ตอนที่ 38 ทางใครทางมัน
ไม่แปลกใจเลยที่เขาและหนานหนานจะเป็นพ่อลูกกัน อวี้ชิงลั่วอยากตีตัวออกห่างจากพวกเขาเป็นพิเศษ ไม่ไปมาหาสู่กันชั่วชีวิตนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป สองพ่อลูกศีลเสมอกัน ตอนนี้นางก็พอจะเข้าใจแล้ว นิสัยส่วนใหญ่ของหนานหนานก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากเขานี่แหละ ต้องใช่แน่ ๆ
เย่ซิวตู๋ลอบถอนหายใจได้สองสามหน จากนั้นสีหน้าก็กลับคืนสู่สภาพเดิม
ตอนที่หมุนกายกลับมา ก็พบว่าอวี้ชิงลั่วกำลังเค้นพลังถลึงมองตนเอง จึงเบือนสายตาไปทางอื่นอย่างไม่เป็นธรรมชาติเท่าไรนัก “เจ้าเป็นศัตรูกับใคร?”
“นี่เป็นเรื่องของข้า” อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเย็น ใช้มือลูบคางที่ถูกเขาบีบจนเจ็บปวด และรินน้ำให้ตนเองหนึ่งแก้ว สิ่งนี้จึงช่วยข่มความโกรธเคืองเมื่อครู่ลง
นางจะโกรธไม่ได้ โกรธกับคนอย่างเย่ซิวตู๋มีแต่จะทำให้ตนเองทุกข์ทรมานและเหน็ดเหนื่อยเสียเปล่า ๆ บุรุษคงกระพันผู้นี้ อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ทั้งยังเป็นพ่อของหนานหนาน นางต้องรับมืออย่างระมัดระวัง อีกฝ่ายดันเป็นเจ้าของทองของนางเสียด้วย เงินสิบห้าล้านตำลึงยังไม่ถึงมือนางจะสร้างความขุ่นเคืองไม่ได้
นางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ช้อนสายตามองใบหน้าของเย่ซิวตู๋ที่ดูไม่สู้ดีอีกหน จึงรีบอธิบายไปว่า “ข้าจะบอกอะไรให้นะ วันนี้ที่ออกมาอยู่ที่นี่ ก็เป็นเพราะต้องการล่อศัตรูของข้าออกมา ข้าไม่ได้มีเจตนาปิดบังพวกท่าน ถึงอย่างไรพวกเราก็เจอกันโดยบังเอิญ ยังไม่ถึงขั้นรู้ใจกัน ข้าเพียงแค่รักษาบาดแผลของท่านและถอนพิษให้เผิงอิง รอรับเงินรักษาที่ข้าควรได้รับ หลังจากนี้ก็ทางใครทางมันไม่เกี่ยวข้องกันอีก ระหว่างพวกเราต่างก็เป็นการซื้อขายที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ถูกต้องหรือไม่”
หลังจากพูดไปสองประโยค นางก็รินน้ำร้อนอีกแก้ว ดื่มลงคอไป ก็รู้สึกสบายขึ้นในทันที
จากนั้นจึงพูดต่อไปว่า “ในเมื่อหลังจากนี้พวกเราไม่ต้องเกี่ยวข้องอะไรมากมายแล้ว เช่นนั้นข้าเป็นใครท่านเป็นใคร ย่อมไม่จำเป็นต้องรู้ อีกอย่างเป้าหมายที่พวกท่านมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อให้หมอปีศาจช่วยดูอาการบาดเจ็บให้พวกท่าน ถึงอย่างไรบาดแผลของพวกท่านก็ได้รับการรักษาจากข้ามาโดยตลอด ดังนั้นวันนี้ต่อให้พวกท่านไม่ได้เจอหมอปีศาจก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เพียงแค่เดินทางมากขึ้นเพื่อส่งข้ามาที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ ได้มาอาบแดดนอกจวนโม่ คิดเสียว่าเป็นค่ารักษานอกที่จ่ายให้ข้าก็แล้วกัน และ…”
เสียงของอวี้ชิงลั่วอ่อนและเบาลงเรื่อย ๆ เมื่อเห็นสีหน้าราวกับพายุกำลังเข้าของเย่ซิวตู๋ นางอดกลืนน้ำลายไม่ได้ และเกิดความคิดอยากกระโดดออกจากที่นี่
นางอธิบายชัดเจนขนาดนี้แล้ว เขายังมีอะไรไม่พอใจอีก?
“ทางใครทางมันไม่เกี่ยวข้องกันอีก?” เย่ซิวตู๋จ้องมองนาง เอ่ยถามออกมาทีละคำ
อวี้ชิงลั่วพยักหน้าอย่างระมัดระวัง นางพูดอะไรผิดตรงไหนกัน?
