ตอนที่ 69 ความรัก (1)
ประสิทธิภาพการทำงานของมั่วเฉี่ยนยวนนั้นสูงมาก ในวันที่สองหลังจากงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพจบลง มั่วเฉี่ยนยวนก็เชิญจวินอู๋เสียมาที่ตำหนักหลินยวนโดยอ้างว่า ‘รู้สึกถูกชะตากับจวินอู๋เสียเหมือนได้รู้จักกันมานาน’
สำหรับเรื่องนี้ สองพ่อลูกสกุลจวินมีปฏิกิริยาตอบสนองค่อนข้างรุนแรงทีเดียว พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมมั่วเฉี่ยนยวนถึงต้องเชิญจวินอู๋เสียไปด้วย แต่ในเมื่อจวินอู๋เสียตอบรับคำเชิญนั้น จวินเสี่ยนและจวินชิงจึงทำได้เพียงตามใจนางอย่างเสียมิได้
ยามอู่[1] จวินอู๋เสียกำลังนั่งอยู่ในห้องหนังสือของมั่วเฉี่ยนยวน โดยที่มือข้างหนึ่งแตะสัมผัสอยู่บนแอ่งชีพจรที่ข้อมือของเขา
“ไม่คิดว่าปู่ของเจ้าจะยอมให้เจ้ามาจริงๆ” มั่วเฉี่ยนยวนยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคางไว้ มองจวินอู๋เสียซึ่งกำลังจดจ่ออยู่กับการจับชีพจรให้เขา
ในช่วงหลังๆ มานี้ สิ่งที่ราชวงศ์ปฏิบัติต่อจวนอ๋องหลินนั้นค่อนข้างไร้ความปรานีจริงๆ ไม่คาดคิดว่าจวินเสี่ยนจะยังกล้าปล่อยให้จวินอู๋เสียเข้าวัง
จวินอู๋เสียไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเขา เพียงกล่าวไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “กับองค์รัชทายาทที่กำลังจะถูกปลดเช่นเจ้า มีอะไรให้ต้องกังวล”
“… ” มุมปากของมั่วเฉี่ยนยวนกระตุกถี่ แม่สาวน้อยคนนี้ช่างพูดจาได้รุนแรงทิ่มแทงหัวใจเสียเหลือเกิน จากนั้นเขาก็เหลือบตามองไปที่เจ้าแมวดำตัวน้อยที่นอนอยู่ข้างๆ จวินอู๋เสีย ยังคงมีความหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนหลงเหลืออยู่
“จะว่าไปแล้วที่เจ้ากล่าวมาก็ไม่ผิด หากข้ายังมีตำแหน่งที่มั่นคง หลินอ๋องก็คงไม่ยอมให้เจ้ามาพบข้าเช่นนี้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหา แต่ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าข้าจะอยู่ในตำแหน่งองค์รัชทายาทนี้ได้อีกไม่นานแล้ว ไม่มีคนฉลาดที่ไหนหรอกอยากจะสานสัมพันธ์กับองค์รัชทายาทที่ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนเช่นข้า”
จวนอ๋องหลินที่ครอบครองกำลังทหารครึ่งหนึ่งของรัฐชีผูกมิตรกับองค์รัชทายาท เมื่อมองแวบแรกนี่ถือว่าเป็นพันธมิตรที่ทรงพลังมาก
แต่พอคิดดูดีๆ ก็เหมือนกับเสือป่วยสองตัวมารวมตัวกันเพื่อรอความตาย
