บทที่ 50 คุณชายเหลียงเฉิน

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 50 คุณชายเหลียงเฉิน

“โอ๊ย…เจ็บ เจ็บ เจ็บ นังหนูโยนเบาๆมือหน่อย? โอ๊ย นังเด็กบ้า เอาจริงใช่ไหม?”

“โอ๊ย หยุดตีได้แล้ว น่องไก่เก็บไว้ให้เจ้าอยู่นะ โอ๊ย ทำไมยังตีอีกล่ะ? เอาล่ะ ข้ายอมรับว่า น่องไก่ที่ข้าเก็บไว้ให้เจ้าข้าแอบกัดกินไปแล้วสองคำ โอ๊ย…”

สามวันผ่านไป

หลานเยาเยาที่ผมเผ้ายุ่งอย่างกับรังนกนั่งลงตรงหน้ากระจก ที่พอมองเห็นภาพในกระจก นางโมโหตะโกนเสียงดังทันที

“ไอ้แก่เย่น ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ เจ้าวาดหน้าข้าแบบนี้ได้ไง?”

ภาพที่วาดบนหน้านางคือเต่าหรือ?

เต่ามีปีกด้วย?

พอหัวขยับเบาๆ ทันใดนั้นไข่สองฟองกลิ้งลงมา โชคดีที่นางมือไม้เร็วจับไว้ได้ทัน ไม่งั้นตกลงไปที่พื้นแตกแน่นอน

อืม?

ไข่?

แม่งเอ้ย ไอ้แก่บ้า นึกไม่ถึงว่าจะเอาไข่มาวางไว้ที่ผมนางตั้งสองฟอง

กำมือแน่นทันทีดัง “แกรกๆ” ดังขึ้น ท่าทางราวกับว่าจะบีบไอ้แก่เย่นให้แหลกสลายในทันที

ใครจะไปรู้

นางโกรธจัดวิ่งไปที่ห้องนอนของเขา ไม่มีคน แล้วรีบวิ่งไปที่ด้านนอกไปดูที่บนหลังคา ไม่มีคนอยู่

หรือว่าอยู่ในห้องครัว?

พอคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ หลานเยาเยาเอามือตบไปที่ต้นขาหนึ่งที

เมื่อคืนนางซื้อของกินอร่อยๆมากมายกลับมา ส่วนใหญ่เป็นเนื้อ ร่างกายของไอ้แก่เย่นไม่ดี กินของมันเยอะไม่ได้

ทว่า เขามักจะชอบแอบกิน

คิดว่าตอนนี้น่าจะกำลังกินอย่างอร่อยที่ห้องครัว

แต่ทว่า นัยน์ตาของหลานเยาเยาราวกับจะพ่นเลือดออกมาให้ได้พุ่งตรงไปที่ห้องครัว เท้าเพิ่งก้าวเข้าไป บะหมี่หอมกรุ่นร้อนๆยื่นมาตรงหน้านาง

“นังเด็กบ้า กินอาหารเช้าแล้วจ้า”

หลานเยาเยาอบอุ่นที่ใจ รับบะหมี่ไว้ แต่ว่ายังคงสงสัยจึงไปตรวจดูอาหารที่ตู้เก็บของ

ตรวจดูอย่างละเอียดหนึ่งรอบ ไม่มีสิ่งใดขาดไป

ใจที่ห้อยไว้วางใจลง จากนั้นหยิบตะเกียบขึ้นมากินบะหมี่ กินไปเพิ่งรู้ว่าใต้บะหมี่ซ่อนน่องไก่ไว้หนึ่งชิ้น บ่นพึมพำอย่างอดไม่ได้

“ไอ้แก่บ้า”

นางกินเสร็จก็ออกจากบ้านไป ไอ้แก่เย่นยืนที่ขอบประตูมองแผนหลังนางที่ไกลออกไป บนปากมีรอยยิ้มจางๆ

——

หลานเยาเยามาถึงที่ตลาดมืดอีกครั้ง มาถึงสถานที่ที่พูดคุยกับถิงเมี่ยนได้อย่างชำนาญ

ข้างในเชิงเทียนหลายอัน เทียนบนเชิงเทียนละลายหมดแล้ว ถิงเมี่ยนนั่งอยู่บนขอบโต๊ะ มือข้างหนึ่งเท้าคางไว้ อีกข้างหนึ่งหยิบกินขนมอย่างไม่มีอารมณ์