อันที่จริงหากไม่ใช่เพราะเงินสิบห้าล้านตำลึงนั่น นางคงพาหนานหนานหนีไปนานแล้ว ทำไมต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะถูกเขาค้นพบประสบการณ์ชีวิตของหนานหนานและอยู่รักษาข้างตัวเขาต่อไปด้วย?
เย่ซิวตู๋รู้สึกว่าภายในใจเกิดเปลวไฟโหมแรงขึ้นเรื่อย ๆ เกือบเผาผลาญสติปัญญาอันน่าภาคภูมิของเขาจนวอดวายไม่มีเหลือ
“…”
อวี้ชิงลั่วหลับตาลงอย่างชาญฉลาด นางพอจะมองออกแล้วว่าเย่ซิวตู๋ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะโกรธเคืองมาก หากนางเอ่ยปากพูดอะไรอีก คงไม่อาจรับประกันได้ว่าคางของนางจะไม่ถูกเขาบีบจนแตก และไม่อาจรับประกันได้ว่าจะได้เงินสิบห้าตำลึงกลับมา
ดังนั้นนางจึงหุบปาก
การหุบปากครั้งนี้ใช้เวลามากถึงครึ่งชั่วยาม
เย่ซิวตู๋ไม่เปิดปากพูดอะไร อวี้ชิงลั่วก็ทำเป็นเห็นเขาไม่มีตัวตน แกล้งตาย…อย่างรู้เวลา
จนกระทั่งเสียงของจินหลิวหลีดังขึ้นจากด้านนอกประตู “คนไข้คนต่อไปมาถึงแล้ว”
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุก นางหันมองเย่ซิวตู๋ “นี่ก็สายแล้ว ท่านกลับไปก่อนดีหรือไม่?”
เย่ซิวตู๋มองนางปราดหนึ่ง ยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง
“ข้างนอกที่มาต่างก็เป็นคนไข้ทั้งนั้น พวกเราต้องดำรงไว้ซึ่งความใจบุญสุนทานของผู้เป็นหมอ ไม่อาจชะลอเรื่องอาการเจ็บป่วยของพวกเขาได้ ถูกต้องหรือไม่?”
เย่ซิวตู๋มองนางด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน ครั้งนี้เขาลุกขึ้นมาเอนตัวนอนลงบนเก้าอี้เอนที่อยู่ตรงหน้านาง ดวงตาปิดลงอย่างเกียจคร้านและพักผ่อนอย่างเป็นธรรมชาติ
อวี้ชิงลั่วจึงได้แต่คว้าผ้าปูโต๊ะที่หนาและประณีตมากำไว้จนแน่น นาง…ต้องอดกลั้น เพื่อเงินสิบห้าล้านตำลึงแล้วต้องอดทนไว้
“พาคนเข้ามาเถอะ” อวี้ชิงลั่วเปิดประตูห้อง ก่อนจะบอกกับจินหลิวหลีที่อยู่ด้านนอก
อีกฝ่ายรู้สึกประหลาดใจ หรือว่านายท่านของจวนโม่คนนั้นออกไปแล้ว? ได้ยินหนานหนานบอกว่าคนคนนั้นดูเหมือนจะแซ่เย่ จุ๊ ๆ นางสงสัยเสียเหลือเกินว่าพวกเขาสองคนคุยอะไรกันอยู่ในห้องนานสองนาน
แต่เจ้าเด็กหนานหนานนั่นไม่รู้อะไรสักอย่าง พึ่งพาอะไรไม่ได้เลย
อวี้ชิงลั่วเห็นนางชะโงกหน้าเข้ามาด้วยความสงสัย จึงแค่นเสียงเย็น พิงเข้ากับประตูพลางเอ่ยถาม “หรือจะให้ข้าเชิญเจ้าเข้าไปจิบชาข้างใน? จะได้คิดบัญชีกับเจ้าด้วยเลย บอกข้ามาซิว่าเหตุใดถึงยังมีกระดาษหมายเลขสามอยู่ในกล่องอีก หนำซ้ำเจ้ายังหยิบมันขึ้นมาได้พอดี?”
