ตอนที่ 40 กลืนเจ้าลงไป

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 40 กลืนเจ้าลงไป

ดวงตาของอูตงเบิกกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ นางจ้องมองอวี้ชิงลั่วราวกับไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง ขาทั้งสองข้างอ่อนยวบ ร่างกายทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างไร้กำลัง

น้ำเสียงของนางราวกับดังมาจากสถานที่อันห่างไกลคล้ายตกอยู่ในห้วงมายา “เจ้า เจ้าบอกว่า เจ้าคือ…เจ้าคือหมอปีศาจ?”

“ใช่ ทักษะทางการแพทย์ของข้า เจ้าก็เคยเห็นมิใช่หรือ?” อวี้ชิงลั่วเชิดหน้ามองอีกฝ่าย นางค้นพบว่าช่วงนี้นางชอบท่าทางเช่นนี้ในการมองคนอื่นมาก เพราะให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่บนที่สูง

อูตงพลันก้าวถอยหลังแล้วส่ายหน้า ออกแรงฉีกยิ้มมุมปาก “ไม่มีทาง ไม่มีทาง เจ้าจะเป็นหมอปีศาจได้อย่างไรกัน? หมอปีศาจจะอายุน้อยเช่นนี้ได้อย่างไร จะเป็นสตรีได้อย่างไร?”

อวี้ชิงลั่วเห็นว่าคำพูดของอีกฝ่ายเป็นคำชม จึงจัดเส้นผมเล็กน้อย “อืม เจ้าเองก็รู้สึกประหลาดใจที่ข้าประสบความสำเร็จเช่นนี้ในช่วงที่อายุยังน้อยสินะ? เจ้าเองก็คิดว่าสตรีและบุรุษมีความเท่าเทียมกัน สตรีผู้หนึ่งไม่เพียงแค่มีทักษะทางการแพทย์ชั้นสูงแล้ว แต่ยังทำให้ทุกคนไม่อยากเชื่อว่าเป็นสตรีจริง ๆ อีกด้วยไม่ใช่หรือ?”

เย่ซิวตู๋มุมปากกระตุก เขานิ่งเงียบไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าพฤติกรรมขณะที่นางอยู่ในจวนโม่ถือว่าสำรวมและควบคุมไว้มากแล้ว บัดนี้ออกมาจากจวนโม่ ไม่ว่าจะการพูดการจาหรือการเคลื่อนไหวก็เอาแต่ใจตนเองอย่างสมบูรณ์แบบ

คาดว่าหนานหนานคงได้นิสัยนี้ถ่ายทอดมาจากนาง และเรียนรู้นิสัยจากนางมา

อูตงลุกขึ้นยืนจากพื้น สติที่กำลังหลุดลอยออกไปค่อย ๆ คืนกลับคืนมา นางถลึงมองอวี้ชิงลั่ว ขบฟันกรอดด้วยความเกรี้ยวกราด “ไม่ใช่ เจ้าไม่ใช่หมอปีศาจ เจ้ามันตัวปลอม เจ้าไม่มีทางเป็นหมอปีศาจ เจ้ากำลังหลอกทุกคน”

ระหว่างที่พูด นางก็มองไปยังเย่ซิวตู่อย่างรอคอย รีบก้าวเท้ามาด้านหน้าสองก้าว “นายท่าน ท่านอย่าได้หลงกลนางนะเจ้าคะ พฤติกรรมของคนคนนี้น่าสงสัยจริง ๆ หมอปีศาจจะเป็นหญิงสาวทำอะไรไม่เป็นเช่นนางได้อย่างไรกัน คนแบบนางจะโด่งดังเท่าอาจารย์ของข้าได้อย่างไร? นายท่าน อย่าได้เชื่อนางนะเจ้าคะ”

“ไม่เชื่อข้าหรือ?” อวี้ชิงลั่วหัวเราะเสียงเย็น “แล้วต้องให้เชื่อเจ้าหรือ? ลูกศิษย์ของหมออาวุโสฉงซาน ถูกตัดนิ้วไปหนึ่งนิ้วไม่รักษาตัวเองยังพอทน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะปลอมตัวเป็นแม่นางช่างปักผ้ามาหาข้า อ้อ…จริงสิ…แล้วยังโขกศีรษะขอร้องข้าอีก จุ๊ ๆ…เสียงโขกศีรษะเมื่อครู่ดังมากจริง ๆ…เสียง ตึง ๆๆ ชัดเจนเป็นพิเศษเลย ข้าจะบอกอะไรให้นะ หากอาจารย์ของเจ้าทราบเรื่องนี้เข้า เขาจะรู้สึกเสียหน้าเป็นพิเศษหรือไม่ หลังจากนี้ไปจะกล้าออกไปเจอหน้าคนอื่นหรืออยากฆ่าตัวตายหนีความอับอายหรือไม่กันนะ?”