ได้ยินเสียงจากข้างนอก รีบหันหน้ากลับมา

แค่เห็นหลานเยาเยาที่คลุมเสื้อคลุมอยู่ นัยน์ตาดำสนิทเป็นประกายขึ้นมาทันที

“แม่นางหลาน เจ้ามาสักที บ้านที่ท่านต้องการสองวันก่อนก็หาให้ท่านแล้ว ราคายุติธรรมแน่นอน และอยู่สบายแน่นอน”

หลานเยาเยาพยักหน้าตอบรับ

ราคายุติธรรมหรือไม่ขึ้นอยู่กับนาง อยู่สบายหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับนาง

แต่ทว่า

ในเมื่อเขาเป็นคนหา ไม่น่าจะด้อยอะไรมาก

“นำทางเถอะ พวกเราไปดูกัน”

“ได้เลย ไปไปไป เราไปดูบ้านกัน เจ้าชอบบ้านที่ดูดีมีระดับหน่อยใช่ไหม? บ้านหลังนี้ที่ข้าหามาได้รับรองว่าดูดีมีระดับแน่นอน จุดนี้เชื่อข้าได้เต็มร้อย”

เออ…

นางบอกกับเขาเมื่อไหร่กันว่าอยากได้ดูดีมีระดับ?

เขาเพี้ยนไป หรือว่าสมองมีปัญหา?

แต่ทว่า

หลานเยาเยามองไปที่เขาแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินตรงไปข้างหน้า

ตอนที่จะเดินออกจากห้อง นางชะงักไป หยุดฝีเท้าลง ทอดสายตาไปที่พื้น

มองไปที่พื้นที่เต็มไปด้วยเมล็ดทานตะวัน สีหน้าเปลี่ยนไปหน่อยๆจากนั้นมองไปที่ถิงเมี่ยน ถามขึ้นอย่างสงสัยว่า

“เจ้าไม่ชอบกินเมล็ดทานตะวันหอมห้ากลิ่นหรือ?”

“ไม่ใช่ไม่ใช่ ข้าน่ะชอบกินเมล็ดทานตะวันหอมห้ากลิ่นมากที่สุด แค่ว่าไม่ทันระวังทำหกที่พื้น ”

ถิงเมี่ยนรีบทำท่าทางอธิบาย แต่ว่าตาของเขากระพริบให้นางอย่างไม่หยุด แต่ว่าหลานเยาเยาไม่ทันสังเกต

ในที่สุดก็สังเกตเห็น หลานเยาเยาเดินเข้ามาใกล้ต้วเขา หรี่ตาลงเบาๆถามขึ้น

“ตาเจ้าเป็นอะไร? วันก่อนดูเจ้าก็ยังปกติดี วันนี้ดูเหมือนมีปัญหานะ

มามามา ข้าช่วยดู ข้ารักษายุติธรรมแน่นอน และรับรองว่ารักษาเร็วเห็นผลไว ดูแป๊บเดียว เหรียญเงินห้าสิบตำลึง ไม่แพงแน่นอน”

“……”

ถิงเมี่ยนเอามือจับหน้าผากไร้คำพูดต่อกรทันที

เจ๊ใหญ่เอ้ย

อย่าเชื่อข้าขนาดนั้นได้ไหม? ข้ากำลังส่งสัญญาณให้เจ้านะ

แล้วก็อะไรนะ ตรวจตาแป๊บเดียวต้องใช้เหรียญเงินห้าสิบตำลึงเชียว ถ้าจะขนาดนี้นางไปแย่งมาเลยดีกว่า

“เป็นไงบ้าง? พิจารณาดูแล้วเป็นไง? ต้องการให้ข้ารักษาไหม?”

