บทที่ 66 แย่งความดีความชอบข้าหรือ

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 66 แย่งความดีความชอบข้าหรือ

รางวัลครั้งนี้น่าตกใจมาก

จากจุดนี้เห็นได้ว่าผู้นำระดับสูงของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตเกลียดชังนกเขาราตรีเข้ากระดูกดำ

คนที่ใจหวั่นไหวไม่ใช่แค่สวี่ชิงเท่านั้น กองที่หกทั้งกองตอนนี้ทุกคนตาวาววาบ บางคนส่งเสียงหัวเราะฮี่ๆ ออกมา บางคนเลียริมฝีปาก และบางคนในดวงตายิ่งฉายแววปรารถนา

สำหรับลูกศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิต การได้มาซึ่งทรัพยากรฝึกบำเพ็ญตัดสินทุกอย่างของตัวเอง

ปกติแล้วทุกคนล้วนใช้วิธีต่างๆ นานาไปจับคนร้ายเพื่อหาเงินพิเศษ โอกาสเคลื่อนไหวขนาดใหญ่แบบนี้มีไม่มาก ตอนนี้ทุกคนต่างตระหนักว่า หากทำงานครั้งนี้ได้ดี ในช่วงนี้ก็จะไม่ขาดทรัพยากรแล้ว

ดังนั้นแต่ละคนจึงค่อยๆ หายใจถี่กระชั้นขึ้นมา พากันมองไปทางนายกอง

“นายกองจะออกเดินทางเมื่อไรหรือ”

“นั่นสิ แค่ลงมือก็ได้แล้ว!”

ฟังเสียงร้อนใจของสมาชิก นายกองหัวเราะ กัดผิงกั่วในมือ หยิบแผ่นหยกออกมาแล้วแบ่งให้ทุกคน

“เป้าหมายของพวกเราก็ไม่ได้ใหญ่มาก หัวหน้าของศัตรูที่เป็นระดับรวมปราณขั้นสมบูรณ์สองคนจะต้องเป็นของพวกเรา!

“อีกเดี๋ยวเมื่อถึงที่หมาย พวกเราแฝงตัวเข้าไปตัดหัว ตอนลงมือข้าจะไปจัดการคนหนึ่งก่อน อีกคนหนึ่งทันทีที่พวกเจ้าเห็นก็ให้ล้อมเอาไว้ทันที ฆ่าได้ก็ฆ่า หากฆ่าไม่ได้ให้ถ่วงเวลารอข้ามา หวังว่าจบภารกิจครั้งนี้พวกเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ทุกคน

“ตอนนี้ ออกเดินทางได้!”

ทั้งกรมปราบพิฆาตเคลื่อนไหวทันที

มองไกลๆ ที่ว่าการกรมปราบพิฆาตใต้แสงจันทร์มีเงาร่างแต่ละเงาๆ พุ่งออกมา มุ่งหน้าไปทั่วทุกทิศในเมือง

ความเร็วและความรุนแรงของจิตสังหารที่เย็นยะเยือกทำให้เงาร่างทุกร่างล้วนเหมือนรยางค์หนามของกรมปราบพิฆาต จากการที่ย้ายกระจายกันไปไม่หยุด ทั้งกรมปราบพิฆาตเป็นเหมือนสัตว์อสูรยักษ์บรรพกาลที่กำลังยืดตัวหลังจากที่ตื่น พลังกดดันปะทุท่วมฟ้าในทันที

ทำให้โจรชั่วช้าทั้งหลายในเมืองต่างหวาดผวา

‘กองที่ฆ่าหัวหน้าศัตรูได้ จะได้หินวิญญาณสิบก้อนทุกคน หัวหน้าศัตรูมีสองคน…หากถูกกองหกฆ่า อย่างน้อยทุกคนก็จะได้หินวิญญาณยี่สิบก้อนเป็นพื้นฐาน’

สวี่ชิงเป็นสมาชิกในกองหก สำแดงความเร็วเคลื่อนไปข้างหน้าพลางพึมพำในใจ ดวงตาฉายแววคาดหวัง

