ตอนที่ 76 เท่ห์มาก!
“นี่!! ไม่ต้องมาหลอกฉันซะให้ยากเลย ฉันทำงานที่หอฟู่ฟิงมาหลายปี แล้วก็ดูแลโกดังนี้มาคนเดียวตลอด ท่านหมอกู่ไม่เคยเหยียบเข้ามาที่นี่เลยสักครั้ง!”
ซูเล่ยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง มันยกบุหรี่ขึ้นมาเพื่อที่จะจุดสูบ พร้อมตอบหลินหนานกลับไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“ฉันจะบอกอะไรให้.. วันนี้ถ้าฉันฆ่าแกตายอยู่ในนี้ ยังไม่มีใครรู้เลย!”
“เฮ้อ.. บางครั้งความมั่นอกมั่นใจที่เกินพอดี ก็ทำให้คนเรากลายเป็นคนโง่เขลาได้!” หลินหนานถอนหายใจพร้อมกับเอ่ยตอบกลับไป
คนเราเมื่อถึงเวลาที่กรรมให้ผล อะไรก็คงไม่อาจฉุดรั้งไว้ได้สินะ..
หลังจากที่ได้เห็นสีหน้ามั่นอกมั่นใจของหลินหนานในเวลานี้ จู่ๆ ซูเล่ยก็ถึงกับใจสั่นขึ้นมาทันที เขาเริ่มรู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองมาจากทางด้านหลังของตนเอง ซูเล่ยรีบหันหลังกลับไปมองอย่างรวดเร็ว และแล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นตกใจสุดขีด บุหรี่ในมือร่วงหล่นลงที่พื้นทันที
“ท่านหมอกู่!!” ซูเล่ยร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ ร่างกายสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง และขนลุกขนชันไปทั่วทั้งตัวจนถึงหนังศรีษะ
นั่นเพราะเวลานี้ ทั้งผู้เฒ่ากู่และกู่หยุนลิ่วหลานสาว ต่างก็กำลังยืนจ้องมองซูเล่ยด้วยใบหน้าถมึงทึง ความจริงทั้งสองคนได้มาถึงโกดังสักพักแล้ว แต่ในระหว่างที่กำลังเดินเข้ามา และจะร้องทักทายหลินหนานนั้น เขาก็ได้ส่งสายตาห้ามปรามคนทั้งคู่ไว้เสียก่อน..
ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่ากู่และกู่หยุนลิ่วจึงได้แต่ยืนนิ่งเงียบอยู่ด้านหลังซูเล่ยเช่นนั้น จนกระทั่งได้ยินคำสารภาพของเขาหมดทุกคำ
และเนื้อหาของบทสนทนาระหว่างซูเล่ยกับหลินหนานนั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่น่าตกใจทั้งสิ้น!
เวลานี้ใบหน้าของผู้เฒ่ากู่บึ้งตึงเป็นอย่างมาก เพราะคนที่เขาไว้ใจให้ดูแลหอฟู่ซิง กลับกลายเป็นขโมยเสียเอง เขาคิดไม่ถึงว่าซูเล่ยจะทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ได้
นี่มันกล้าพูดว่า หอฟู่ซิงมีไว้เพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองเชียวเหรอ? มิหนำซ้ำยังด่าว่าคนไข้ที่มาหอฟู่ซิงล้วนแล้วแต่หน้าโง่ ไม่รู้แม้กระทั่งสมุนไพรหมดอายุ หรือเน่า!
การขายสมุนไพรเน่าและหมดอายุให้กับคนไข้ นับเป็นเรื่องที่ชั่วช้าอย่างที่สุด!
และหากผู้ป่วยได้รับอันตราย หรือเสียชีวิตเพราะสมุนไพรหมดอายุพวกนั้น ป้ายทองของหอฟู่ซิงคงต้องถูกทุบทิ้ง และตระกูลกู่ก็จะต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นแน่
อีกทั้งการกระทำของซูเล่ย ยังเป็นการฆ่าคนทางอ้อมด้วย!
