไม่จำเป็นต้องกลุ้มใจเรื่องเงิน”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ

นางไม่ได้โง่!

นางช่วยเยียนโส่วจ้านผู้เป็นบิดาชั่วหาเงิน ย่อมเป็นการเกื้อหนุนเยียนอวิ๋นฉวน นางไม่มีเรื่องอื่นให้ทำหรือ

นางมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง เยียนโส่วจ้านย่อมต้องทิ้งสมบัติไว้ให้เยียนอวิ๋นฉวน

นางเหน็ดเหนื่อยแทบตาย สุดท้ายเยียนอวิ๋นฉวนได้ประโยชน์ นางจะทำเพื่อสิ่งใด

เยียนสุยพูดอีกครั้ง “หากท่านโหวรู้ความสามารถของคุณหนู ไม่รู้จะเสียใจหรือไม่”

เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้ว เยียนโส่วจ้านไม่เสียใจหรอก

แม่ทัพผู้มีกองกำลังในมือ ขุนนางทรยศในปากของขุนนางฝ่ายราชการย่อมต้องมีจิตใจที่แน่วแน่อย่างที่คนทั่วไปมิอาจเทียบได้

ในเมื่อเขาตัดสินใจให้เยียนอวิ๋นฉวนสืบทอดมรดกแล้ว หากไม่ถึงคราวที่ไม่มีทางไปเมื่อใด เขาย่อมไม่มีทางเปลี่ยนแปลงความคิดของตนเอง

บุรุษที่มีจิตใจแน่วแน่อย่างเยียนโส่วจ้าน เยียนอวิ๋นเกอเคยพบเห็นมาไม่น้อยเมื่ออดีตชาติ

ดังนั้นนางจึงไม่เคยคิดเปลี่ยนแปลงเยียนโส่วจ้าน ยิ่งไม่เคยคิดให้พี่รองเยียนอวิ๋นถงไปแย่งชิงมรดก

เยียนอวิ๋นเกอไม่สนใจมรดกของตระกูลเยียน มรดกเพียงแค่นั้น นางสามารถหาเองได้ อีกทั้งนางยังหาได้มากกว่านั้นเสียอีก

นางสนใจเพียงอำนาจทางการทหารของตระกูลเยียน

ดังนั้นพี่รองต้องอยู่ในแคว้นซ่างกู่เพื่อแย่งชิงอำนาจทางการทหาร!