ตอนที่ 71 ความรัก (3)ตอนที่ 72 ยอดสุราธาราหยก (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 71 ความรัก (3)

มั่วเฉี่ยนยวนค้นทั่วตำหนักหลินยวนหนึ่งรอบแต่ก็ไม่พบจุดที่น่าสงสัย หลังจากค้นหาไปอีกรอบหนึ่ง ร่างกายของมั่วเฉี่ยนยวนก็เริ่มไม่ไหว เพราะพิษของดอกข้าวสาลีรัตติกาลได้กัดเซาะร่างกายของเขาจนร่างกายที่ควรจะแข็งแกร่งบัดนี้กลับอ่อนแอมาก

มั่วเฉี่ยนยวนนั่งลงด้วยอาการเหนื่อยหอบ หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

“สิ่งนั้นมันอยู่ในตำหนักหลินยวนของข้าจริงๆ น่ะหรือ”

จวินอู๋เสียค่อยๆ จิบชาแล้วกล่าวว่า “ยาพิษที่สกัดมาจากดอกข้าวสาลีรัตติกาลจะเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้จากทางช่องปากเท่านั้น”

ใบหน้าของมั่วเฉี่ยนยวนแข็งทื่อ นั่นหมายความว่าทิศทางที่เขาหานั้นผิดมาตั้งแต่แรก และนางก็ไม่เตือนเขาเลย ปล่อยให้เขาหาไปเรื่อยอยู่ได้!

“ข้าหิวแล้ว” จวินอู๋เสียไม่มองใบหน้าที่ดำคล้ำของมั่วเฉี่ยนยวนสักนิด

มั่วเฉี่ยนยวนเป็นคนที่มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายใครหลายๆ คนได้ แต่เขาตระหนักได้ว่ายามอยู่ต่อหน้าจวินอู๋เสีย ตนก็เป็นเพียงเนื้อปลาบนเขียงเท่านั้น มั่วเฉี่ยนยวนกล้าที่จะโกรธแต่ไม่กล้าพูด ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้และสั่งให้คนยกอาหารกลางวันมาที่ห้องหนังสือ

“มัน…กินอะไร” มั่วเฉี่ยนยวนมองเจ้าแมวดำที่นอนอยู่บนตักของจวินอู๋เสีย หนังตาของเขากระตุกถี่

เมื่อคืนเจ้าแมวดำตัวนี้ได้ทิ้งความหวาดกลัวอันใหญ่หลวงไว้ในจิตใจของเขา จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ที่มาของแมวดำตัวนี้ว่ามันมาจากที่ไหน

หากเป็นภูติวิญญาณ…นั่นก็ไม่ถูกต้อง เพราะก่อนหน้านี้จวินอู๋เสียไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ระหว่างพิธีปลุกภูติวิญญาณเลย เรื่องที่จวินอู๋เสียไม่มีภูติวิญญาณจึงได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง

“อยากกินหรือ” จวินอู๋เสียก้มมองไปที่เจ้าแมวดำตัวน้อย

เหมียว เจ้าแมวดำตัวน้อยกะพริบตาปริบๆ มันม้วนหางบนแขนของจวินอู๋เสียแล้วสะกิดเบาๆ

ปลา ข้าอยากกินปลา

“ปลา” จวินอู๋เสียกล่าว

มุมปากของมั่วเฉี่ยนยวนกระตุกถี่ยิบ เขารู้สึกว่าโลกทัศน์ของเขาเวลานี้ได้ถูกพลิกคว่ำไปแล้วหลังจากที่ได้เห็นการสนทนาที่แปลกประหลาดระหว่างหนึ่งคนและหนึ่งแมวตรงหน้า

หลังจากนั้นไม่นาน บ่าวรับใช้ประจำตำหนักหลินยวนก็ค่อยๆ ทยอยยกอาหารที่มีกลิ่นหอมเข้ามาในห้องหนังสือ โต๊ะขนาดใหญ่ถูกจัดวางและเต็มไปด้วยอาหารอันโอชะต่างๆ และปลานึ่งก็ถูกวางไว้ในตำแหน่งที่สะดุดตาที่สุด เจ้าแมวดำตัวน้อยไม่ต้องให้ใครเรียกมัน มันก็กระโดดขึ้นไปนั่งยองๆ บนโต๊ะ และเริ่มหมกมุ่นอยู่กับความอร่อยของเนื้อปลานึ่งอย่างสบายอกสบายใจ

จวินอู๋เสียก้มศีรษะลงทานอาหารอย่างเงียบๆ มั่วเฉี่ยนยวนเพราะไม่พบที่มาของดอกข้าวสาลีรัตติกาลจึงไม่มีความอยากอาหารโดยสิ้นเชิง เขาเพียงแค่รินสุราลงในจอกของตนเอง เท้าคางมองดูจวินอู๋เสียทานอาหารไปเรื่อยๆ

