บทที่ 60 อย่าให้ความอดทนของฉันถึงขีดสุด
บทที่ 60 อย่าให้ความอดทนของฉันถึงขีดสุด
ซูเถาถามอย่างใจเย็น “ในเถาหยางมีคนเคยรังแกพวกคุณสองคนเหรอ?”
สองพี่น้องผงะไปครู่หนึ่งแล้วพึมพำ “เปล่า”
“แล้วจะสร้างความวุ่นวายทำไม?”
สองพี่น้องตาแดงก่ำไม่พูดอะไร ศีรษะของพวกเธอก้มลงจนแทบจะติดพื้น ราวกับว่าพวกเธอถูกรังแก เมื่อเห็นพวกเธอเป็นเช่นนี้ซูเถาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“ไปเก็บข้าวของแล้วออกไปก่อนสองทุ่มวันนี้ ฉันจะคืนค่าเช่าที่เหลือให้พวกคุณ”
ฝ่ายน้องสาวดึงพี่สาวของเธอ “ไปเถอะ ไม่ว่าที่ไหนก็ไม่ยอมรับพวกเรา”
ซูเถาหัวเราะด้วยความโกรธ “ตอนที่ย้ายเข้ามาฉันได้แจ้งข้อตกลงการเช่าและการเข้าพักแล้ว พวกคุณเองก็เป็นคนลงชื่อด้วยตัวเอง บนกระดาษสีขาวตัวหนังสือสีดำก็เขียนอยู่ชัดเจนว่าห้ามใช้พลังที่เถาหยางเพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวายหรือส่งผลกระทบต่อผู้เช่ารายอื่น พวกคุณไม่ปฏิบัติตามกฎ ฉันเชิญพวกคุณออกดี ๆ ก็ถือว่าไว้หน้าพวกคุณแล้ว” อย่าให้ความอดทนของฉันถึงขีดสุด
สีหน้าของทั้งคู่ซีดทันที พวกเธอก้มหน้าลงและรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว
จวงหว่านก็โกรธมากเช่นกัน “เป็นคนยังไงกัน เห็น ๆ กันอยู่ว่าเป็นคนทำผิดแล้วยังจะมาตำหนิเราอีก ทำเหมือนกับว่าพวกเราสร้างเรื่องยุ่งยากให้พวกเธอและเป็นฝ่ายรังแกพวกเธอ”
สือจื่อจิ้นกล่าวว่า “ตอนที่พวกเธอพูดกับคุณ พวกเธอยังคิดที่จะใช้พลังเพื่อกระตุ้นอารมณ์ของคุณ ทั้งสองคนคุ้นเคยกับผลประโยชน์ที่ได้รับจากความสามารถนี้ พวกเธอเปลี่ยนไม่ได้ ส่งพวกเธอออกไปโดยเร็วที่สุดน่ะดีแล้ว”
……
“พี่ เราจะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้นะ” จู่ ๆ น้องสาวก็คว้าตัวพี่สาวเอาไว้
“แล้วพวกเราจะทำอะไรได้? ฟังจากน้ำเสียงนั้นแล้วพวกเราคงอยู่ต่อได้หรอก แล้วอีกอย่าง…ยังมีคนที่สามารถมองทะลุความสามารถของเราได้ ตราบใดที่ยังมีเขาอยู่ใกล้ ๆ ฉันก็รู้สึกว่าเรามีขวากหนามเต็มไปหมด…พวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ ที่เขตตะวันออกก็ยังพออยู่อาศัยได้ เพียงแต่เรื่องที่พักและอาหารการกินไม่ค่อยดีนัก”
น้องสาวส่ายหัวพร้อมกับแววตาเจ้าเล่ห์ “พี่ไม่อยากทำอะไรสนุก ๆ ก่อนไปเหรอ ยังไงก็จะต้องไปอยู่แล้ว พวกเขาคงทำอะไรเราไม่ได้ ฉันค้นพบว่าความสามารถของเราจะแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อจำนวนการใช้เพิ่มขึ้น พี่จำได้ไหมว่าก่อนหน้านี้เราทำให้คนมีผลกระทบได้แค่คนเดียวแล้วผลของมันก็อยู่ได้ไม่กี่นาที แต่ว่าตอนนี้เราสามารถทำให้อารมณ์ของคนสิบคนมีผลกระทบได้พร้อม ๆ กัน”
“แล้วคราวนี้พวกเราจะเลือกใครดีล่ะ?”