เขาได้กวาดตาดูแผ่นหยกที่นายกองแจกจ่ายอย่างรวดเร็วแล้ว ในนั้นมีข้อมูลของทุกคนที่ไปที่กบดาน ครบถ้วนสมบูรณ์มากๆ หน้าตาท่าทางและวิชาที่ชำนาญล้วนมีบันทึก เห็นได้ว่าช่วงนี้ในหน่วยทำการตรวจสอบนกเขาราตรีที่อยู่ในเมืองได้อย่างสมบูรณ์

ตอนนี้คนทั้งหลายไม่พูดอะไรอีก เคลื่อนที่ตามนายกองที่อยู่ข้างหน้า เพิ่มขึ้ความเร็วนเรื่อยๆ จิตสังหารเดือดพล่าน ทั้งยังรุนแรงยิ่ง

จิตสังหารท่วมฟ้าในความมืด การเคลื่อนไหวของกรมปราบพิฆาตไม่มีข้อมูลใดๆ หลุดออกมาเลย จึงทำให้คืนนี้ คนที่ออกเคลื่อนไหวตอนกลางคืนที่เห็นพวกเขาต่างจิตใจสั่นสะท้าน ดวงตาฉายแววตื่นกลัว รีบหลบซ่อนไปในทันที

หอนางโลมและโรงพนันเหล่านั้นจากที่คึกครื้นก็เงียบลงทันควัน คนในนั้นต่างตาเบิกโพลงอ้าปากค้าง ใจสั่นตื่นกลัวรีบปิดประตูทันที

โจรชั่วทุกคนในใจรู้กระจ่างเป็นอย่างดีว่า กรมปราบพิฆาตเคลื่อนไหวเช่นนี้ เช่นนั้นก็หมายความว่าในคืนนี้…

ทั้งเมืองหลักจะต้องหลั่งเลือด!

คนมากมายมองความตายครั้งนี้เหมือนสายอัสนีฟาดผ่านท้องฟ้า ขับไล่ความชั่วร้ายทั้งมวลไป!

กระทั่งว่าโรงเตี๊ยมที่ปกติเปิดตอนกลางคืนมากมายเหล่านั้น วันนี้ก็ต่างเลือกที่จะปิด ที่ถนนทองผุดก็เช่นกัน

กองหกตอนนี้ผ่านถนนทองผุด สวี่ชิงเห็นชายแก่เจ้าของโรงเตี๊ยมที่ปิดโรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว สายตาของทั้งสองคนประสานกันในเสี้ยวเวลาสั้นๆ

“เขากลัวแล้ว…” สวี่ชิงหรี่ตา สังเกตได้ว่าในดวงตาของชายชรามีแววหวาดระแวงฉายกะพริบ ดังนั้นจึงก้มหน้ามองเหรียญตราบนเสื้อของตัวเอง

อย่างน้อยในคืนนี้ เหรียญตราบนชุดนักพรตสีเทาของเขาก็เป็นตัวแทนของอำนาจความน่าเกรงขามของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต

ขั้วอำนาจใดก็ตาม จะงูก็ดี มังกรก็ช่าง ในคืนวันนี้ล้วนต้องก้มหัว ล้วนต้องขดตัว!

ในเวลานี้ หากแม้นมีการรบกวนแม้เพียงเศษเสี้ยวก็จะต้องถูกบดขยี้แหลกละเอียดในเสี้ยวพริบตาแน่นอน

“ที่ใดก็ตามล้วนมีแสงสว่างและความมืดทั้งนั้น ที่นี่ก็เช่นเดียวกัน แม้สำนักจะเลี้ยงกู่ อีกทั้งยังอนุญาตให้ในเมืองมีความรุ่งเรืองอันมืดมน แต่หนึ่งคือจะลงมือกับประชาชนคนธรรมดาไม่ได้ สองคือระดับสร้างฐานจากข้างนอกฆ่าระดับรวมปราณสำนักเราไม่ได้ นี่คือเส้นแดงสองเส้น ข้ามเส้นแเดงไป…ต้องจ่ายค่าตอบแทน”

