ตอนที่ 37 อ่อย

อวี้ชิงลั่วหันกลับมาในทันใด จึงพบว่าหนานหนานรีบกระโดดเข้ามา นอกจากนี้ด้านหลังของเขา…ยังมีเย่ซิวตู๋ที่กำลังจ้องมองนางด้วยท่าทางเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

“ซี้ด…” อวี้ชิงลั่วสูดลมเย็นเข้าอย่างฉับพลัน หันไปถลึงมองจินหลิวหลีด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด “เกิดอะไรขึ้น? ไม่มีหมายเลขสามมิใช่หรือ? เจ้าพาเขามาที่นี่อยากตายงั้นหรือ?”

จินหลิวหลีหันไปมองที่คานบ้านอย่างเงียบ ๆ ใบหน้าของนางแดงระเรื่อดูไม่เป็นตัวของตัวเอง มือทั้งสองข้างยังทำท่าจะเข้าไปกอดหนานหนาน เพียงแต่ดูเหมือนว่าจะห้ามเจ้าเด็กนี่ไม่ให้เปิดประตูไม่ทัน

ภายในใจของนางเกิดความคิดอย่างต่อเนื่อง…หากจะโทษก็ต้องโทษบุตรชายของเจ้า หากจะโทษก็ต้องโทษบุตรชายของเจ้า หากจะโทษก็ต้องโทษบุตรชายของเจ้า…

เย่ซิวตู๋ก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว มองอวี้ชิงลั่วที่พยายามรักษาสีหน้าให้นิ่งสงบภายในห้องด้วยรอยยิ้มเย็นเยียบ “หมอปีศาจ? ดูท่าแม่นางอวี้คงจะเป็นหมอปีศาจที่ผู้คนพูดถึงกันสินะ?”

อวี้ชิงลั่วหันกลับมาในทันใด กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างยิ่ง “ใครบอกว่าข้าคือหมอปีศาจ? ข้าไม่ใช่สักหน่อย ข้าเพียงแค่มาที่นี่เพื่อเป็นลูกมือให้หมอปีศาจเท่านั้น…”

“ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าเอง” หนานหนานยกมือขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เขากล่าวด้วยความตื่นเต้นอย่างยิ่งยวด “ข้าเองที่เป็นคนพูด ข้าเป็นคนพูดว่าท่านแม่คือหมอปีศาจ ข้าจะบอกอะไรให้นะ ท่านลุงเหวินเทียนและคนพวกนั้นซื่อบื่อเสียเหลือเกิน พวกเขา…พวกเขาบอกว่าท่านแม่ไปหาหมอปีศาจ ฮ่า ๆๆ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านแม่นั่นแหละคือหมอปีศาจ ฮ่า ๆ ท่านว่าพวกเขาซื่อบื้อหรือไม่เล่า ถึงได้ถูกท่านแม่หลอกจนหัวหมุน น่าขันเกินไปแล้ว”

“…”

“???”

“!!!”

จินหลิวหลีเบือนหน้าด้วยความเศร้าสร้อยอย่างมิอาจทนดูได้

“อวี้ฉิงหนาน ถ้าเจ้ายังกล้าพูดมากอีกคำเดียว หลังจากนี้จะไม่ได้ดื่มสุรา ไม่ได้กินข้าวและข้าจะไม่ให้เจ้านอนด้วย” อวี้ชิงลั่วอยากยัดบุตรชายของนางกลับเข้าท้องเสียเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่เมื่อสองวันก่อนก็เคยเตือนเขาไปแล้วว่าไม่ให้บอกเย่ซิวตู๋และคนอื่น ๆ ว่านางเป็นหมอปีศาจ เจ้าเด็กบ้านี่เห็นคำพูดของนางเป็นลมผ่านหูไปได้

“ฮ่า ๆ… เอือก…” เสียงหัวเราะหยุดในฉับพลัน หนานหนานมองใบหน้าแข็งทื่อของอวี้ชิงลั่วด้วยความระมัดระวังและหวาดกลัว ก่อนซ่อนตัวอย่างอ่อนแอหลังจินหลิวหลี ครั้นนึกได้ว่าท่านป้าจินก็กลัวท่านแม่เช่นกัน เขาจึงเปลี่ยนเป็นอีกคน ย้ายไปกอดต้นขาของเย่ซิวตู๋ไม่ยอมปล่อยมือแทน

น่ากลัวมาก ๆ ท่านแม่ยังใช้โทษทรมานที่โหดร้ายเสียจนไม่นึกว่าจะมีอยู่บนโลกนี้กับเขา น่ากลัวมาก ๆ เลย

เย่ซิวตู๋ช้อนสายตา แค่นเสียงหัวเราะเยาะหนึ่งเสียง “เจ้ามีความมั่นใจเสียเหลือเกินนะ ถึงได้หลอกคนอื่นเสียจนหัวหมุน หืม?”