“เลือกผู้เช่าอาคาร 1 เฮ้อ เครื่องปรับอากาศในเถาหยางนั้นดีจริง ๆ เลย แต่น่าเสียดายที่ในอนาคตเรา เราไม่มีโอกาสได้ใช้มัน เมื่อเราไม่มีโอกาสได้ใช้ คนอื่นก็จะไม่ได้เช่นกัน”
……
ซูเถากำลังนอนหลับ จู่ ๆ แม่บ้านอัจฉริยะก็ส่งเสียงแจ้งเตือนกลางดึก
ซูเถาตื่นขึ้นทันที เธอหยิบเสื้อคลุมมาสวมลวก ๆ แล้ววิ่งลงไปที่ชั้นหนึ่งโดยมีเสวี่ยเตาตามมาด้วย
ขณะที่เธอกำลังเดินลงไป เธอก็ส่งข้อความหากวานจือหนิงและสือจื่อจิ้น
เมื่อมาถึงที่ชั้นหนึ่ง เธอก็เห็นผู้เช่าที่คุ้นเคยกันดีจากอาคาร 1 กำลังทำลายเครื่องปรับอากาศฝังเพดานด้วยอาวุธต่าง ๆ
เมิ่งเสี่ยวป๋อยืนอยู่บนโต๊ะในห้องโถงเหมือนคนบ้า ยกมือขึ้นชกช่องลมเครื่องปรับอากาศ ทำให้เกิดประกายไฟพุ่งออกมา
“เสี่ยวป๋อ!!” ซูเถาตะโกนเรียกเขาเสียงดัง
แต่ว่าเห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ผล เมิ่งเสี่ยวป๋อทำราวกับว่าเขาไม่รู้จักเธอ ในขณะที่เขากำลังทำลายข้าวของเขาก็พูดว่า
“ฉันไม่ได้ใช้ คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์ ฉันจะทุบมันทิ้งซะ! ใครก็ห้ามใช้!”
ฟ่านฉวนฮุยผู้มีรูปร่างผอมก็หันกลับมาพร้อมกับโยนเก้าอี้ขึ้นไปบนเพดาน
ผู้เช่าจากอาคาร 1 ที่อยู่โดยรอบก็รีบขึ้นไปยืนบนโต๊ะและทำลายเครื่องปรับอากาศ
จู่ ๆ ซูเถาก็ตระหนักได้ว่า นี่คงเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่สองพี่น้องผู้เสี้ยมสอนได้ทิ้งไว้ให้! ก็ว่าทำไมเธอทั้งคู่จากไปอย่างสบายใจ ที่แท้ทั้งคู่ก็ทิ้งสภาพแบบนี้ไว้ให้เธอ!
ซูเถารู้สึกถึงปัญหาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผู้เช่าเหล่านี้ไร้เดียงสา เธอไม่สามารถลงโทษหรือเรียกสติพวกเขากลับมาได้ เธอทำได้เพียงเฝ้าดูความหายนะที่เกิดขึ้น
เมื่อเสวี่ยเตารับรู้ได้ถึงความโกรธของเจ้านาย มันก็คำรามราวกับว่าพร้อมจะโจมตีและป้องกัน รอแค่ซูเถาออกคำสั่งมันก็พร้อมจะจัดการทันที
การกระทำดังกล่าวทำให้ผู้เช่าอาคาร 2 พากันตื่นตระหนก ทุกคนทยอยลงมาที่ชั้นล่างและก็ต้องตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า
กวานจือหนิงและสือจื่อจิ้นก็มาถึงที่นี่
เมื่อซูเถาเห็นพวกเขา เธอก็รู้สึกโล่งใจ
ในฐานะผู้มีความสามารถด้านพลังจิตเหมือนกัน กวานจือหนิงรับรู้ได้ทันทีว่านี่มันมีอะไรแปลก ๆ สีหน้าของเธอดูไม่ดีนัก จึงโบกมือเรียกซูเถา
“ยืนข้างหลังฉัน”
จากนั้นเธอก็หลับตาลง และคลื่นที่มองไม่เห็นก็ได้แผ่กระจายหายไปในอากาศ
ผู้เช่าจากอาคาร 1 ที่ตอนแรกดูเกรี้ยวกราดควบคุมตัวเองไม่ได้ การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็เริ่มช้าลงภายในเวลาไม่ถึงสองนาที อารมณ์ของพวกเขาก็ค่อย ๆ สงบ เผยให้เห็นสีหน้าที่มีแต่ความเรียบเฉย
เมิ่งเสี่ยวป๋อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เงยศีรษะขึ้นไปมองผลงานชิ้นเอกของเขา ซากเครื่องปรับอากาศกระจายอยู่ทั่วพื้น เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาไป ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด
เขาล้มลงจากโต๊ะที่เขาขึ้นไปยืนดัง ‘ตุ้บ’ ศีรษะของเขากระแทกพื้นจนหมดสติไป
คนอื่น ๆ ก็ตกใจเช่นกัน ราวกับเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝัน ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือดเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่น่าสลดใจ
ฟ่านฉวนฮุยคุกเข่าลงบนพื้น พลางปิดหน้าแล้วพูดว่า
“ผมขอโทษ ผมขอโทษ ผมขอโทษ ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ ผม ผมไม่ได้..ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น…”
หลังจากที่เขาพูดเขาก็ลุกยืนขึ้น เขาก้าวไปข้างหน้าและโค้งคำนับขอโทษจนหัวเกือบจะถึงเท้า
“เถ้าแก่ซู ผมขอโทษ! ผมยินดีชดใช้ความเสียหาย! ผมขอโทษจริง ๆ แต่ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมควบคุมมันไม่ได้!”