นายกองที่อยู่ข้างหน้าเอ่ยเสียงราบเรียบ เมื่อพูดจบก็แบ่งหน้าที่ก่อนจากไป

ในใจของสวี่ชิงเกิดระลอกคลื่นอารมณ์ ก่อนนี้เขาก็ตระหนักถึงจุดนี้แล้ว แต่วันนี้เมื่ออยู่ในการปฏิบัติการ หลังจากสัมผัสกับตัวเองแล้วก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความทรงอำนาจของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตได้ลึกซึ้งขึ้น

ตอนนี้เขาติดตามอยู่ในกลุ่มสมาชิก คนกลุ่มหนึ่งมีเป้าหมายที่ชัดเจน หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ก็มองเห็นจุดหมายของครั้งนี้ได้จากที่ไกลๆ

นั่นเป็นคฤหาสน์หลังหนึ่ง

พระจันทร์กลอยเด่นกลางฟ้า ผืนแผ่นดินมืดมิดไปทั่ว ในคฤหาสน์แห่งนี้แม้จะมีแสงไฟ แต่ในความมืดนี้ แสงไฟเล็กน้อยราวสะเก็ดไฟก็ไหวระริกจะมอดดับไป

นอกคฤหาสน์ มีเงาร่างลูกศิษย์กรมปราบพิฆาตที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดออกมาจากการมาถึงของกองหก

พวกเขาเป็นคนที่กรมมอบหมายให้รับผิดชอบสอดแนม ตอนนี้หลังจากที่ประสานหมัดคารวะนายกองก็จากไปอย่างรวดเร็ว

“ทำตามการแบ่งหน้าที่ เริ่มการแทรกซึม!” ประกายเย็นเยียบในดวงตานายกองเพียงกะพริบวาบ ร่างก็ไหววูบพุ่งเข้าไปในคฤหาสน์ ส่วนสมาชิกกองหกก็แบ่งออกไปแปดคนล้อมคฤหาสน์เอาไว้ทั่วทุกทิศ เกิดเป็นการปิดล้อม สิบกว่าคนที่เหลือต่างแยกย้ายกันไป แทรกซึมไปตามตำแหน่งต่างๆ ในคฤหาสน์

สวี่ชิงก็อยู่ในนั้น ตอนนี้ตั้งท่าโจมตี รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง

มองไกลๆ คนของกองหกทั้งหลายเหมือนมือยักษ์ข้างหนึ่ง คว้าไปทางแสงไฟ

ในขณะเดียวกันก็มีเงาร่างของลูกศิษย์กรมปราบพิฆาตปรากฏตัวขึ้นเช่นกันจากที่ไกลๆ คนที่อยู่ข้างหน้าก็คือเด็กหนุ่มเผ่าเงือกคนนั้น พวกเขาคือหน่วยปราบพสุธากองสาม วันนี้สนับสนุนกองหกต่อสู้

ตอนนี้เมื่อมาถึง เห็นกองหกวางแผนบุกเข้าไปแล้ว เด็กหนุ่มเผ่าเงือกสายตาก็ฉายแววดูถูกออกมา แค่นเสียงหัวเราะ เพียงสะบัดมือก็มีวัตถุทรงกลมสีดำชิ้นหนึ่งพุ่งออกไป ร่วงหล่นในคฤหาสน์ แล้วระเบิดทันที ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

กองย่อยใต้การบัญชาการของเขาแต่ละคนก็ต่างยิ้มเหี้ยมเกรียม ต่างโยนวัตถุที่คล้ายกันออกไป เกิดเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นทันที”ฮณ๊ฯดฯฌซ,

ตอนกลางคืนจู่ๆ มีเสียงดังขึ้นมา ก็ทำให้คนของนกเขาราตรีทั้งหลายตกใจตื่นทันที แต่ละคนสีหน้าเปลี่ยนไป กระจายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้แผนการแทรกซึมโจมตีลอบตัดหัวของกองหกล้มเหลว

