บทที่ 62 คนเราต้องรู้จักเจียมตัว

คิงดราก้อน

เซียวหยางสวมชุดสูททันสมัยของ Versace ทั้งตัว ตัวตรง ดูดีมีสไตล์ มีออร่าความเป็นผู้ลากมากดีอยู่มาก

มุมปากมีรอยยิ้มบาง ๆ ให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ราวกับว่าต่อให้ภูเขาไท่ซานพังทลายลงตรงหน้า ก็ไร้ซึ่งความกลัวใด ๆ

นี่ไม่ใช่การเยาะเย้ยถากถางสังคม และไม่ใช่ความเกียจคร้านใด ๆ แต่เป็นความมั่นใจในตัวเองที่มาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ

ส่วนเย่หยุนซู เธอสวมชุดราตรีสีขาว ทำจากผ้าชีฟอง ซึ่งห่อหุ้มส่วนเว้าส่วนโค้งที่สวยงามบนร่างกายเธอไว้

ขาสวยที่เรียวยาวและขาวผ่องคู่นั้น รองเท้าส้นสูงสีขาวที่กำลังย่างกราย บนคอสวมใส่คริสตัลแห่งรักที่เซียวหยางซื้อให้เธอ

ผิวพรรณของเธอ ไม่ได้ถูกบดบังด้วยคริสตัลแห่งรักเลยแม้แต่น้อย ทว่ากลับยิ่งส่งเสริมเติมเต็มกันและกัน ท่าทางเย็นชาเย่อหยิ่งและสง่างามนั้น ดูโดดเด่นมากทีเดียว

ส่วนโค้งที่อวบอิ่ม ไม่ใหญ่และไม่เล็กเกินไป สามารถดึงดูดสายตาคนให้ปรารถนาที่จะจ้องมองต่อไป

หุ่นนางแบบที่มีสัดส่วนรูปร่างสูงยาวกำลังดี สวมชุดราตรีชุดนี้กับสร้อยคอคริสทัลแห่งรัก ทำให้ทุกย่างก้าวทุกท่วงท่าของเธอ เหมือนกับเป็นเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์

เย่หยุนซูยื่นมือขาวนุ่มออกมา เป็นฝ่ายคล้องแขนเซียวหยางด้วยตัวเอง ร่างกายแนบชิดติดกับตัวของเซียวหยาง

จงใจทำเช่นนี้ เพราะเธอต้องการแสดงให้ถังเทียนหวาเห็นต่อหน้าทุกคนว่า เซียวหยางคือสามีของเธอ และเธอคือภรรยาของเซียวหยาง

เซียวหยางสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มตรงส่วนนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกวาบหวามหัวใจ

เลยอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “หยุนซู ถ้าทุกวันเธอเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนแบบนี้ ฉันก็พอใจแล้ว”

ใบหน้าที่สวยงามของเย่หยุนซูแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย เธอก็รู้สึกได้ว่ายอดเขาหิมะของตัวเองสัมผัสโดนร่างกายของเซียวหยาง จึงอดไม่ได้ที่จะทำเสียงหึออกมาเบา ๆ

“อย่าฝันหวานไปหน่อยเลย ถ้าวันนี้นายกล้าจูบฉันโดยที่ฉันไม่อนุญาตเหมือนอย่างวันก่อน ฉันจะฉีกปากนายแน่คอยดู!”

นึกถึงจูบวันนั้น เซียวหยางยังคงถวิลหาอยู่จริง ๆ นั่นแหละ กำลังคิดอยู่พอดีว่าถ้าวันนี้มีโอกาส จะใช้ลูกไม้เดิมอีกครั้ง

แต่คิดไม่ถึงว่า เย่หยุนซูจะดับความคิดชั่วร้ายของเซียวหยางเอาไว้ก่อน

“แหะแหะ วางใจเถอะ ฉันรู้ว่าอะไรควรไม่ควร” มุมปากของเซียวหยางเผยรอยยิ้มที่ดูมั่นใจในตัวเองออกมา ส่วนมือขวากลับอ้อมไปด้านหลังเอวของเย่หยุนซู แล้วโอบเอวบาง ๆ ของเธอเอาไว้

เย่หยุนซูตัวสั่นขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ถึงแม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนเซียวหยางโอบกอด แต่ไม่รู้ทำไม ทุกครั้งเธอถึงได้รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน

เพราะเธอสามารถรับรู้ได้ว่า ตั้งแต่ที่ถังเทียนหวามาหาถึงที่เมื่อคราวก่อน เธอก็ไม่รู้สึกรำคาญกับการโอบกอดแบบนี้แล้ว