“เธอยังมีอะไรจะพูดอีกมั๊ยซูเล่ย?” ผู้เฒ่ากู่เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา..
“ท่านหมอกู่ครับ เมื่อครู่ผมแค่ล้อเล่นเท่านั้นเองนะครับ!” ซูเล่ยรีบแก้ตัว
“ล้อเล่นงั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นเธอจะอธิบายเรื่องนี้กับฉันยังไง?”
ผู้เฒ่ากู่ร้องตะโกนถามเสียงดัง พร้อมกับเดินเข้าไปเปิดถุงสมุนไพรเน่า และหมดอายุออกดู หลังจากที่เปิดปากถุงออก กลิ่นของสมุนไพรที่เน่าเหม็น ก็ได้โชยออกมาจนทำให้รู้สึกคลื่นไส้
ซูเล่ยตกใจสุดขีด สีหน้าของมันเปลี่ยนไปทันที และเริ่มพูดจาตะกุกตะกัก เพราะไม่สามารถอธิบายได้..
“เอ่อ.. นั่น..”
“ซูเล่ย เธอทำงานที่หอฟู่ซิงกับฉันมานานหลายปี ฉันไว้เนื้อเชื่อใจเธอมาก จึงได้ปล่อยให้เธอดูแลหอฟู่ซิงทั้งหมด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันเห็นเธอเป็นเหมือนคนในครอบครัว แต่กลับคิดไม่ถึงว่า…”
ผู้เฒ่ากู่โกรธจนตัวสั่น น้ำเสียงของเขาสั่นไหวจนไม่สามารถพูดในสิ่งที่อยากจะพูดออกมาได้หมด..
“ท่านหมอกู่ครับ คือผม.. ผมผิดไปแล้ว ได้โปรดให้โอกาสผมสักครั้ง ผมจะปรับปรุงตัวใหม่..”
ซูเล่ยคุกเข่าลงกับพื้น ร้องห่มร้องไห้อ้อนวอนขอร้องผู้เฒ่ากู่ พร้อมกับกอดขาของเขาไว้แน่น
“เธอขายสมุนไพรหมดอายุให้กับคนไข้ของฉัน นี่เป็นเรื่องที่ฉันทนไม่ได้ แล้วก็ยากที่จะให้ยกโทษให้เธอได้จริงๆ นับจากนี้ไป เธอห้ามเหยียบเข้ามาในหอฟู่ซิงของฉันอีก!”
ผู้เฒ่ากู่ถอนหายใจออกมา พร้อมกับทำสีหน้าท่าทางที่บ่งบอกว่าเขาได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
“ฉันไม่สามารถให้อภัยเธอได้จริงๆ!”
กู่หยุนลิ่วจึงพูดเสริมขึ้นมาว่า “คุณปู่คะ สิ่งที่ซูเล่ยทำล้วนแล้วแต่ผิดกฏหมาย หนูได้โทรไปแจ้งตำรวจเรียบร้อยแล้ว และจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเขาด้วย”
“ห๊ะ?! อะไรนะ?!” ซูเล่ยถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
เมื่อครู่จากน้ำเสียงของผู้เฒ่ากู่ ซูเล่ยคิดว่าแม้ตนเองจะไม่ได้รับการให้อภัย อย่างน้อยเขาก็แค่ถูกไล่ออก แต่ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ
อีกอย่าง เขาเองก็ขายสมุนไพรหมดอายุนี้มานานหลายปีแล้ว จึงมีเงินเป็นกอบเป็นกำ ต่อให้ถูกไล่ออก ก็ยังมีเงินมีทองใช้ได้อย่างสบาย แต่ถ้าแจ้งตำรวจ ชีวิตของเขาก็จะจบสิ้นทันที!