สวี่ชิงขมวดคิ้ว กองสามใช้วิธีนี้วิธีรบกวนภารกิจของกองหกอย่างชัดเจน

วัตถุระเบิดตัวเองชิ้นหนึ่งในนั้นร่วงห่างจากเขาไม่ไกล ตอนนี้ ผู้บำเพ็ญนกเขาราตรีที่อยู่ในคฤหาสน์ต่างแยกย้ายกันไปทุกทิศท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่น ยิ่งมีคนวางเพลิงและเริ่มวางแผนรับมือ ทำให้แสงเพลิงอาบย้อมทั่วทั้งคฤหาสน์ทันที ยิ่งมีควันมากมายกระจายมาจากทั่วทุกทิศ

ควันส่งผลกระทบต่อสายตาการมองเห็น เสียงฆ่าสังหาร เสียงคำราม เสียงระเบิดดังลอยออกมาจากหมอกลวงตานี้ทันที

แผนการตัดหัวดีๆ ถูกทำให้ผิดแผนเสียจนบรรยากาศอึมครึม เพิ่มการบาดเจ็บล้มตายโดยเปล่าประโยชน์

สวี่ชิงไม่สนใจกองสาม ประกายเย็นในดวงตาฉายกะพริบ ร่างไหววูบไปในหมอกที่ฟุ้งกระจายจิตสังหารปรากฏทันที มือขวายกขึ้นแล้วพลันคว้าไปข้างๆ เสียงร้องโหยหวนเสียงหนึ่งดังขึ้นทันที ผู้บำเพ็ญนกเขาราตรีคนหนึ่งถูกกริชในมือของเขาปาดคอ

คนคนนี้เป็นชายกลางคน พลังบำเพ็ญอยู่ที่ระดับรวมปราณขั้นหก หัวขาดกระเด็น เลือดสาดกระเซ็น ในดวงตามีความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่

หลังเอาถุงหนังของคนคนนี้ ก็โยนศพไว้ข้างๆ ไม่สนใจอีก สวี่ชิงตั้งท่าโจมตีร่างกะพริบวูบ พุ่งตัวไปอย่างรวดเร็วในหมอก แสงสีดำของกริชในมือฉายวาบ เขาเข้าไปใกล้ผู้บำเพ็ญนกเขาราตรีอีกคนหนึ่ง แล้วปาดไปที่คอของเขาทันที

สวี่ชิงสีหน้าเป็นปกติในกระบวนทั้งหมด ปล่อยให้ผู้บำเพ็ญที่กุมคอของตัวเองคนนั้นมีลมหายใจออกแต่ไม่มีลมหายใจเข้าชักกระตุกอยู่กับที่ตรงนั้น เขาเก็บถุงหนังของอีกฝ่าย ก่อนจะก้าวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว มองหาคนที่สาม

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ หลังจากนั้นหนึ่งก้านธูป สวี่ชิงที่เคลื่อนตัวไปข้างหน้าพลันหลบคมพายุทางหนึ่งพัดมาจากข้างๆ เขาอย่างเร็วรี่ท่ามกลางเสียงระเบิดและเสียงคำรามที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ลมพัดผมของสวี่ชิงเผยแววตาประดุจหมาป่า ความเร็วของเขาปะทุขึ้นทันที บริเวณที่คมพายุพัดมาตรงนั้นมีลูกศิษย์กรมปราบพิฆาตสองคน คนหนึ่งกองหก คนหนึ่งกองสาม กำลังฆ่าสังหารกับคนคนหนึ่งกันอยู่

ลูกศิษย์กองสามเห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของสวี่ชิง ส่วนลูกศิษย์กองหกดวงตาฉายแววตื่นเต้นยินดี ความตื่นเต้นยินดีนี้จริงใจอย่างหาได้ยาก เพราะวันนี้พวกเขาร่วมมือกันปฏิบัติงานเป็นกลุ่ม

“สวี่ชิงเป็นระดับรวมปราณขั้นแปด!”