แม้ว่าจวินอู๋เสียจะอายุสิบสี่ปีแล้วในปีนี้ แต่ร่างกายของนางก็เล็กกว่าคนอื่นมากเมื่อเทียบกับเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน และเพราะข่าวลือที่ไม่ดีของนาง จึงทำให้ผู้คนมองข้ามอายุและรูปร่างของนางไปโดยไม่รู้ตัว มีเพียงความหวาดกลัวเท่านั้นที่มีให้

ท้ายที่สุดแล้ว จวินอู๋เสียก็เป็นเพียงสาวน้อยที่ยังไม่โต

ถ้านางไม่ได้เกิดในจวนอ๋องหลิน ชีวิตของนางคงจะสงบสุขมากกว่านี้

จวินอู๋เสียทานอาหารช้ามาก นางเพียงแค่ลิ้มรสอาหารทุกประเภท แต่ได้ไม่ทานมากเท่าเจ้าแมวดำตัวนั้น

มั่วเฉี่ยนยวนพบว่าเขายิ่งมายิ่งไม่เข้าใจ ‘นางโจร’ ผู้นี้มากขึ้นทุกที แม้ว่านี่เพิ่งจะเป็นครั้งที่สามที่เขาได้พบจวินอู๋เสีย แต่ทว่าทุกครั้งที่ได้เจอกันกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปทุกครั้ง

ครั้งแรกที่พบนางคือในงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของตัวเอง ใบหน้าที่เหมือนดอกท้อ รอยยิ้มที่สดใส และดวงตาที่ใสบริสุทธิ์คู่นั้นมองตามน้องชายของเขาตลอดเวลา การแสดงออกของสาวน้อยที่เพิ่งรู้จักความรักไม่ได้ปิดบังแม้แต่น้อย และการพบกันเมื่อคืนนางแบกรับคำด่าทอมากมายและถูกมั่วเซวี่ยนเฝ่ยทอดทิ้ง นางนั่งเงียบๆ อยู่ในห้องโถงจนทำให้ผู้คนแทบไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของนาง ภาพพลอดรักระหว่างมั่วเซวี่ยนเฝ่ยและไป๋อวิ๋นเซียนไม่มีผลกระทบต่อนางสักนิด นางเงียบจนเหมือนว่าตัวเองและพวกเขาอยู่กันคนละโลก แต่การพบกันในอุทยานดอกไม้ ทำให้เขาประหลาดใจและรู้ว่าเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปคนนี้ ข้างในของนางยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

แต่วันนี้ การที่นางมองดูเขายุ่งวุ่นวายในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์อย่างเงียบๆ กลับเผยให้เห็นถึงมุมทะเล้นขี้แกล้งที่ยากจะพบเจอได้ของนาง

…………..

ตอนที่ 72 ยอดสุราธาราหยก (1)

แม้จะถูกจ้องมอง จวินอู๋เสียก็ยังคงทานอาหารด้วยสีหน้าเรียบเฉยต่อไป นางก้มศีรษะลงราวกับว่าคนที่นั่งอยู่ในฝั่งตรงข้ามไม่ใช่องค์รัชทายาทองค์ปัจจุบัน แต่เป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น!

หลังจากจ้องมองเป็นเวลานาน มั่วเฉี่ยนยวนก็ไม่สามารถรอจนกระทั่งจวินอู๋เสียยกศีรษะขึ้นมาได้ เขารู้สึกเบื่อเล็กน้อยจึงยกสุราในมือขึ้นดื่ม

ความฉุนเมื่อไหลผ่านเข้าไปในลำคอทำให้ท้องไส้ของมั่วเฉี่ยนยวนปั่นป่วน และก่อนที่เขาจะได้คิดทบทวนสิ่งใด สิ่งสกปรกกองหนึ่งก็ถูกคายออกมาจากคอของเขาแล้ว

โดยไม่ทันระวังตัว สิ่งเหล่านั้นก็พุ่งกระจายไปทั่วโต๊ะ

“…” ในที่สุด จวินอู๋เสียก็เงยหน้าขึ้น มือข้างหนึ่งของนางยังคงถือชามกระเบื้องเคลือบไว้และอีกข้างหนึ่งถือตะเกียบงาช้างค้างไว้ นางมองดูมั่วเฉี่ยนยวนที่กำลังอาเจียนอย่างใจเย็น

เจ้าแมวดำตัวน้อยหยุดชะงักไป ปลาของมันยังกินไม่หมดก็ถูกทำลายไปหมดแล้ว และมีจุดหลายจุดที่น่าสงสัยเกิดขึ้นบนร่างกายของมัน

“ข้า…” มั่วเฉี่ยนยวนรู้ว่าเขาทำเรื่องยุ่งเข้าให้แล้ว เขาต้องการจะอธิบาย แต่ในขณะที่เขาจะกำลังเปิดปาก อาการคลื่นไส้ก็พุ่งขึ้นมาอีกครั้ง มั่วเฉี่ยนยวนไม่สนใจอะไรอีกต่อไป รีบปิดปากของเขาและลุกขึ้น จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่มุมห้องหนังสือกอดถังไม้ไว้แน่นและอาเจียนออกมา

