บทที่ 39 ชายผู้มากพรสวรรค์และโอกาสของถังหว่าน

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 39 ชายผู้มากพรสวรรค์และโอกาสของถังหว่าน

บทที่ 39 ชายผู้มากพรสวรรค์และโอกาสของถังหว่าน

เมื่ออู๋ฉี่หางและหวังเจิ้งเหว่ยกลับไปที่ห้องโถงด้านข้าง พวกเขาก็พบว่า หยางจื่อต้งและโจวอี้กำลังสนทนากันอย่างดุเดือด

หัวข้อที่พวกเขาพูดถึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเขียนพู่กัน ภาพวาด และประติมากรรม

พวกเขากำลังพูดถึงรถยนต์!

ส่วนใหญ่เป็นการอธิบายอันกระตือรือร้นของหยางจื่อต้ง ซึ่งโจวอี้ก็เอ่ยปากชื่นชม และนั่นทำให้หยางจื่อต้งพึงพอใจและช่างพูดมากขึ้น

“อัจฉริยะอะไรอย่างนี้!”

อู๋ฉี่หางและหวังเจิ้งเหว่ยมองหน้ากันพลางยิ้ม

โจวอี้เล่าว่าตัวเขาเคยอาศัยอยู่ท่ามกลางภูเขาและป่าไม้มาก่อน แต่เขาก็ยังสามารถแต่งงานกับดาราดังอย่างถังหว่านได้ ซึ่งถ้าเขาเป็นคนธรรมดาก็คงจะแปลก

อคติก่อนหน้านี้ได้มลายหายไปแล้ว และพวกเขายังคิดว่าโจวอี้เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก!

หวังเจิ้งเหว่ยไม่ได้พูดถึงการเขียนพู่กันและวาดภาพ ส่วนอู๋ฉี่หางก็ไม่ได้พูดถึงประติมากรรม ชายทั้งสี่คนย้ายจากสตูดิโอไปที่ห้องทำงานของอู๋ฉี่หาง พากันดื่มเหล้า สูบบุหรี่ พูดคุยกันอย่างเฮฮา

ภายในเรือนกล้วยไม้…

แม้ถังหว่านจะเข้ากันได้ดีกับเพื่อนบ้านหญิง แต่เธอก็มีความกังวลเล็กน้อย

เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับนิสัยของอู๋ฉี่หาง เขาเป็นคนที่ดูใจดีเพียงผิวเผิน แต่แท้จริงแล้วเป็นคนที่มีจิตใจหยิ่งทะนง คนธรรมดาไม่สามารถเข้าถึงเขาได้

ส่วนหวังเจิ้งเหว่ยและหยางจื่อต้ง ดูจากคำพูดและพฤติกรรม พวกเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน!

เธอกังวลว่าโจวอี้จะถูกสามคนนี้ดูถูก เพราะเขาเพิ่งลงมาจากภูเขา

ถังหว่านจึงนึกอยากที่จะไปดูอีกฝ่าย แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องดีนักเพราะคนอื่น ๆ กำลังคุยกันอย่างมีความสุข

หลีฟางเป็นคนฉลาด ในฐานะที่เธอควบคุมทรัพย์สินนับพันล้าน เธอย่อมสังเกตท่าทางแปลก ๆ ของถังหว่านได้อย่างง่ายดาย เมื่อหลายคนเปลี่ยนหัวข้อ เธอก็ยิ้มออกมาทันที “คุยกันไปก่อน ขอฉันไปดูก่อนว่าพวกเขาต้องการอะไรไหม?”

ประมาณสี่ถึงห้านาทีต่อมา…

หลีฟางกลับมาด้วยสีหน้าแปลก ๆ สายตาของเธอจับจ้องไปที่ถังหว่านและถามขึ้นว่า “ถังหว่าน สามีของคุณมาจากไหน? วันนี้ฉันได้เปิดหูเปิดตาแล้ว เพราะแม้เขาจะยังเด็ก แต่ก็มีฝีมือและพรสวรรค์อย่างมาก”

“เกิดอะไรขึ้นกับเขา?” ถังหว่านยังคงกังวล ทว่าหลังจากได้ยินคำพูดของหลีฟาง เธอก็โล่งใจ…

หลีฟางกระซิบกระซาบว่า “สามีของฉัน ทุกคนน่าจะรู้จักนิสัยของเขา เขาดูเหมือนจะเป็นคนสุภาพและเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ความจริงแล้วเป็นคนหยิ่งยโสมาก เวลาเจอคนที่เขาไม่ชอบ เขาจะไม่ปรายตามอง แต่ฉันเพิ่งไปหาเขามา เดาซิว่าเกิดอะไรขึ้น?”

