ตอนที่ 39 เหตุใดถึงเป็นพวกท่าน?
อูตงออกจากจวนโม่ไปนานแล้ว นอกจากเมื่อสองวันก่อนที่จู่ ๆ นางก็ปรากฏตัวออกมาเพื่อแจ้งเบาะแสของหมอปีศาจ จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีข่าวคราว บัดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่านางจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ทั้งยังปรากฏตัวในฐานะผู้ป่วย
ดวงตาของอวี้ชิงลั่วหรี่ลงเล็กน้อย อูตงเป็นหมอ ทั้งยังเป็นลูกศิษย์เก่งกาจของหมออาวุโสฉงซาน มีความเย่อหยิ่งทระนงตนสูง เหตุไฉนถึงยินดีให้คนอื่นดูโรคของตนเอง?
คาดว่าจินหลิวหลีคงเห็นสายตาผิดปกติของอวี้ชิงลั่ว หลังประคองอูตงให้นั่งลงแล้วก็รีบก้าวเท้ามากระซิบข้างหูนาง พูดเสียงเบาถึงสถานการณ์ตอนที่อยู่ซุ้มประตูเล็กเมื่อครู่อย่างละเอียด
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า สายตามองไปที่นิ้วนางข้างขวาของอูตง นิ้วได้รับการรักษาแล้ว แต่ตอนนี้มีผ้าพันแผลพันไว้หนาแน่น เมื่อมองดูแล้วดูเหมือนจะสั้นลงด้วย
ใช้เวลาเพียงไม่ถึงสองวัน นิ้วก้อยของอูตงกลับถูกคนอื่นตัดจนขาด คนผู้นั้นดูเหมือนว่าจะเป็นคนโหดร้ายอำมหิตนัก
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก หันกลับไปสบตาเย่ซิวตู๋อีกครั้ง อีกฝ่ายดูเหมือนจะสังเกตเห็นนิ้วมือของอูตงเช่นเดียวกัน ครั้นทราบแล้วจึงกลับไปนอนบนเก้าอี้เอนอีกครั้ง แสดงท่าทางราวไม่ยินดีที่จะสนใจให้มากมาย
อวี้ชิงลั่วถลึงตามองเขา จากนั้นจึงหันไปกระซิบข้างหูจินหลิวหลีสองสามคำ และรอจนกระทั่งฝ่ายหลังเดินออกไปแล้ว นางจึงใช้นิ้วมือแตะลงบนข้อมือของอูตง
ตรงหน้าของอูตงมืดสนิท ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น นอกจากลมหายใจของตนเองแล้ว ภายในห้องนี้ก็ไม่มีเสียงอะไรให้ได้ยินแม้แต่น้อย ภายในใจของนางจึงเกิดความกระวนกระวายผิดปกติ ครั้นนึกถึงเรื่องที่สตรีผู้ตัดนิ้วของนางเตือนและกำชับไว้ ความรู้สึกหนาวสั่นก็กลับมาอีกครั้ง
นิ้วมือที่แตะอยู่บนข้อมือถูกดึงกลับไป อูตงจึงรีบเงยหน้าถามด้วยความวิตก “ขอ…ขอถามท่าน นิ้วมือของข้าเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ?”