อวี้ชิงลั่วสั่นไปทั้งตัว นางรู้สึกได้ว่าเย่ซิวตู๋โกรธแล้ว เป็นความโกรธที่ไม่เคยมีมาก่อน และคนที่เขาโกรธก็คือ…นาง

นางถอยออกไปอย่างระวังหนึ่งก้าว เพื่อหาจุดที่ตนเองสามารถออกไปได้

“หนานหนาน เจ้าออกไปกับป้าจินก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับแม่ของเจ้า” เย่ซิวตู๋เห็นเด็กน้อยกำลังกอดต้นขาตนเองด้วยเนื้อตัวสั่นระริก จึงเลิกคิ้วขึ้นเบา ๆ โน้มตัวลงอุ้มเขาขึ้นมาและยื่นเข้าไปในอ้อมกอดของจินหลิวหลี

จินหลิวหลีอยากออกไปตั้งนานแล้ว เมื่อเห็นเช่นนี้จึงพาเด็กน้อยที่อยากถอยออกไปเช่นกันหมุนกายออกจากห้องไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น ภายในห้องกลับเข้าสู่ความเงียบสงัดอีกหน

อวี้ชิงลั่วเหลือบตามองเพดานห้อง ภายในใจจับหนานหนานและจินหลิวหลีสับเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ ครั้งแล้ว

“หมอปีศาจ? เหอะ แม่นางอวี้มีความสามารถดีนะ ประวัติความเป็นมาช่างยิ่งใหญ่ ไม่แปลกใจที่ทักษะทางการแพทย์จะเก่งกาจเช่นนี้ การเคลื่อนไหวช่ำชองขนาดนี้ ในมือยังมีโอสถหยาดน้ำค้างที่มีราคาและหาได้ยากยิ่ง” เย่ซิวตู๋เลือกเก้าอี้มาหนึ่งตัว ย่อขาทั้งสองข้างนั่งลงตรงหน้านาง ทั้งยังรินน้ำให้ตนเองหนึ่งแก้วเพื่อดับกระหาย

อวี้ชิงลั่วมองเพดานต่อไป นางไม่ได้ยิน…ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น…ใช่…ไม่ได้ยิน

เย่ซิวตู๋แค่นเสียงเย็น “ดูเหมือนว่าค่ารักษาสิบห้าล้านตำลึง คงน้อยไปหน่อยแล้วสิ”

อวี้ชิงลั่วหันกลับมาในทันที นางถลึงมองเขาด้วยสายตาขึงขัง “ท่านคิดจะเบี้ยวเงินอีกแล้วหรือ?”

“เงินของหมอปีศาจ ใครจะกล้าเบี้ยว?”

“รู้ก็ดี ข้า…” อวี้ชิงลั่วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แต่ยังไม่ทันที่นางจะกล่าวจบ นางก็รู้สึกตาลายขึ้นมา เย่ซิวตู๋ย้ายมายืนตรงหน้านางแล้ว เขาออกแรงมือขวาบีบเข้าที่คางของนาง จ้องมองนางด้วยใบหน้ามืดครึ้ม

“ตอนนี้แม่นางอวี้คงรู้สึกพอใจมากเลยสินะ? เจ้าคงคิดว่าตัวเองฉลาดมากที่ทำให้พวกเราทุกคนโง่งมเพราะความไม่รู้?” เขาควรคิดได้ตั้งแต่แรกแล้ว บนโลกใบนี้จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นได้อย่างไรกัน? หมอปีศาจปรากฏตัวภายในเจียงเฉิง อวี้ชิงลั่วที่มีทักษะทางการแพทย์ยอดเยี่ยมปรากฏขึ้นภายในเจียงเฉิงเช่นกัน ที่แท้ทั้งสองคนนี้ก็เป็นคนเดียวกัน

เขาประมาทจริง ๆ ที่ไม่เคยคิดนำทั้งสองคนนี้มารวมเข้าด้วยกันเลย

ในใจของเย่ซิวตู๋ตอนนี้รู้สึกโมโหมาก โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินคำพูดนั้นของหนานหนาน อารมณ์ของเขาก็ยิ่งซับซ้อนชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน อยู่ต่อหน้าอวี้ชิงลั่ว ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองถูกกระทำและไร้ความสามารถอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ความสำเร็จเพียงน้อยนิดก็ไม่มี

แต่กลับเป็นสตรีผู้นี้ที่ซ่อนความลับครั้งแล้วครั้งเล่าที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงงันและประหลาดใจจนมิอาจหาสิ่งใดทัดเทียม