รูม่านตาอูตงขยายกว้าง “เจ้ามันนังหน้าด้าน เจ้าทำให้ข้าต้องอับอาย ข้าจะฆ่าเจ้า!”

เดิมทีนางก็เกลียดอวี้ชิงลั่วอยู่แล้ว ตอนนี้ยังถูกอีกฝ่ายเยาะเย้ยเช่นนี้อีก และยังทำต่อหน้าบุรุษที่นางชอบ ยิ่งไปกว่านั้น การโขกศีรษะเมื่อครู่…

โทสะนี้ นางจะอดกลั้นได้อย่างไรกัน?

อูตงมองซ้ายแลขวา ก่อนจะหยิบมีดผ่าตัดอันคมกริบที่อวี้ชิงลั่ววางไว้บนโต๊ะพุ่งเข้าหานาง

อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะเสียงเย็นชา ปลายเท้าของนางยกขึ้นเล็กน้อย…

แต่แล้วก็มีเสียง ‘เปรี้ยง’ ดังขึ้น อูตงดีดตัวลอยขึ้นสูง หลังของนางกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างหนัก เจ็บจนส่งเสียงร้องครวญครางออกมา ศีรษะเอียงฟุบและสลบไป

อวี้ชิงลั่วเบนศีรษะช้า ๆ มองดูเย่ซิวตู๋ที่ค่อย ๆ ดึงเท้ากลับไปอย่างนิ่งสงบ ร่างกายของนางสั่นระริกโดยมิอาจบรรยายได้

ฝีมือเก่งกาจนัก…เท้าเพียงข้างเดียวทำให้อีกฝ่ายกระเด็นลอยไปไกลขนาดนั้นได้ เมื่อครู่ต้องเจ็บมากแน่ ๆ

หากเป็นนาง คาดว่าคงทำได้เพียงแค่ปล่อยให้อูตงนอนคว่ำอยู่บนพื้น ไหนเลยจะรุนแรงนองเลือดเช่นเขา

เย่ซิวตู๋เหลือบมองนางปราดหนึ่ง ก่อนจะเดินผ่านนางไปอยู่ตรงหน้าอูตง เพียงขยับนิ้วเดียว มีดที่อยู่ในมือของอูตงพลันกระเด็นไปอยู่บนพื้น เขาไม่มองคนที่นอนสลบไปแม้แต่จะชายตา หยิบมีดกลับไปวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะเอนลงบนเก้าอี้นอนอีกหน และหลับตาลง

“…” อวี้ชิงลั่วมองดูการเคลื่อนไหวที่ไม่ได้เชื่องช้าของอีกฝ่าย ถึงกับหมดคำพูดไปครู่หนึ่ง

ผ่านไปนาน นางจึงถอนหายใจเดินไปอยู่ตรงหน้าอูตง ย่อตัวลงมองดูปราดหนึ่ง หลังจากทราบว่าอีกฝ่ายกระดูกหักสองท่อนและยังมีลมหายใจอยู่ จึงลุกขึ้นยืนหันมองเย่ซิวตู๋ และถามเป็นครั้งที่สาม “จะจัดการเช่นไร?”

“ไม่เกี่ยวกับข้า” เย่ซิวตู๋หลับตา ท่าทางดูผ่อนคลายไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้าน

อวี้ชิงลั่วก้าวเท้ามาด้านหน้าสองสามก้าว แต่กลับยืนห่างจากจุดที่เขาอยู่สองก้าว แค่นเสียงกล่าวว่า “ไม่เกี่ยวอะไรกับท่าน? นางหักหลังท่าน ท่านก็ไม่สนงั้นหรือ? เมื่อครู่ท่านเองก็ได้ยินที่หลิวหลีบอกแล้ว อูตงดูเหมือนจะถูกสตรีอีกนางหนึ่งจับเป็นตัวประกันมาที่นี่ด้วย สตรีผู้นั้นจะจับนางทำไมกัน เหตุใดหลังจากอูตงออกจากจวนโม่แล้วถึงถูกตัดนิ้ว มาปรากฏตัวที่นี่เพราะเหตุใดกัน ข้าว่าคงมิใช่เพราะไม่รู้ว่าข้าคือบุรุษหรือสตรีหรอก ข้ายอมรับว่าข้าไม่ได้มีเสน่ห์ขนาดนั้น เย่ซิวตู๋…สตรีที่จับตัวอูตงผู้นั้นพุ่งเป้ามาที่ท่านอย่างไม่ต้องสงสัย อูตงเป็นคนทรยศท่าน ท่านจะมองว่าไม่ใช่เรื่องของท่านได้หรือ?”