“…” จวินอู๋เสียวางชามและตะเกียบในมือลงอย่างใจเย็น ลุกขึ้น แล้วถอยออกมาให้ห่างจากโต๊ะอาหารอันโอชะที่พังทลายนั้น

เหมียว เจ้าแมวดำตัวน้อยพลันรู้สึกตัวขึ้นมา จู่ๆ ลำตัวของมันก็โก่งขึ้น มันกระโดดลงจากโต๊ะแล้วไถลกลิ้งตัวไปมาบนพื้นพรมนุ่มทันที

เจ้านาย ท่านทำแบบนี้ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ท่านก็รู้ว่าหลังจากกินยาตัวนั้นเข้าไปแล้ว หากพบพิษของดอกข้าวสาลีรัตติกาลจะทำให้เกิดอาการอาเจียน ทำไมท่านถึงไม่เตือนเจ้าโง่นั่น!

เจ้าแมวดำตัวน้อยกลิ้งไปมาบนพรมด้วยท่าทางอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา

“ข้าลืม” จวินอู๋เสียนั่งลงอย่างสงบอยู่ข้างๆ มองไปที่มั่วเฉี่ยนยวนซึ่งถือถังไม้ไว้และอาเจียนอย่างหนักก่อนจะปรายตามองดูเจ้าแมวดำที่กลิ้งไปมาบนพรม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

หลังจากอาเจียนเกือบสองชั่วโมงเต็ม มั่วเฉี่ยนยวนก็ทรุดตัวลงกับพื้น เขาไม่ได้ทานอะไรเลยแถมยังอาเจียนออกมาติดต่อกันเป็นเวลานานจึงรู้สึกเหมือนจะตายให้ได้ การอาเจียนของเขาทำให้องครักษ์ที่อยู่ข้างนอกตื่นตระหนก แต่ไม่กล้าเข้าไป ได้แต่กล่าวถามอยู่ด้านนอกประตู แต่พวกเขาก็ถูกมั่วเฉี่ยนยวนผู้ซึ่งอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาตะคอกกลับไป

ใบหน้าของมั่วเฉี่ยนยวนเมื่อครู่คือขาวซีด แต่ใบหน้าของเขาในตอนนี้คือแดงก่ำด้วยความโมโห

หลังจากดื่มน้ำไปสิบแก้วติดต่อกัน กลิ่นในลำคอของเขาจึงค่อยจางลง มั่วเฉี่ยนยวนเอนหลังพิงเก้าอี้ในห้องหนังสืออย่างหมดแรง ปกเสื้อของเขาเปิดออกเล็กน้อย และมีรอยน้ำตาติดอยู่ที่หางตา เขามองจวินอู๋เสียด้วยความเศร้าและโมโห

“พิษดอกข้าวสาลีรัตติกาลหรือ” มั่วเฉี่ยนยวนระงับความโมโหไว้

จวินอู๋เสียพยักหน้า

“ทำไมเจ้าไม่เตือนข้าก่อน…” ต่อให้ตายเขาก็ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าจวินอู๋เสียไม่รู้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้หลังจากพบพิษของดอกข้าวสาลีรัตติกาล ดูได้จากความนิ่งเฉยของนางเมื่อเห็นเขาอาเจียนเมื่อสักครู่

“ไม่มีประโยชน์” จวินอู๋เสียนั่งในที่ที่สะอาดแล้วหยิบขวดเล็กๆ ออกมาจากแขนเสื้อของนาง กลิ่นหอมออกมาจากของเหลวที่ค่อยๆ ไหลลงบนฝ่ามือของนาง นางค่อยๆ ถูของเหลวในมือนางทำให้กลิ่นเหม็นในห้องหายไป

แม้ว่านางจะบอกมั่วเฉี่ยนยวนล่วงหน้า มั่วเฉี่ยนยวนก็ยังต้องอาเจียนเหมือนเดิม

ดังนั้นบอกหรือไม่บอกก็ไม่ต่างกัน

มั่วเฉี่ยนยวนรู้สึกว่าการที่เขาเป็นพันธมิตรร่วมมือกับสาวน้อยคนนี้เป็นเหมือนดาบสองคม บางทีเขาอาจจะโดนเด็กสาวคนนี้เล่นงานจนตายก่อนที่เขาจะตายด้วยน้ำมือของเสด็จพ่อและน้องชายของเขาเองก็เป็นได้

“เมื่อครู่นี้เจ้าทานอะไรลงไป” จวินอู๋เสียถามอย่างใจเย็น ไร้ซึ่งความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย

มั่วเฉี่ยนยวนหยุดชะงัก จากนั้นดวงตาของเขาก็จับจ้องไปที่จอกสุราที่อยู่บนโต๊ะ

…………….