อวี้ชิงลั่วถูกเขาบีบคางจนเจ็บแปลบ นางใช้นิ้วมือออกแรงหยิกแขนของเขา แต่ไม่ว่าอย่างไรกลับไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

“เย่…เย่ซิวตู๋ ท่านใจเย็นลงหน่อย ข้าไม่ได้มีความคิดที่จะปิดบังพวกท่าน จริง ๆ นะ” บุรุษผู้นี้โกรธเคืองอะไรนางจากชาติปางไหนเนี่ย? กระดูกขากรรไกรของนางจะเคลื่อนอยู่แล้ว

“เย่ซิวตู๋ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องบังเอิญ โอ๊ย เจ็บ…”

เย่ซิวตู๋ขมวดหัวคิ้ว นิ้วมือของเขาผ่อนแรงลงเล็กน้อย อวี้ชิงลั่วจึงค่อย ๆ ถอนหายใจออกมา นางรีบยื่นมือขวาออกไปอย่างรวดเร็ว แตะลงบนแผลที่อยู่ตรงหน้าอกของเขาอย่างฉับพลันและออกแรงกดเล็กน้อย

เย่ซิวตู๋ไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้อง มีแค่มองมาที่นางด้วยสายตาเย็นชา

มุมปากอวี้ชิงลั่วกระตุกวูบ นางเห็นบาดแผลของเขาที่มีเลือดไหลซึมออกมาเพราะฝีมือของตนเอง จึงทำได้เพียงแค่ดึงมือกลับมาอย่างยอมแพ้ ช่างเถอะ นางรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าบุรุษผู้นี้มีความอดทน หากเขาไม่เต็มใจที่จะปล่อยมือ ต่อให้นางลงมีดสับเขาสิบมีดแปดมีดก็ไม่ได้ทำให้เขาสั่นคลอนได้อยู่ดี

เขาคิดจะบีบคางของนางก็ปล่อยให้บีบไปเถอะ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ไม่เจ็บแล้ว เพียงแต่ท่าทางนี้มันค่อนข้าง…แปลก

“เย่ซิวตู๋ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นแค่เรื่องบังเอิญจริง ๆ ที่ข้าปล่อยข่าวว่าจะรักษาคนไข้ที่โรงเตี๊ยมฝูหลงในวันนี้ ก็เป็นเพราะอยากล่อบุรุษคนหนึ่งให้มาที่นี่ ไม่ใช่พวกท่าน ข้า…โอ๊ย ปล่อยมือก่อน ๆ”

“บุรุษคนหนึ่ง” เย่ซิวตู๋มุมปากกลายเป็นเส้นตรง แม้แต่สายตาก็เย็นชาดุจน้ำแข็ง “เพื่ออ่อยบุรุษคนหนึ่ง?”

“…”

เวรเอ๊ย

หูของเขามีปัญหาสินะ นางพูดตอนไหนว่าอยากอ่อยบุรุษ? ช่วยเลิกทำตัวเหมือนหนานหนานที่มีความสามารถในการเข้าใจความหมายในคำพูดของคนอื่นด้วยตนเองได้หรือเปล่า?

เย่ซิวตู๋คลายมือออกอย่างฉับพลัน จ้องมองนางด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “เพื่ออ่อยบุรุษคนหนึ่ง ก็ถือว่ามีความคิดความพยายามทุกวิถีทางแล้ว”

แม่มเอ๊ย…อวี้ชิงลั่วล่ะอยากเย็บปากของเขาจริง ๆ นางเม้มปากแน่น แค่นคำพูดแต่ละคำออกมาจากรอยแยกของริมฝีปาก “ข้าบอกว่าล่อ ไม่ได้บอกว่าอ่อย ข้ากับบุรุษผู้นั้นเป็นศัตรู…ศัตรู”

เย่ซิวตู๋ชะงัก ก่อนจะหมุนกายอย่างไม่เป็นธรรมชาติ มุมปากกระตุกเป็นเส้นโค้งขึ้นเล็กน้อย แต่กลับแค่นเสียงเย็นหนึ่งเสียง “พูดจาคลุมเครือไม่ชัดเจน”

…………………………

สารจากผู้แปล

หนานหนาน เป็นหนูนั่นแหละที่เผยความลับท่านแม่ ไม่อย่างนั้นท่านแม่คงไม่โหดร้ายกับหนู

แค่ชิงลั่วบอกว่าวางแผนล่อบุรุษคนหนึ่งทำไมต้องโกรธอะไรขนาดนั้นเจ้าคะนายท่าน สรุปโกรธจริงหรือแค่หวง

ไหหม่า (海馬)