“ว่าแต่…เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าใช้ข้ออ้างอะไรขึ้นทูลฮ่องเต้ เขาถึงยอมอนุญาตให้เจ้าเข้าวัง” มั่วเฉี่ยนยวนมองไปที่จวินอู๋เสีย โดยส่วนตัวเขาไม่เรียกบุรุษผู้นั้นว่าเสด็จพ่อมานานแล้ว
จวินอู๋เสียไม่ได้สนใจเขา
มั่วเฉี่ยนยวนเฉลยออกไปตรงๆ ว่า “ข้าบอกเขาว่า ข้าตกหลุมรักเจ้า”
ในที่สุดจวินอู๋เสียก็เงยหน้าขึ้น แต่ดวงตาของนางไม่มีความแปลกใจแม้แต่น้อย นางแค่มองมั่วเฉี่ยนยวนด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า
“ฉะนั้นเจ้าทำให้บุรุษผู้นั้นคิดว่า เจ้ากำลังตกหลุมรักหญิงสาวที่ถูกมั่วเซวี่ยนเฝ่ยเขี่ยทิ้งอย่างนั้นหรือ”
“…” จากคนที่อยากทำให้จวินอู๋เสียตกใจ กลับกลายเป็นว่าถูกคำพูดของนางทำให้สำลักแทน มั่วเฉี่ยนยวนได้แต่มองจวินอู๋เสียอย่างพูดไม่ออก
“เจ้าพูดจาโหดเหี้ยมรุนแรง แม้แต่กับตัวเองเช่นนี้เสมอเลยรึ” อะไรคือคนที่ถูกมั่วเซวี่ยนเฝ่ยเขี่ยทิ้ง มั่วเฉี่ยนยวนรู้สึกว่าการที่น้องชายผู้โง่งมของเขาผลักจวินอู๋เสียออกไปนั้น ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตของเขาเลยทีเดียว
จวินอู๋เสียอาจจะไม่น่าชื่นชมเท่าไหร่นักในอดีต แต่ตอนนี้นางเปลี่ยนไปแล้ว กลายเป็นสตรีที่น่าสนใจที่สุดเท่าที่มั่วเฉี่ยนยวนเคยพบมาในชีวิตของเขา…ไม่สิ พูดให้ถูกต้องคือ ‘เด็กสาว’ ต่างหาก
สาวน้อยคนนี้ต้องมีความกล้าแค่ไหนกันถึงได้กล้าบังคับให้องค์รัชทายาทยอมสวามิภักดิ์ และบังคับให้เขาแย่งชิงบัลลังก์!
“ข้าแค่พูดความจริง” จวินอู๋เสียกล่าว
มั่วเฉี่ยนยวนหัวเราะเบาๆ และส่ายหัวไปมา นับวันเขายิ่งอ่านจวินอู๋เสียไม่ออกแล้ว
“ในคืนเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของข้า ที่ข้าพูดช่วยเจ้าก็เพื่อยั่วโมโหมั่วเซวี่ยนเฝ่ยเท่านั้น ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นข้ออ้างสมเหตุสมผลให้ข้าเรียกเจ้าเข้าวังในวันนี้” มั่วเฉี่ยนยวนหวนนึกถึงสีพระพักตร์ของฮ่องเต้ยามที่เขาบอกว่าตัวเองมีความรู้สึกที่ดีต่อจวินอู๋เสีย พระพักตร์ของพระองค์ยามนั้นมันช่างน่าขบขัน ชวนให้รื่นรมย์เสียจริงๆ
ภายใต้ใบหน้าที่ดูเหมือนรักใคร่เต็มเปี่ยม มีการเย้ยหยันแฝงอยู่ข้างใน
“คนสองคนที่เขาต้องการกำจัดมากที่สุดมาอยู่ด้วยกัน เขาคงจะยินดีและมีความสุขไม่น้อยเลย เพราะทีนี้เขาก็จะสามารถกำจัดพวกเราได้ในทีเดียวแล้ว นี่ทำให้เขาสะดวกขึ้นมาก” มั่วเฉี่ยนยวนกระตุกมุมปาก รู้สึกว่าทั้งหมดนี้มันช่างเสียดสีเสียจริงๆ
…………..