“ไม่ต้อง ไม่ต้อง”

ถิงเมี่ยนพูดอย่างเงียบๆ ตายแล้ว

เขารู้สึกได้ถึงสายตาแหลมคมคู่หนึ่งกำลังเพ่งมองมาที่แผนหลังของเขา ราวกับต้องการสื่อว่าหากเขาไม่เชื่อฟังอีก วินาทีต่อไปก็จะกลายเป็นศพตายไม่สวย

ทีนี้ ถิงเมี่ยนไม่กล้าออกเสียงตักเตือนแล้ว

หลังจากที่ออกจากตลาดมืด ถิงเมี่ยนพานางมาที่ห้องอาหาร ณ โรงแรมหรูหราแห่งหนึ่ง

หลานเยาเยาเพิ่งนั่งลง ถิงเมี่ยนก็ลุกขึ้นทันที

“แม่นางหลาน ท่านนั่งรอตรงนี้สักครู่ ข้าไปรับคนที่ชั้นล่าง”

“อืม เจ้าไปเถอะ”

นางไม่ระแวงสงสัยแม้แต่น้อย แต่ว่าด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงเปิดฝากาน้ำชาออก จากนั้นดมกลิ่นไอร้อนที่ลอยออกมาจากกาน้ำชา

โอ้โห

ชาที่ชงในกาน้ำชานี้ ชงได้หอมมาก เข้มอ่อนลงตัว จะต้องเป็นชาชั้นเลิศแน่นอน

ผ่านไปครู่เดียว ประตูห้องอาหารเปิดออก มีชายรูปงามเข้ามาข้างใน ฝีเท้าเดินอย่างสง่างามค่อยๆเดินก้าวเข้ามา

หลานเยาเยามองตาค้าง

โธ่ โธ่

เมืองหลวงประเทศก่วงส้าทำไมมีชายหนุ่มรูปงามมากมายเพียงนี้?

ถึงแม้รูปลักษณ์อาจจะสู้เย่แจ๋หยิ่งที่หล่อปานเทพยดาจุติมาเกิดไม่ได้ แต่ว่าหล่อขนาดนี้ก็นับว่าหล่อที่สุดแล้ว

สำหรับภาพบรรยากาศดีๆแบบนี้ หลานเยาเยายินดีเชยชม

“ข้าชื่อโม่เหลียงเฉิน แม่นางคือคนที่ต้องการซื้อบ้านใช่ไหม?”

โม่เหลียงเฉินเดินมายืนที่ข้างโต๊ะนาง นิ้วมือวางทางที่โต๊ะเบาๆ มองไปที่นางด้วยสีหน้าอบอุ่น

“ใช่” หลานเยาเยาพยักหน้าตอบแบบตะลึงๆ

โม่เหลียงเฉิน?

ชื่อคุ้นหู เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน

แต่ทว่ารูปลักษณ์ที่ออกนอกหน้า มักจะถูกคนพูดถึง เคยได้ยินสองสามครั้งโดยบังเอิญก็ถือเป็นเรื่องปกติ

“ข้ามีภาพวาดบ้านหลังหนึ่ง แม่นางสามารถดูก่อนได้ ถ้ารู้สึกว่าเหมาะสม เราค่อยนัดไปดูบ้านจริงก็ไม่สาย”

พูดไป โม่เหลียงเฉิน ก็กางภาพวาดออก “ซู่” เปิดออก

ในภาพมีศาลา ต้นไม้ใบหญ้า บ้านพักลานกว้าง มีครบถ้วนทุกอย่าง ทั้งยังตกแต่งได้สวยงามอย่างลงตัว

ทำให้หลานเยาเยาที่มองแวบเดียวก็ชื่นชอบแล้ว นางถือภาพไว้ที่มือ มองอย่างละเอียด มุมปากกระตุกยิ้ม แสดงว่านางพอใจมาก

“บ้านหลังนี้ราคาเท่าไหร่? มันถูกปล่อยร้างมานานหรือเปล่า”

“แม่นางวางใจได้ ภาพที่ท่านเห็นในตอนนี้คือภาพที่เพิ่งวาดเสร็จเพียงไม่กี่วัน หมึกที่วาดยังแห้งไม่ดีพอเลย

สำหรับราคา…ห้าร้อยตำลึง บ้านปล่อยทิ้งไว้ที่นั่นก็เปล่าประโยชน์ สู้ขายถูกๆไปเลยดีกว่า”

ว้าว ห้าร้อยตำลึง

จะว่าแพงก็นับว่าแพงไปหน่อยแต่ทว่าเมื่อเทียบกับตัวบ้านแล้วก็นับว่าคุ้มค่า

“คุณชายโม่ ข้าดูจากการแต่งตัวของท่านก็ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทองอะไร ถูกลงกว่านี้หน่อยเถอะ”