บนพื้นยังมีศพอีกสองศพ เลือดเนื้อเละเทะ ส่วนผู้บำเพ็ญนกเขาราตรีที่สู้กับทั้งสองคนคนนั้น ตอนนี้เมื่อเห็นสวี่ชิงมาก็ถอยไปอย่างรวดเร็ว คิดจะไปจากที่นี่

แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว สวี่ชิงร่างพลันพุ่งไปข้างหน้า ความเร็วปะทุเสียงอากาศระเบิดออกมา ทั้งตัวเขามาถึงข้างหน้าผู้บำเพ็ญนกเขาราตรีคนนี้ พุ่งชนเข้าอย่างจัง กริชในมือปาดไปที่คอของเขาทันทีท่ามกลางความตื่นตะลึงของลูกศิษย์กองสามและกองหก

เลือดพุ่งสาดกระจาย ยามร่วงลงพื้น ผู้บำเพ็ญของนกเขาราตรีหัวก็ขาดจากตัว กลายเป็นศพไปเสียแล้ว

ลูกศิษย์กองสามที่อยู่ข้างๆ หน้าซีดเผือด ในดวงตาฉายความหวาดระแวงอย่างมาก เขาเคยเห็นผู้แข็งแกร่ง แต่ผู้แข็งแกร่งที่สังหารระดับรวมปราณขั้นแปดในทีเดียว มีให้เห็นไม่มากนัก

ตอนนี้ไม่กล้าอยู่ที่นี่จึงถอยจากไปอย่างรวดเร็ว ส่วนสมาชิกกองหกคนนั้นก็สูดลมหายใจลึก สายตาที่มองมาทางสวี่ชิงก็มีความตื่นตะลึงเช่นกัน หลังจากโค้งคารวะสุดตัวแล้ว ก็หายไปในหมอก

สวี่ชิงก้มหน้ากวาดตามองศพที่สามบนพื้นแวบหนึ่ง ก้มตัวลงอย่างสงบนิ่ง ค้นถุงหนังออกมาทีละใบๆ อย่างช้าเนิบ เหตุการณ์ทั้งหมด สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย ประเดี๋ยวยังเอาถุงหนังที่ค้นมาได้ใส่เข้าไปในถุงหนังของตัวเองอีกด้วย

จวบจนหยิบเอาถุงหนังที่อยู่บนร่างของศพที่สามที่เลือดเนื้อรางเลือนขึ้นมา สวี่ชิงก็ถูมือ หมุนตัวทำท่าจะจากไป แต่กริชในมือกลับแทงไปที่หว่างคิ้วของศพบนพื้นด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด

ความเร็วและการเคลื่อนไหวกะทันหัน ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววอะไรเลยแม้แต่น้อย

เสี้ยวพริบตาต่อมา ศพนั้นพลันขยับ เหมือนว่าไหลได้ ไหววูบไปข้างหลัง ทำให้กริชของสวี่ชิงพลาดเป้า

ศพนั้นลอยขึ้นมาตามแรง ดวงตาพลันลืมขึ้น เผยประกายเย็นเยียบ จ้องสวี่ชิงเขม็ง

“เจ้ารู้ได้อย่างไร”

“ศพที่ตายอนาถข้าเคยเห็นมามากมาย เจ้าแสดงได้ไม่เหมือน” สวี่ชิงมอง ‘ศพ’ ข้างหน้า เอ่ยเสียงราบเรียบ

“อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็นับว่าเจ้าซวยแล้ว” ศพลูบหน้า เผยหน้าตาอย่างคนวัยกลางคน ร่างไหววูบแล้วพลันปะทุขึ้น พุ่งมาหาสวี่ชิง พลังบำเพ็ญระดับรวมปราณขั้นบริบูรณ์แผ่ออกมาในเสี้ยวขณะนี้ทันที

คนคนนี้คือหนึ่งในหัวหน้าคนร้ายของที่กบดานแห่งนี้ เป็นคนระมัดระวังรอบคอบ เดิมคิดจะแกล้งทำเป็นศพ หนีจากไปเงียบๆ แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกเจอที่นี่