อวี้ชิงลั่วไม่เปิดปากพูดสิ่งใด เพียงแค่มองอูตงด้วยความเย้ยหยัน จากนั้นก็ยื่นมือตัดผ้าพันแผลที่นิ้วมือของอีกฝ่าย พริบตาต่อมา รอยยิ้มเยือกเย็นที่มุมปากก็ยิ่งลึกขึ้น
เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด นิ้วมือขาดและบวมเป่งผิดปกติ บาดแผลมีร่องรอยของหนอง แต่สถานการณ์เช่นนี้กลับไม่ได้รุนแรงอะไร แม้จะดูเหมือนว่าการจัดการที่ผิดวิธีทำให้แผลเกิดการติดเชื้อ แต่ภายในใจของอวี้ชิงลั่วทราบดีว่าอูตงจงใจใช้ยาของตนเองให้เป็นเช่นนี้
เย่ซิวตู๋ย้ายไปยืนด้านหลังของนางตั้งแต่เมื่อใดมิอาจทราบได้ ครั้นเห็นบาดแผลของอูตงก็ยิ้มด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นออกมา
เมื่อไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ในใจของอูตงก็ยิ่งประหม่ามากขึ้น เกรงว่าแผนเล็ก ๆ นี้ของนางจะถูกหมอปีศาจจับได้
แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ถูกต้อนจนจนมุมมา สตรีผู้นั้นข่มขู่นางว่าหากไม่ทำเช่นนี้ สิ่งที่ต้องสูญเสียไม่ได้มีแค่นิ้วก้อยเท่านั้น แต่เป็นชีวิตของนางด้วย นางได้เห็นการกระทำที่เหี้ยมโหดของอีกฝ่ายแล้ว ไหนเลยจะกล้าลังเลว่าสิ่งที่นางพูดเป็นหรือจริงหรือโกหก ยิ่งไม่กล้ายั่วโมโหง่าย ๆ
สตรีผู้นั้นใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอาจารย์ของนางคือหมออาวุโสฉงซาน ก็ไม่คิดจะไว้หน้าแม้แต่น้อย
ตอนนี้สิ่งเดียวที่นางทำได้ ก็คือทำตามเรื่องที่นางกำชับในวันนี้ให้ดี เช่นนี้ถึงจะมีโอกาสออกไปได้
“ท่านหมอ ท่านพูดอะไรหน่อยเถิด มือของข้าจะเน่าใช่หรือไม่ รักษาไม่ได้แล้วใช่หรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วยักไหล่ นางมองแผลแดงเป่งบนนิ้วที่ถูกตัดด้วยความรังเกียจและไม่ได้ตอบกลับไป แต่กลับยืนและเลิกคิ้วถามเย่ซิวตู๋ที่อยู่ข้างกาย กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “จะจัดการเช่นไร?”
ก่อนหน้านี้อูตงคือคนของเขา
เย่ซิวตู๋นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ ไม่พูดไม่จา ราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา เขาคร้านจะเข้าไปแทรกแซง
อูตงชะงัก คิ้วของนางขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เหตุใดนางถึงรู้สึกได้ว่าเสียงของสตรีเมื่อครู่คล้ายกับเคยได้ยินจากที่ใดมาก่อน? อีกอย่าง คนที่พูดเมื่อครู่คือ…หมอปีศาจ? หรือสาวใช้?
“แม่นาง เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไรหรือ?” นางอยากมั่นใจอีกสักครั้ง ว่าตนเองไม่ได้ฟังผิดไป
อวี้ชิงลั่วไม่ได้มีกะจิตกะใจที่จะช่วยคลายสับสนให้อีกฝ่าย จึงเดินมาตรงหน้าเย่ซิวตู๋ ก่อนจะใช้ปลายเท้าเตะน่องของเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “จะจัดการเช่นไร?”
นางไม่อยากทำความสะอาดแทนเขา
ร่างของอูตงสั่นสะท้าน นางมั่นใจได้ว่าเสียงนี้คุ้นหูมาก นางต้องเคยได้ยินมาจากที่ใดสักแห่ง
แต่ว่า…แต่ว่า…นางกลับคิดไม่ออก นางมิอาจมั่นใจได้ว่าใครคือเจ้าของเสียง อีกอย่าง นางยิ่งไม่เข้าใจถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนี้ว่าคืออะไรกันแน่
อูตงออกแรงสะบัดหน้า ภายในใจคันยุบยิบอยากปลดผ้าที่ปิดตาออกโดยเร็ว เพื่อดูว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือใครกันแน่