“เกิดอะไรขึ้นคะ?”

ผู้หญิงหลายคนในที่นี้รู้สึกสนใจขึ้นมา

“สามีของฉัน เฒ่าอู๋ เจิ้งเหว่ย และจื่อต้ง กำลังพูดคุยและหัวเราะอยู่กับโจวอี้ และบรรยากาศก็ดูอบอุ่น ฉันคิดว่าพวกเขาเริ่มสนิทกันมากขึ้น พวกเขาพับแขนเสื้อแล้วเล่นงัดข้อกัน!” หลีฟางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เมื่อถังหว่านได้ยินคำพูดของหลีฟาง หินที่เธอแบกอยู่ในใจก็ราวกับถูกยกออกจากอก

คราวนี้หูชุ่ยรู้สึกประหลาดใจ “โจวอี้มีความสามารถมากใช่ไหม? ครอบครัวของฉัน หวังเจิ้งเหว่ยน่ะมีนิสัยแปลก ๆ แม้ว่าเขาจะได้พบกับคนรู้จักมากมาย เขาก็แทบจะไม่สามารถยอมรับใครได้ง่าย ๆ แต่เมื่อเขายอมรับแล้ว เขาจะสุภาพกับคนคนนั้นสุดหัวใจ และตอนนี้เขาก็ยอมรับโจวอี้แล้ว…”

“มันมากกว่าการยอมรับเสียอีก!” หลีฟางนั่งลงข้างถังหว่าน และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้เจิ้งเหว่ยจับมือกับโจวอี้และคุยกันเสียงดัง บรรยากาศสนุกสนานมาก! ถ้าฉันไม่รู้ ฉันคงคิดว่าพวกเขากำลังมีความรัก!”

“ฮ่า ๆ!”

ผู้หญิงหลายคนอดหัวเราะไม่ได้

แววตาของถังหว่านพลันสว่างขึ้นเล็กน้อย เธอรู้ว่าโจวอี้มีบุคลิกอย่างไร แต่ผู้ชายสามคนที่เธอพบในวันนี้นั้นไม่ง่ายเลยที่จะเข้ากันได้ เธออยากรู้ว่าโจวอี้ทำได้อย่างไร?!

“เขามีเพียงปากเดียวแต่กลับพูดได้ดี” ถังหว่านยิ้ม

“ฮ่า ๆ!”

พวกเธอยังคงหัวเราะต่อไป แต่ก็รู้สึกว่าการที่โจวอี้ทำให้สามีของพวกเธอยอมรับนั้นไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วย

เวลาสี่ทุ่ม…

เหล่าสามีพากันออกมาจากอาคารวิลล่าพร้อมกับภรรยาและลูก ๆ

ถังหว่านพบว่าหลีฟางพูดถูก โจวอี้เข้ากันได้ดีกับคนทั้งสาม เห็นได้จากการที่อู๋ฉี่หางและโจวอี้กลายเป็นพี่น้องกัน

“ถังหว่าน คุณเป็นนักร้องใช่ไหม?” จู่ ๆ อู๋ฉี่หางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“ใช่ค่ะ” ถังหว่านพยักหน้า

“ช่วงนี้คุณมีเวลาไหม น้องสาวผมจะไปจัดคอนเสิร์ตที่จินหลิง ไม่กี่วันก่อน ครอบครัวของเราไปทานอาหารเย็นกัน เธอบ่นว่าหาแขกมาช่วยร้องเพลงไม่ได้ คุณคิดว่าคุณพอมีเวลาไหม? ไปให้กำลังใจน้องสาวผมหน่อยได้ไหม?” อู๋ฉี่หางถามด้วยรอยยิ้ม

“ได้แน่นอน! น้องสาวของพี่อู๋ก็เหมือนน้องสาวของผม แม้ว่าเสี่ยวหว่านจะไม่มีเวลา แต่ก็สามารถหาเวลามาร่วมกับเราได้!”