ตอนที่ 70 ความรัก (2)
“เจ้าเสียงดังเกินไปแล้ว” จวินอู๋เสียขมวดคิ้ว
“…” สีหน้าของมั่วเฉี่ยนยวนชะงักค้าง
จวินอู๋เสียดึงมือที่จับชีพจรให้เขากลับมา และมองไปที่มั่วเฉี่ยนยวนกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “พิษในร่างกายของเจ้าถูกซ่อนไว้ลึกมาก พิษอยู่กับเจ้ามาเป็นเวลานานแล้ว และข้าสามารถรักษาร่างกายของเจ้าได้ แต่ถ้าเจ้าไม่สามารถหาที่มาของยาพิษพบและกำจัดมัน เจ้าก็จะกลับไปถูกพิษอยู่ดี”
เขาใกล้ตายแล้ว แต่ทำไมยังมีเรื่องให้ต้องคิดมากจนน่ารำคาญเช่นนี้อยู่อีก
“…” มั่วเฉี่ยนยวนรู้สึกว่าสิ่งที่เขาเพิ่งพ่นออกไปก่อนหน้านี้ กลายเป็น ‘เรื่องไร้สาระ’ ในหูของจวินอู๋เสียไปแล้ว
สาวน้อยคนนี้นี่อย่างไรกัน เห็นได้ชัดว่านางเป็นคนบอกให้เขาแย่งชิงบัลลังก์เองแท้ๆ แต่ทำไมนางถึงไม่กระตือรือร้นเลย ดูไม่สนใจเรื่องพวกนี้สักนิด
“เจ้า…”
“เจ้าจะจัดการอย่างไรนั่นมันเป็นปัญหาของเจ้า ข้าเป็นเพียงหมอเท่านั้น” จวินอู๋เสียจ้องมั่วเฉี่ยนยวนกลับด้วยแววตาว่างเปล่า
มั่วเฉี่ยนยวนระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นทันที
คุณหนูสกุลจวินหนอ เจ้านี่ช่างฉลาดหลักแหลมเสียจริง เพิ่งจะอายุเท่าไหร่กันแต่กลับมีความคิดที่ลึกซึ้งถึงเพียงนี้แล้ว ใช่! การแย่งชิงบัลลังก์เป็นเรื่องของเขา แม้ว่าจวนอ๋องหลินจะยื่นมือเข้ามาช่วยสนับสนุน แต่หากเขาทำไม่สำเร็จ ขุนนางผู้ซื่อสัตย์และจงรักภักดีอย่างจวนอ๋องหลินและจวินอู๋เสียก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขาสักนิด ผลจากการกระทำทั้งหมดนั้นเขาต้องรับไว้เพียงลำพัง
“จวินอู๋เสีย เจ้าทั้งฉลาดและโหดเหี้ยมจริงๆ” มั่วเฉี่ยนยวนกล่าวเหน็บแนม
จวินอู๋เสียขมวดคิ้ว มองไปที่มั่วเฉี่ยนยวนอย่างไม่ละสายตา
เหมียว
เจ้านาย ข้าคิดว่าคนผู้นี้ต้องเข้าใจสิ่งที่ท่านต้องการจะสื่อผิดไปแล้วแน่ๆ!