เขาเองก็เป็นคนเหี้ยมโหดอำมหิตเช่นกัน รู้ว่าจะชักช้าไม่ได้ ก็ลงมือเต็มกำลังทันที

ตอนนี้ระลอกคลื่นพลังวิญญาณทั้งร่างของเขาเหมือนงูไฟเป็นตัวๆ ปรากฏออกมาข้างหน้าร่างของเขา คำรามไปหาสวี่ชิงอย่างเหี้ยมเกรียม

งูไฟพวกนี้มีทั้งหมดเก้าตัว

ทุกตัวล้วนสามารถฉีกทึ้งร่างของผู้บำเพ็ญระดับรวมปราณขั้นเก้าได้ในพริบตา ทั้งเก้าตัวตอนนี้ขดตัวเป็นวง ความแข็งแกร่งของพลังเป็นระดับสูงสุดของระดับรวมปราณที่สวี่ชิงเคยเห็นมา

แต่สวี่ชิงสีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากมายเท่าไรนัก ในขณะที่สะบัดมือ ก็มีหยดน้ำนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นรอบกาย กลิ่นอายทะเลต้องห้ามแผ่มา หยดน้ำทุกหยดเหล่านี้ต่างกำลังบิดหมุน เพียงเสี้ยวพริบตาก็มารวมกันเป็นรูปจระเข้ตัวหนึ่ง

จระเข้ตัวนี้มีเกล็ดทั่วทั้งตัว เหี้ยมโหดเป็นที่สุด ปากใหญ่ๆ ที่อ้าออกมีฟันแหลมกริบฉายประกายแสงวาววาบ ยิ่งมีความคล่องแคล่ว หลังจากที่ปรากฏตัวขึ้นก็ส่งเสียงคำราม พุ่งเข้าไปหางูไฟเก้าตัวที่ประชิดเข้ามาทันที

ขณะที่ปะทะกันในเสี้ยวพริบตา เสียงบึ้มดังขึ้น พลังคัมภีร์แปรสมุทรของสวี่ชิงก็สำแดงขึ้นโดยสมบูรณ์ กลืนกินงูเพลิงพวกนั้นลงไปห้าตัว ส่วนที่เหลือแม้จะกำลังสู้พัวพันกันอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่าคัมภีร์แปรสมุทรสามารถต่อกรได้

ส่วนสิ่งที่ทำให้ผู้บำเพ็ญนกเขาราตรีระดับรวมปราณขั้นบริบูรณ์คนนั้นตื่นกลัวคือ จู่ๆ สวี่ชิงก็ก้าวออกมา เลือดลมข้างหลังแปรเปลี่ยนเป็นเงามายารูปผีร้าย ในขณะเดียวกับที่คำรามก็พุ่งตัวออกมาหาตนราวกับลูกธนูพร้อมกับร่างของสวี่ชิง

“เจ้าไม่ใช่ลูกศิษย์ธรรมดาๆ ของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต!!” หัวหน้าคนร้ายนกเขาราตรีม่านตาหดเล็ก เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายแสนสาหัสจากสวี่ชิง ตอนนี้ร่างกายพลันถอยไป เมื่อโบกมือก็โยนของวิเศษอักขระที่ส่องประกายแสงสีฟ้าชิ้นหนึ่งออกมา

เขาถอยหลังไปไม่แม้แต่จะดูผลลัพธ์เร็วยิ่งกว่าเดิม

ของวิเศษอักขระสีฟ้าชิ้นนี้หม่นแสงเป็นอย่างมากเหมือนจะใช้มาแล้วหลายครั้ง พลังลดไปไม่น้อย แม้ปะทุพลังขึ้นในเสี้ยวพริบตาจะมีมือผีสีฟ้ามาพร้อมด้วยกลิ่นอายระดับสร้างฐานข้างหนึ่งปรากฏขึ้น คว้ามาทางสวี่ชิง แต่เมื่อเทียบพลังกับระดับสร้างฐานของจริงก็ห่างกันมากโข