เย่ซิวตู๋ได้ยินนางพูดยาวเหยียดไม่กลัวเหนื่อย ในที่สุดก็เบิกตากว้างเล็กน้อย หลังจากมองนางปราดหนึ่ง จึงมองไปยังอูตงอย่างใจกว้าง มุมปากยกขึ้นอย่างดูหมิ่น “นางน่ะหรือ? คนทรยศ? เหอะ สตรีที่อยู่ในจวนโม่ได้ไม่ถึงสามเดือน สตรีที่ไม่รู้แม้กระทั่งวิธีเข้าออกจวนโม่ สตรีที่รู้จักแค่ผู้อารักขาจวนโม่และพ่อบ้านในจวน สตรีที่แม้แต่ชื่อของนายท่านก็ยังไม่รู้ เจ้าคิดว่าข้ามีพื้นที่ควรค่าให้นางทรยศด้วยหรือ?”

“…”

นางเห็นใจอูตงเหลือเกิน อยู่ที่นั่นมานานขนาดนั้น แม้แต่ชื่อของบุรุษที่ตนเองชอบก็ยังไม่ทราบ

เย่ซิวตู๋ก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว กล่าวด้วยรอยยิ้มต่อไป “เจ้าคิดว่า นางทรยศข้าได้หรือ? บอกคนอื่นว่าข้าได้รับบาดเจ็บแต่กลับรักษาหายแล้ว หรือบอกคนอื่นว่ามีโอกาสครึ่งหนึ่งที่ข้าจะปรากฏตัวที่โรงเตี๊ยมฝูหลงเพื่อเจอหน้าหมอปีศาจที่ถูกเล่าลือกัน? เรื่องเหล่านี้บอกคนอื่น จะมีความหมายหรือ? อ๋อ หรือนางจะบอกคนอื่นว่า บาดแผลของข้ามีสตรีนามว่าอวี้ชิงลั่วรักษา เจ้าคิดว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้หรือไม่?”

อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้นทันใดและมองไปยังอูตง จึงพบบางอย่างที่น่าเศร้า มีความเป็นไปได้ร้อยต่อร้อยที่จะเป็นอย่างที่เย่ซิวตู๋คาดเดา คาดว่า…นางเองก็ถูกคนเพ่งเล็งเข้าแล้ว

“อูตงเป็นคนเช่นไรข้าไม่อยากรู้” เย่ซิวตู๋มองสีหน้าของนางที่เปลี่ยนไปด้วยความพึงพอใจ อารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นมีความสุขขึ้นมาอย่างกะทันหัน “แต่ในเมื่อข้าปล่อยให้นางมีชีวิตรอดออกไปจากจวนโม่ ย่อมไม่กลัวว่านางจะออกไปพูดอะไร คิดจะนำข้อมูลออกมาจากปากของนาง ก็เป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์ หึ เรื่องที่นางรู้ เจ้ายังรู้มากกว่านางเสียอีก”

อย่างน้อย ๆ อวี้ชิงลั่วก็รู้ชื่อของเขา รู้ว่าจวนโม่เข้าออกเช่นไร รู้ว่าเสิ่นอิงและคนอื่น ๆ มีความสำคัญในใจเขา รู้ว่าค่าตัวของเขาไม่ได้มีแค่สิบห้าล้านตำลึง

อวี้ชิงลั่วเกิดอาการใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ …หมายความว่าอย่างไร? หรือว่า หลังจากนี้เขาจะไม่ปล่อยให้นางมีชีวิตรอดออกจากจวนโม่อย่างนั้นหรือ?

นางเม้มปากและถามหยั่งเชิงว่า “งั้น… ถ้าข้ารู้มากขนาดนี้ แล้วข้าทรยศท่านล่ะ?”

เย่ซิวตู๋ยิ้ม สีหน้าดูอึมครึม ขณะเอ่ยปากพูดออกมาทีละคำ “หากเจ้าทรยศ ข้าก็จะกลืนเจ้าลงไปในท้องทีละคำ”

“…ท่านนี่มันวิปริตเกินไปแล้ว เรื่องพวกนั้นไม่ใช่ว่าข้าคิด…”

“ชู่! มีคนมา”

…………………………

สารจากผู้แปล

นายท่านเล่นงานโหดแท้ ล่อซะกระดูกหักสองท่อนเลย

อ๊ายยย กลืนลงท้องยังไงคะนายท่าน อดคิดไปไกลไม่ได้แล้วววว

ไหหม่า (海馬)