โจวอี้ตอบตกลงโดยไม่รอให้ถังหว่านตอบออกไป

“ฉัน…”

ถังหว่านโกรธที่โจวอี้ถือวิสาสะตัดสินใจแทนเธอ

เธอไม่รู้ว่าใครเป็นน้องสาวของอู๋ฉี่หาง ดังนั้นจึงไม่สมควรที่เธอจะตอบตกลงกับคนอื่นง่าย ๆ

ถ้าชื่อเสียงของอีกฝ่ายคล้ายกับเธอ บางทีบริษัทอาจจะยอมให้เธอเป็นผู้ช่วยนักร้องรับเชิญ แต่ถ้าชื่อเสียงของอีกฝ่ายแย่กว่าเธอ หรือแย่กว่านั้น แม้ว่าเธอจะเห็นด้วย บริษัทก็อาจไม่เห็นด้วย!

อู๋ฉี่หางยิ้มและกล่าวว่า “ขอบคุณ!”

ถังหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็พูดขึ้นว่า “พี่อู๋ ไม่เป็นไร ฉันจะกลับไปและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อคุยกับบริษัท แต่คนที่จะจัดคอนเสิร์ตคือ…?”

“อู๋หมิ่นหรู” อู๋ฉี่หางตอบ

อู๋หมิ่นหรู?

อู๋หมิ่นหรูคือคนที่จะจัดคอนเสิร์ตที่จินหลิงใช่ไหม?

เธอคนนั้นที่มีฉายาว่า ‘ราชินีเพลงร็อก’ ใช่ไหม?

ถังหว่านรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ทว่าความไม่พอใจของเธอที่มีต่อโจวอี้พลันหายไป

อู๋หมิ่นหรู!

ถ้าฉันได้เป็น ‘นักร้องรับเชิญ’ ของเธอคนนี้ เกรงว่าจะทำให้ดารามากมายในวงการเพลงต้องอิจฉาใช่ไหม? มันจะต้องเป็นประโยชน์อย่างมากต่อชื่อเสียงของฉัน!!

ถังหว่านเป็นนักร้องแนวหน้า แต่ก็ยังมีนักร้องแนวหน้าที่ยอดเยี่ยมอยู่เหนือเธอด้วย อย่างเช่นอู๋หมิ่นหรูที่เป็นราชินีเพลงร็อก สถานะและชื่อเสียงของเธอก็แตกต่างจากคนอื่นมาก

ถ้าบริษัทรู้เรื่องนี้ พวกผู้บริหารระดับสูงเหล่านั้นต้องมีความสุขมากแน่!

“พี่อู๋ แล้วเธอจะตกลงไหมคะ?” ถังหว่านถาม

“ไม่ต้องห่วง! เธอเป็นคนที่เชื่อฟังผมมากที่สุด ผมบอกให้เธอหันไปทางทิศตะวันออก เธอก็จะไม่กล้าไปทางทิศตะวันตก ตราบใดที่คุณไม่มีปัญหา ทุกอย่างก็ราบรื่น!” อู๋ฉี่หางตบหน้าอกเพื่อให้สัญญา

ครู่ต่อมา ทุก ๆ คนก็พากันแยกย้ายกลับไป

หลีฟางยืนอยู่หน้าลานบ้านของเธอ มองดูผู้คนที่แยกย้ายออกไป

ทันใดนั้น เธอก็หันไปหาสามีที่ยังคงยืนยิ้มแย้ม และถามว่า “วิสัยทัศน์ของฉันเป็นอย่างไรบ้าง?”

“วิสัยทัศน์อะไร?” อู๋ฉี่หางไม่เข้าใจ

“ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้เกลียดโจวอี้หรือไง? แล้วทำไมตอนนี้คุณถึงชอบเขา?” หลีฟางถามด้วยรอยยิ้ม

“พรสวรรค์! พรสวรรค์! เพราะโจวอี้เป็นคนที่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม…!!”