เธอควรจะไม่พอใจกับการที่ผู้ชายมาอิงแอบแนบชิดกับเธอแบบนี้ถึงจะถูกสิ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกละอายใจขึ้นมา และยิ่งรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย

ทั้งสองคนเหมือนเล่นสนุกกันไม่มีผิด แสร้งเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่กันและกัน จากนั้นก็ก้าวขึ้นไปบนพรมแดงเพื่อขึ้นไปบนเรือยอชต์ Queen Anna

คืนนี้เป็นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นเพื่อต้อนรับการกลับมาของคุณชายตระกูลถัง ถังเทียนหวา เป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวยที่มีแตกต่างจากคนอื่น เป็นหนุ่มหล่อที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย บรรดาสาวงามที่มีชื่อเสียงทั้งหลายต่างได้รับคำเชิญทั้งนั้น

ตระกูลถังเป็นตระกูลชั้นหนึ่งของเมืองหยินโจว มีชื่อเสียงในเมืองที่อยู่ใกล้เคียง ถึงขั้นมีคนพูดว่าตระกูลถังแห่งเมืองหยินโจวกับสำนักถังเหมินที่ปลีกตัวจากสังคมนั้น มีความสัมพันธ์ซับซ้อนยากที่จะตัดขาดกันได้

ส่วนจะมาจากรากเหง้าเดียวกันหรือไม่ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้

ถังเทียนหวาเป็นรุ่นที่สามของตระกูลถัง เป็นผู้ชายเพียงคนเดียว จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่า ในอนาคตถังเทียนหวาต้องเป็นทายาทที่ได้รับมรดกทั้งหมดของตระกูลถังแห่งเมืองหยินโจวแน่นอน

ฉะนั้นไม่ว่าจะเพื่อสานสัมพันธ์ หรือเพื่อให้บริษัทของตัวเองมีที่ยืน ทุกคนต่างต้องการเอาอกเอาใจถังเทียนหวาทั้งนั้น

เซียวหยางล้วงเอาบัตรเชิญออกมา ยื่นให้พนักงานต้อนรับที่หน้าประตู จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องโถงที่กว้างขวาง

ห้องรับแขกมีพื้นที่ประมาณห้าร้อยตารางเมตร ตกแต่งอย่างหรูหราสไตล์อังกฤษ ประดับด้วยโคมระย้าคริสตัล และผนังที่มีลวดลายสีทอง

แม้แต่ที่นั่งก็ล้วนเป็นสไตล์ราชวงศ์อังกฤษ ราวกับอยู่ในสิ่งปลูกสร้างของราชวงศ์อังกฤษอันไกลโพ้น

แขกส่วนใหญ่ที่ได้รับการ์ดเชิญต่างก็มาถึงกันแล้ว ถังเทียนหวายืนต้อนรับด้วยตัวเองอยู่ที่หน้าประตูห้องรับแขก

“คุณถังโดดเด่นที่สุดในงานจริง ๆ เลยนะครับ บุคลิกท่าทางไม่ธรรมดาจริง ๆ สวัสดีครับ สวัสดี!”

“อ้อ ที่แท้ก็ประธานจ้าวนี่เอง ขอบคุณมากครับที่ตอบรับคำเชิญงานเลี้ยงของผม อีกเดี๋ยวต้องดื่มหลายแก้วหน่อยนะครับ”

“ฮ่าฮ่า คุณถัง ได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานแล้ว ในอนาคตหวังว่าจะได้ร่วมงานกันนะครับ”

“ประธานหลี่ของหวาเหนิงนั่นเอง สวัสดีครับ สวัสดี วันหลังต้องไปเยี่ยมท่านถึงบ้านแน่นอน จะหารือกับใต้เท้าเรื่องความร่วมมือสักหน่อยครับ”

“งั้นผมจะรอคุณถังนะ”

……

ไม่ว่าถังเทียนหวาใช้วิธีสกปรกก่อเรื่องมากแค่ไหน เสพติดเรื่องวิปริตวิตถารมากแค่ไหน แต่ต่อหน้าคนนอก การแสดงออกของเขา ก็ยังคงดูยอดเยี่ยมมาก

ถึงยังไงประวัติการศึกษาของเขาก็ไม่ใช่ของปลอม ความสามารถเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งต่อสายตาทุกคน จุดด่างพร้อยเล็กน้อยไม่สามารถกลบเกลื่อนข้อดีของเขาได้ นี่เป็นสิ่งที่เห็นพ้องต้องกันในสังคมชั้นสูง

ยิ่งเป็นคนที่มีเงิน งานอดิเรกที่พวกเขาชื่นชอบก็อาจวิปริตมากยิ่งขึ้น ดังนั้นคนเหล่านี้จึงไม่แคร์ข่าวลือพวกนั้นของถังเทียนหวา

สิ่งที่พวกเขาต้องการคือการสานสัมพันธ์ ต้องการร่วมมือกัน ต้องการธนบัตรเท่านั้น!