และที่สำคัญเขาจะต้องติดคุกติดตะรางอีกหลายปี และยังต้องใช้เงินที่มีอยู่ชดใช้ค่าเสียหายให้กับหอฟู่ซิงอีก และนี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น..
หลังจากที่ได้ยินว่ากู่หยุนลิ่วแจ้งตำรวจแล้ว ซูเล่ยก็หันไปจ้องมองทุกคนด้วยแววตาเคียดแค้น พร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
“ฉันตั้งใจทำงานอย่างหนักให้พวกแกมานานหลายปี แต่พวกแกกลับจะเรียกตำรวจมาจับฉันนี่นะ?”
“ทำงานหนักงั้นเหรอ? สิ่งที่เธอทำมันเป็นการทำลายตระกูลของฉันต่างหากล่ะ!” กู่หยุนลิ่วตอบโต้กลับไปทันที พร้อมกับจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว
“ถ้าฉันจะต้องติดคุก แกก็อย่าหวังมีชีวิตอยู่ได้เลย!”
ยังไม่ทันที่ซูเล่ยจะพูดจบ มันก็พุ่งเข้าไปล็อคคอกู่หยุนลิ่วไว้ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และผู้เฒ่ากู่ก็ไม่คาดคิดว่าซูเล่ยจะทำอะไรบ้าๆแบบนี้ เขาจึงได้แต่ร้องตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงดุดัน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ผู้เฒ่ากู่ร้องตะโกนออกมา พร้อมกับพุ่งตรงเข้าไปเพื่อที่จะช่วยดึงมือของซูเล่ยออก แต่คิดไม่ถึงว่า ซูเล่ยจะใช้มืออีกข้างหยิบตะขอเหล็ก ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับใช้ยกกระสอบสมุนไพรขี้นมา พร้อมกับเงื้อไว้เหนือศรีษะของกู่หยุนลิ่ว
“หยุดนะ! ถ้ายังก้าวเท้าเข้ามาอีก ฉันจะฆ่านังนี่ให้ตายเดี๋ยวนี้เลยคอยดูสิ!” ซูเล่ยร้องตะโกนข่มขู่ ดวงตาของมันแดงก่ำ และใบหน้าเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมดุดัน
“อย่าทำอะไรหลานสาวฉันนะ มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากันก็ได้..” น้ำเสียงของผู้เฒ่ากู่เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน และอ้อนวอนในทันที
กู่หยุนลิ่วเป็นความหวังของตระกูลกู่ อีกทั้งยังเป็นหลานที่ผู้เฒ่ากู่รักใคร่เอ็นดูมากที่สุดอีกด้วย ฉะนั้น ชีวิตของกู่หยุนลิ่วจึงสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น
กู่หยุนลิ่วถูกล็อคคอไว้แน่นจนใบหน้าเริ่มแดงก่ำ ไอ และหายใจถี่ แต่เพราะซูเล่ยเป็นชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่ เธอจึงไม่อาจสู้ และต้านทานแรงของมันได้
แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังตกอกตกใจอยู่นั้น หลินหนานซึ่งอยู่ตรงข้าม ก็ได้ส่งสัญญาณผ่านทางสายตาให้ปู่และหลานตระกูลกู่อยู่ในความสงบ ซึ่งกู่หยุนลิ่วก็สงบนิ่งขึ้นในทันที
จากนั้นหลินหนานก็ได้ยกนิ้วชี้ลงไปที่เท้าของตน พร้อมกับทำท่าทางกระทืบเท้าลงพื้นให้กู่หยุนลิ่วดู
กู่หยุนลิ่วขยิบตาที่อยู่ภายใต้แว่นสายตาให้กับหลินหนานทันที เป็นการส่งสัญญาณว่า เธอเข้าใจสิ่งที่เขาสื่อได้เป็นอย่างดี
ซูเล่ยไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าท่าทางของกู่หยุนลิ่วกับหลินหนาน เพราะมัวแต่หันไปพูดกับผู้เฒ่ากู่ว่า
“โทรบอกตำรวจเดี๋ยวนี้ว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด ไม่อย่างนั้นฉันฆ่านังนี่ทิ้งแน่!”
“ได้ๆ ฉันจะรีบโทรบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจเดี๋ยวนี้เลย” ผู้เฒ่ากู่รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาตำรวจทันที
ในระหว่างที่ซูเล่ยกำลังชะล่าใจอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนดังราวกับฟ้าผ่า
“ลงมือได้!”
ในระหว่างที่ซูเล่ยกำลังตกใจกับเสียงร้องตะโกนของหลินหนานนั้น กู่หยุนลิ่วก็อาศัยจังหวะนี้ ยกเท้าขึ้นและกระทืบลงไปบนฝ่าเท้าของซูเล่ยอย่างสุดกำลัง
“อ๊าก!!!!!!!!!!”
ซูเล่ยร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ด้วยสัญชาติญาณ มันเงื้อตะขอเหล็กในมือนั้นฟันลงไปที่ศรีษะของกู่หยุนลิ่วทันที แต่ระหว่างนั้นตัวมันเองกลับสัมผัสได้ถึงลงที่พัดผ่านเข้าใส่ใบหน้าตน
และก่อนที่ตะขอเหล็กในมือของซูเล่ยจะเฉาะลงกลางศรีษะของกู่หยุนลิ่ว มือที่ถือตะขอเหล็กนั้นก็ได้ถูกใครบางคนคว้าไว้เสียก่อน และได้ถูกกำปั้นกระแทกเข้าใส่ที่จมูกหนึ่งหมัด
ปัง!
ดั้งจมูกของซูเล่ยหัก และเลือดกำเดาก็ไหลออกมาอย่างมากมาย ด้วยความเจ็บปวด ซูเล่ยจึงยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมจมูกของตนเองไว้ และในจังหวะนั้นเอง หลินหนานจึงได้เอื้อมมือกระชากร่างของกู่หยุนลิ่วไปไว้ด้านหลังของตนเอง พร้อมกับกระโดดถีบเข้าที่หน้าท้องของซูเล่ยอย่างแรง!
ปัง!!
ร่างของซูเล่ยถูกถีบจนกระเด็นลอยละลิ่วออกไปไกลหลายเมตร ก่อนจะไปกระแทกเข้ากับชั้นวางสมุนไพรหมดอายุ และหมดสติไปในที่สุด
ครืน..
แรงกระแทกทำให้กองสมุนไพรหมดอายุบนชั้น ร่วงลงมาทับร่างหมดสติของซูเล่ยไว้ และฝังร่างของมันไว้ด้านล่าง
หลินหนานแสยะยิ้มพร้อมกับพึมพำออกมาว่า “กรรมสนองคนชั่วช้าแล้วจริงๆ! ขายสมุนไพรหมดอายุให้คนอื่น ก็ถูกฝังกลบด้วยสมุนไพรหมดอายุที่ตนเองขาย..”
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้น และจบลงอย่างรวดเร็ว จนแม้แต่ผู้เฒ่ากู่เองก็ได้แต่ยืนงุนงง จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดผู้เฒ่ากู่ก็ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“คุณชายหลิน นี่เขาจะตายมั๊ย?”
“ไม่หรอกครับ ปล่อยไว้ให้จมกองสมุนไพรเน่าอย่างนั้นล่ะ เดี๋ยวตำรวจมาถึงก็น่าจะฟื้นพอดี!” หลินหนานตอบกลับยิ้มๆ
“เฮ้อ.. ค่อยยังชั่ว!” ผู้เฒ่ากู่ถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ในขณะที่กู่หยุนลิ่วซึ่งพ้นจากอันตรายได้อย่างหวุดหวิด ถึงกับกระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจ และร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
“คุณชายหลิน.. คุณเท่ห์มากเลย!!”