หลังจากที่ผู้เช่ารายอื่นรู้สึกตัว ก็เริ่มมาขอโทษซูเถาและผู้เช่าอาคาร 2 ด้วย ซูเถาเองก็ไม่สามารถอธิบายอะไรได้ ดังนั้นเธอทำได้แค่ปลอบใจพวกเขา
“ไม่เป็นไรนะคะทุกคน กลับห้องไปนอนพักผ่อนกันก่อน มีเรื่องอะไรค่อยว่ากันพรุ่งนี้”
เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการส่งผู้เช่าอาคาร 1 ที่กำลังตื่นตระหนกออกไป เหลือเพียงเมิ่งเสี่ยวป๋อเท่านั้นที่ยังนอนแน่นิ่งอยู่
เขาตัวใหญ่มากและนอนหมดสติอยู่บนพื้น คนธรรมดาสามคนไม่สามารถเคลื่อนไหวเขาได้ ดังนั้นจึงต้องปล่อยเขาให้นอนอยู่ตรงนั้น
ซูเถามองไปที่คนสองคนที่น่าจะเคลื่อนไหวเขาได้
สือจื่อจิ้นปฏิเสธ “ปล่อยให้เขานอนตรงนั้นเถอะ ผู้ชายตัวใหญ่อย่างเขานอนตรงนั้นสักคืนคงไม่เป็นอะไร”
กวานจือหนิง “เขาไม่ใช่ผู้ชายของฉัน ฉันไม่ขอยุ่ง”
จวงหว่านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโทรหาหยางจวี๋ แฟนสาวของเมิ่งเสี่ยวป๋อ
หยางจวี๋ที่กำลังทำงานล่วงเวลา เมื่อได้รับโทรศัพท์ เธอก็รีบกลับมาทันที เมื่อเห็นเมิ่งเสี่ยวป๋อนอนอยู่บนพื้น เธอก็สะบัดมือและเท้า
จากนั้นก็ดึงหูของเมิ่งเสี่ยวป๋อ “ฉันไม่อยู่แค่วันเดียว สร้างเรื่องอีกแล้วใช่ไหม? ลุกขึ้น!”
เมิ่งเสี่ยวป๋อตื่นขึ้นมาทันทีเขากระโดดขึ้นแล้วร้อง “โอ๊ย ๆ ผมผิดไปแล้วที่รัก ไว้ชีวิตผมด้วย!”
จากนั้นเขาก็โผเข้ากอดแฟนสาวของเขา ชายที่สูง 180 เซนติเมตร ร้องไห้งอแงเหมือนเด็ก ๆ
“ไม่รู้ทำไม หลังจากได้ยินสองพี่น้องนั้นพูดก็อยากที่จะมารื้อเครื่องปรับอากาศทิ้ง ผมก่อความวุ่นวายแล้ว เครื่องปรับอากาศก็เสียหาย ทำยังไงดี ผมขอโทษนะเถ้าแก่ซู ผมไม่มีหน้าไปเจอกับผู้เช่าอาคาร 2 แล้ว”
พวกซูเถาเลือกที่จะปล่อยแล้วหันหลังกลับไป