สำหรับแมวดำตัวน้อยที่รู้จักจวินอู๋เสียเป็นอย่างดี จึงเข้าใจว่าจวินอู๋เสียหมายความว่าอย่างไร นางไม่ได้วางแผนอะไรเลย นางแค่พูดออกไปตรงๆ ตามที่นางคิด นางแค่คิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มั่วเฉี่ยนยวนต้องพิจารณาจริงๆ ส่วนหน้าที่ของนางคือรักษามั่วเฉี่ยนยวนให้หาย ให้ร่างกายของเขามีความพร้อมพอสำหรับลงสนามรบต่อสู้
เห็นได้ชัดว่าองค์รัชทายาทผู้ดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้กลอุบายและเล่ห์เหลี่ยมมาตลอดทั้งชีวิตนั้นมีกระบวนการคิดที่ต่างไปจากจวินอู๋เสียอย่างสิ้นเชิง
สิ่งนี้ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของจวินอู๋เสียที่อยู่ในใจของมั่วเฉี่ยนยวน กลายเป็นนักวางแผนที่ชาญฉลาดและมีความคิดล้ำลึกยากจะคาดเดา
จวินอู๋เสียไม่อยากใส่ใจกับความคิดที่แปลกประหลาดของมั่วเฉี่ยนยวน จึงเอ่ยขัดไปว่า “หยุดพูดเรื่องไร้สาระเสียทีเถิด หากเจ้าอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ก็จงหาที่มาของยาพิษให้เจอ”
มั่วเฉี่ยนยวนกล่าวพลางถอนหายใจ “อันที่จริง ข้าก็เคยสันนิษฐานอยู่บ้างแล้ว ว่าที่ร่างกายของข้าค่อยๆ อ่อนแอลงนั้นเป็นเพราะข้าอาจจะถูกวางยาพิษ และข้าเพิ่งจะมามั่นใจก็ตอนที่เจ้าถามข้าเมื่อคืนนั่นแหละ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่ายาพิษพวกนั้นมาจากไหน” มั่วเฉี่ยนยวนยิ้มอย่างขมขื่น หากรู้ที่มาของยาพิษ เขายังจะทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลาอีกหรือ
จวินอู๋เสียหยิบขวดยาแล้วยื่นให้มั่วเฉี่ยนยวน “พิษในตัวเจ้าสกัดมาจากดอกข้าวสาลีรัตติกาล เจ้าดื่มสิ่งนี้ลงไป และถ้าหากเจ้าได้สัมผัสกับสารสกัดจากดอกข้าวสาลีรัตติกาลอีกครั้ง มันจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเอง” เรื่องหายาพิษ จวินอู๋เสียชำนาญกว่ามั่วเฉี่ยนยวนแต่นางไม่ต้องการใช้มันเอง
เพราะว่า…
ปฏิกิริยาตอบสนองที่นางเอ่ยถึงนั้นมันน่าพะอืดพะอมจริงๆ
นางจะไม่ลองเป็นอันขาด
มั่วเฉี่ยนยวนผู้ซึ่งเชื่อมั่นในตัวจวินอู๋เสียอย่างล้นพ้นดื่มยาทั้งขวดลงไปทันที หลังจากดื่มยาลงไป เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินตรวจสอบทุกจุดในห้อง แต่ก็ไม่พบอะไรเลย
มั่วเฉี่ยนยวนแทบจะตรวจสอบทุกอย่างในตำหนักหลินยวนแล้ว แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสอะไรแม้แต่น้อย
เมื่อมองดูองค์รัชทายาทผู้สง่างามเดินดุ่มๆ จับโน่นดมนี่ไปทั่วเหมือนดั่งตัวตุ่น จวินอู๋เสียก็พูดไม่ออก
นางควรบอกเขาหรือไม่ว่าสารสกัดจากข้าวสาลีรัตติกาลนั้น ไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน และไม่เหมาะที่จะใส่ไว้ในสิ่งที่เขากำลังมองหาอยู่
มองเห็นมั่วเฉี่ยนยวนเปลื้องผ้าตัวเองออกทีละชิ้นๆ เพื่อตรวจสอบมัน ในที่สุดจวินอู๋เสียก็ทนไม่ไหวเก็บสายตากลับมา หักห้ามมโนธรรมในใจของตัวเอง และคิดว่าคงเป็นการดีกว่าหากจะไม่บอกเขาในตอนนี้
การออกกำลังกายเยอะๆ ก็สามารถช่วยขับพิษออกได้เช่นกัน
ใช่แล้ว มันเป็นแบบนั้นแหละ!
…………….
[1] ยามอู่ คือเวลา 11.00 – 12.59 น.