“เอ่อ…” จินหลิวหลียืนด้วยท่าทางจริงจัง กล่าวเสียงเคร่งขรึม “คนไข้คนต่อไปรออยู่ข้างนอกแล้ว ข้าจะพาเข้าไป”
กล่าวจบ นางก็ถอยหลังออกไปสองก้าว ภายใต้สายตาเย็นชาของอวี้ชิงลั่ว นางก็รีบสาวเท้าไปที่ซุ้มประตูเล็ก ๆ
แม้ฝีมือวรยุทธ์ของนางจะดีกว่าอวี้ชิงลั่ว แต่ความไร้ยางอายก็ยังสู้อวี้ชิงลั่วไม่ได้ การคิดบัญชีย้อนหลังมิอาจสู้อีกฝ่ายได้ การได้รับผลประโยชน์แล้วถีบหัวส่งก็สู้นางไม่ได้ นางยอมไปพาคนไข้มาแต่โดยดีก็แล้วกัน
จินหลิวหลีปรับสีหน้าของตนเอง ก่อนจะเดินมาที่ซุ้มประตูเล็ก กล่าวแย้มยิ้มกับสตรีสองนางที่ยืนอยู่ตรงนั้น “คนไหนคือคนไข้หรือ? ตามข้ามาได้”
“พวกเราไปด้วยกันไม่ได้หรือ? เถ้าแก่จิน น้องสาวของข้ากลัวคนแปลกหน้า หากข้าไม่เข้าไปกับนาง นางคงหวาดกลัว ท่านอย่าได้กังวล ข้ารับปากว่าจะอยู่ข้าง ๆ อย่างเชื่อฟัง จะไม่รบกวนหมอปีศาจขณะตรวจอาการของน้องข้า”
จินหลิวหลีกวาดตามองอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว นัยน์ตามีรอยยิ้มเย็นชาปรากฏมากขึ้น ลมหายใจของสตรีนางนี้นิ่งสงบ การย่างก้าวก็เบาหวิว เกรงว่าฝีมือคงไม่ด้อย
ส่วนสตรีข้างกายนางที่นางเรียกว่า ‘น้องสาว’ แววตาขี้ขลาดจริง ๆ ร่างกายก็ดูหวาดกลัว ท่าทางดูกลัวคนแปลกหน้าหลายส่วน ทั้งสองคนนี้กลับดูน่าสนใจ เรื่องที่ปิดซ่อนอยู่ในนั้นดูเหมือนจะไม่น้อยเลย
สายตากวาดสำรวจปราดหนึ่ง มุมปากของจินหลิวหลีกลายเป็นเส้นโค้งลึกขึ้นหลายส่วน “ต้องขออภัยด้วย นี่เป็นกฎของหมอปีศาจ ข้าเองก็จนปัญญา แม่นางโปรดรออยู่ที่นี่ครู่หนึ่ง ท่านอย่าได้กังวลใจ อีกเดี๋ยวข้าจะคอยอยู่ข้างกายของน้องสาวท่านตลอด จะไม่ปล่อยให้นางอยู่เพียงลำพัง”
ครั้นสตรีผู้นั้นได้ยิน คิ้วก็พลันขมวดเข้าหากัน สายตาแอบแฝงแรงสังหารจาง ๆ เมื่อเห็นว่าจินหลิวหลีมองมา จึงรีบเก็บอารมณ์ความรู้สึกจนหมดสิ้น ได้แต่จำใจ พูดอย่างจนปัญญาว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็รบกวนเถ้าแก่เนี้ยจินด้วย”
กล่าวจบ นางก็กระซิบกำชับข้างหู น้องสาว อีกหน “อย่าได้กลัว จำคำพูดที่ข้าบอกเจ้าก็พอ เจ้าเองก็อยากรักษาบาดแผลบนมือให้เร็วที่สุดใช่หรือไม่?” เมื่อกล่าวจบ นิ้วมือของนางก็จิ้มไปที่หลังของอีกฝ่าย
น้องสาว ส่งเสียงครางหนึ่งเสียง ก่อนจะตอบรับเสียงสั่นเครือ
จินหลิวหลีเลิกคิ้วขึ้น ยังคงยิ้มด้วยรอยยิ้มหลากหลายรูปแบบ นางเดินนำ ‘น้องสาว’ ไปที่ห้องของอวี้ชิงลั่ว
ตอนที่เดินมาถึงประตูห้อง ก็สั่งให้คนนำผ้ามาปิดตานาง ก่อนจะผลักประตูนำคนเข้าไป
อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้น แล้วถึงกับชะงักในทันที ก่อนหันสบตาเย่ซิวตู๋ที่อยู่บนเตียง
เหตุใดถึงเป็น…อูตง?
…………………………
สารจากผู้แปล
นายท่านคงไม่อยากแยกจากท่านหมอแหละดูออก แต่เก๊กท่าเข้มไปอย่างนั้นแหละ
อูตงมาคราวนี้เป็นเหยื่อล่อของฝ่ายลอบสังหารนายท่านสินะ
ไหหม่า (海馬)