และทันใดนั้นเอง เซียวหยางกับเย่หยุนซูก็เดินมาถึงหน้าประตูห้องโถง เมื่อทั้งสองคนปรากฏตัว ก็ดึงดูดสายตาผู้คนมากมายทันที

“เอ๊ะ คนที่ยืนอยู่ข้างเย่หยุนซู ก็คือลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงของตระกูลเย่ใช่ไหม?”

“ชิชิ คราวก่อนเคยเจอที่งานวันเกิดของเหล่าไท่จวินตระกูลเย่ ให้กาต้มน้ำทองแดงที่ชำรุดชิ้นหนึ่ง ทำให้คนหัวเราะเยาะไปทั่ว”

“แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ไอหนุ่มคนนี้เมื่อแต่งตัวขึ้นมา ก็พอดูเป็นผู้ดีขึ้นมาบ้าง ดูเป็นการเป็นงานอยู่นะ”

ในกลุ่มคนเหล่านี้ มีคนมองออกว่าเป็นเซียวหยาง ทันใดนั้นก็เผยสีหน้าดูถูกเหยียดหยามออกมา

แต่ถึงแม้เป็นอย่างนี้ พวกเขาก็อดยอมรับไม่ได้ว่า ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง เมื่อเซียวหยางกับเย่หยุนซูปรากฏตัวขึ้น ก็ทำให้พวกเขารู้สึกว่าคู่นี้เป็นคู่ที่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก

“คิดไม่ถึงว่าเย่หยุนซูจะพาไอสวะนี้มาด้วย คงมีเรื่องสนุกให้ดูแล้วล่ะ”

“เหอะเหอะ ฉันได้ยินมาว่าก่อนที่ถังเทียนหวาจะไปเรียนต่อที่เมืองนอกเคยหมั้นหมายกับเย่หยุนซูมาก่อน พูดอีกอย่างก็คือ เซียวหยางแย่งผู้หญิงที่เดิมทีควรเป็นของถังเทียนหวาไป”

“จริงหรือเปล่าเนี่ย มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ? ไอหนุ่มนั่นซวยแน่!”

ทันใดนั้น สายตาแขกเหรื่อที่มองเซียวหยาง ก็เปลี่ยนเป็นสงสารขึ้นมาทันที

ถังเทียนหวาอึ้งไปเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม เขามองข้ามเซียวหยางไปเลย จากนั้นก็ยิ้มพลางเอ่ยพูดกับเย่หยุนซูว่า

“หยุนซู ในที่สุดคุณก็มา ผมรอคุณอยู่ที่นี่ตั้งนานแหนะ”

เย่หยุนซูพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ และไม่ได้เอ่ยพูดอะไรด้วย

ถังเทียนหวายิ้มพลางยื่นมือออกไป จับมือที่ขาวนวลเหมือนหยกของเย่หยุนซู แล้วพูดว่า

“หยุนซู อีกเดี๋ยวเมื่องานเลี้ยงเริ่มแล้ว คุณต้องเต้นรำกับผมสักเพลงนะครับ”

และทันใดนั้น เซียวหยางก็จับแขนของถังเทียนหวาเอา แล้วพูดเชิงหยอกล้อว่า

“คุณถัง ขอโทษนะครับ ภรรยาของผมไม่ชอบจับมือกับผู้ชายคนอื่น รบกวนระวังกริยาท่าทางของคุณด้วย”

เมื่อเห็นเซียวหยางจับตัวเอง ถังเทียนหวาก็ใจสั่นขึ้นมา แล้วนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นที่จับมือกับเซียวหยาง เมื่อนึกได้ก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที

แต่เขาเห็นว่าเซียวหยางไม่ได้คิดจะทำอะไรต่อ จึงได้ปัดฝุ่นบนตัวที่ไม่ได้มีอยู่จริงออกไป แล้วพูดด้วยเสียงต่ำว่า

“เซียวหยาง ฉันอิจฉาจริง ๆ ที่แกมีเมียสวยขนาดนี้ แต่ฉันขอเตือนแกไว้สักประโยคนะ”

“อย่าอวดดีมากเกินไป คนเราต้องรู้จักเจียมตัว บัญชีระหว่างแกกับฉัน ฉันยังจำได้ดี ตอนนี้เป็นของของแก แต่ไม่ได้หมายความว่าแกจะมีชีวิตไปเสวยสุข!”