แต่ไม่ได้ หากนางผลีผลาม ทำให้เรื่องดี ๆ ของสตรีผู้นั้นเสียหาย คนนั้นไม่มีทางปล่อยนางไป ชีวิตน้อย ๆ ของนางต้อง…
“ท่านหมอ ท่านหมอ มือของข้ารักษาไม่หายแล้วใช่หรือไม่ หลังจากนี้จะทำอะไรไม่ได้แล้วใช่หรือไม่ ท่านหมอ ข้าขอร้องล่ะ ข้าเป็นช่างปัก มือนี้คือชีวิตของข้า ข้าขอร้อง ท่านคือหมอปีศาจไม่ใช่หรือ? ท่านต้องมีวิธีสิ ขอร้องท่านล่ะเจ้าค่ะ”
ระหว่างที่อูตงกำลังพูด นางก็คุกเข่าลงบนพื้นด้วยท่าทางเงอะงะ ก่อนจะใช้ศีรษะโขกลงบนพื้นจนเกิดเสียง ‘ตึง ๆๆ’
“ท่านหมอ ท่านเป็นคนใจพระ ข้าขอร้องท่านล่ะ หากมือของข้ามิอาจใช้งานได้ ข้าก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว” ระหว่างที่นางพูด ก็ส่งเสียงร้องฮือ ๆ ๆ ออกมา
อูตงทราบดีอยู่แก่ใจ ยาที่นางใส่ให้ตัวเองเป็นยาที่อาจารย์ผลิต ต่อให้เป็นหมอปีศาจ ระยะเวลาสั้น ๆ ก็มิอาจที่จะรักษามือของนางได้อย่างสมบูรณ์ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเสียเวลาถึงครึ่งวัน
สตรีผู้นั้นเคยกล่าวไว้ว่า ในเมื่อหมอปีศาจสัญญาว่าวันนี้จะรักษาคนไข้ให้ได้ห้าสิบคน เช่นนั้นก็ต้องเจียดเวลาเพื่อรักษาบาดแผลบนมือของอูตงเป็นการส่วนตัว เช่นนี้ พวกนางก็จะมีโอกาส…
ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่นางต้องทำก็คือให้หมอปีศาจตอบตกลงที่จะรักษานางเป็นการส่วนตัว โดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่าย
อวี้ชิงลั่วได้ยินเสียงโขกศีรษะจนเกิดเสียง ‘ตึง ๆๆ’ ร่างกายก็สั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ นี่ต้องอยากทำร้ายคนอื่นมากเพียงใดถึงได้ทำร้ายตนเองเช่นนี้
ทว่าเสียงโขกศีรษะช่างไพเราะเพราะพริ้งเสียเหลือเกิน เพียงแต่…เสียงร้องน่ารำคาญเกินไปหน่อย
“พอแล้ว ข้าไม่ได้พูดกับเจ้า เจ้าหุบปากซะ” ขนาดหนานหนานยังไม่ร้องได้ระคายหูเช่นนี้เลย
อูตงถูกตำหนิถึงกับชะงักงัน จึงหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดในทันที ไม่กล้าเปล่งเสียงร้องอีก
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจระบายความคับแค้นในอก ก่อนจะหันไปถามเย่ซิวตู๋ต่อ “ท่านจะไม่จัดการสินะ? เช่นนั้นข้าจัดการนางเช่นไร? ท่านก็จะไม่สนใจถูกต้องหรือไม่”
ในที่สุดเย่ซิวตู๋ก็กระตุกมุมปากขึ้น กล่าวอย่างเนิบช้า “ใช่ ข้าจะไม่ก้าวก่าย”
เสียง ‘ตึง’ ดังขึ้น เลือดที่อยู่ในร่างกายของอูตงเริ่มเดือดปุด ๆ ขึ้นมา รูม่านตาหดขนาดเล็กลงโดยไม่รู้ตัว นางแค่รู้สึกคุ้นหูกับเสียงของอวี้ชิงลั่ว แต่เสียงทุ้มต่ำเป็นเอกลักษณ์ของเย่ซิวตู๋ ต่อให้นางกลายเป็นขี้เถ้า ก็ยังจำอยู่ในสมองได้
ไม่ ไม่ผิด นายท่าน เสียงนี้คือเสียงของนายท่าน
อูตงไม่สนใจการข่มขู่ของสตรีผู้นั้นอีกต่อไป นางดึงผ้าปิดตาออก และเงยหน้ามองทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า
นางสูดลมเย็นเข้าลึก ๆ ทันที “เหตุใด เหตุใดถึงเป็นพวกท่าน? พวกท่านมาทำอะไรที่นี่?”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว ในใจมีแต่ความอาฆาต รอยยิ้มก็ดูร้ายกาจยิ่ง “ข้าคือหมอปีศาจ เหตุใดข้าจะอยู่ที่นี่ไม่ได้? ส่วนเขา…ก็เป็นเพราะเจ้าจงใจรายงานข่าวกับเขา ให้เขามาหาหมอปีศาจถึงที่นี่ไม่ใช่หรือ?”
…………………………
สารจากผู้แปล
เหมือนได้ยินเสียงดังเพล้งและเศษหนังหน้าที่ร่วงกราวเต็มพื้นอย่างไรไม่รู้ค่ะ
ว่าแต่แผนของสตรีผู้นั้นคืออะไรกันนะ
ไหหม่า (海馬)