แม้สวี่ชิงจะรู้สึกว่าของวิเศษอักขระชิ้นนี้จะธรรมดาๆ แต่ก็ยังหลบหลีกอย่างรวดเร็ว แต่มือข้างนี้ไล่ตามมา ทำให้เขาไม่อาจไล่โจมตีหัวหน้าคนร้ายได้ต่อ ทว่าสวี่ชิงไม่รีบร้อน เขาหลบมือใหญ่ข้างนี้พลางมองหัวหน้าคนร้ายหลบหนีอย่างเย็นชา

“พิษที่เจ้าโดนเข้าไปยังไม่ออกฤทธิ์อีกหรือ”

ในเสี้ยวพริบตาที่สวี่ชิงพูดออกมา หัวหน้าคนร้ายนกเขาราตรีระดับรวมปราณขั้นบริบูรณ์คนนี้สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล การเต้นของหัวใจยิ่งเร่งการกำเริบของพิษ เขากระอักเลือดสีดำออกมา ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำทันที

“พิษ!”

ขณะหวาดกลัว ร่างของเขาก็โซเซ สัมผัสได้ถึงความบ้าคลั่งของพิษในร่างกาย อวัยวะทั้งหลายเหมือนจะละลาย ดวงตาก็ฉายความคุ้มคลั่งออกมาทันที ไม่รู้ว่าสำแดงเคล็ดวิชาลับอะไร มือทั้งสองพลันซัดไปที่หน้าอกของตัวเองเต็มแรง พริบตาต่อมาร่างของเขาก็มีไฟลุกไหม้ เหมือนกระตุ้นศักยภาพทั้งหมดขึ้นมาในเสี้ยวขณะนี้ พิษในร่างกายก็ถูกสะกดไป สีเขียวคล้ำบนใบหน้าก็หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

แต่เห็นได้ว่าค่าตอบแทนสูงมาก ตอนนี้สติสัมปชัญญะของเขาค่อนข้างรางเลือน เหมือนว่าความคิดในสมองมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือหนี

ดังนั้นเพียงร่างไหววูบ เขาก็คิดจะหนีไปด้วยความเร็วที่เร็วกว่าเดิม

แต่ช้าไปเพียงแค่นั้น สวี่ชิงก็หลบการโจมตีของมือใหญ่ที่มาจากของวิเศษอักขระข้างนั้นได้ ร่างกายปะทุความเร็วทั้งหมด พุ่งออกไปเหมือนสายฟ้า เพียงเสี้ยวพริบตาก็ประชิดเข้ามายังหัวหน้าคนร้ายนกเขาราตรีของที่กบดานแห่งนี้ มือขวายกขึ้นกำลังจะคว้า

แต่ในตอนนี้เอง วิกฤตเป็นตายรุนแรงกลุ่มหนึ่งทำให้สวี่ชิงสีหน้าพลันเปลี่ยนไป ม่านตาหดเล็ก ฝืนร่างกายให้ถอยหลัง แทบจะเสี้ยวพริบตาเดียวกับที่เขาถอยไป มีดวงเดือนเล่มหนึ่งก็บินมา เฉียดผ่านบริเวณที่เขาอยู่อย่างรวดเร็ว

แหวกผ่านท้องฟ้า ส่งเสียงแสบแก้วหู หากเขาหลบช้าไปกว่านั้นเพียงนิดเดียว ร่างจะต้องถูกตัดขาดแน่

และในขณะเดียวกับที่เขาถอย จากทิศที่มีดวงเดือนประชิดเข้ามา ก็มีคนคนหนึ่งพุ่งตัวมา เขาไม่สนใจสวี่ชิง แต่ทะยานตัวไปหาหัวหน้าคนร้ายนกเขาราตรีคนนั้น ผู้มาเยือน…คือนายกองสาม เด็กหนุ่มเย็นชาเผ่าเงือกคนนั้น

“แย่งความดีความชอบของข้าอย่างนั้นรึ” ดวงตาสวี่ชิงเหี้ยมโหดขึ้นมาทันที