บทที่ 63 คุณเฟิง

คิงดราก้อน

เซียวหยางยิ้มอย่างไม่ยี่หระ สำหรับการข่มขู่ที่อ่อนด้อยอย่างนี้ ปกติเขาจัดการเหมือนกับการผายลมแค่นั้นแหละ

“นั่นเป็นเรื่องของฉัน ไม่ต้องให้แกมาห่วงหรอก หยุนซู พวกเราไปดูทางนั้นดีกว่า”

เซียวหยางพาเย่หยุนซูเดินเข้าไป

เห็นรูปร่างสวยงามละมุนละไมของเย่หยุนซู รวมถึงเซียวหยางที่เดินเคียงคู่เธออย่างสนิทสนมแบบนั้น ถังเทียนหวาก็มีสีหน้าเคียดแค้นเผยออกมาทันที

คนที่ยืนอยู่ข้างเย่หยุนซู เดิมทีควรต้องเป็นตัวเองถึงจะถูก เซียวหยางแย่งของของตัวเองไป เป็นเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ยังมีหน้ามายั่วโมโหตัวเองโดยไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง

นี่กำลังตบหน้าตัวเองอยู่ชัด !

ปล่อยให้มึงกระโดดโลดเต้นไปก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวกูจะทำให้มึงรู้สึกว่าตายไปยังดีกว่ามีชีวิตอยู่ เหอะ!

ในตอนนี้ สายตาของผู้คนมากมายที่อยู่ในห้องโถงต่างจับจ้องมาที่เซียวหยางและเย่หยุนซู พากันวิพากษ์วิจารณ์เสียงต่ำ ๆ

นี่เป็นครั้งแรกที่เย่หยุนซูพาเซียวหยางมาออกงานสังคมแบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เซียวหยางได้แต่อยู่บ้านทำกับข้าวถูพื้น พาออกมาก็อับอายขายหน้าเปล่า ๆ

บางครั้งมีคนจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาทักทาย แต่ไม่มองหน้าเซียวหยางเลยด้วยซ้ำ เย่หยุนซูจึงได้แต่ยิ้มเล็กน้อยตอบกลับไปไม่กี่คำ

“อ้าว คนนี้คือลูกเขยผู้โด่งดังคนนั้นของตระกูลเย่นี่นา”

ทันใดนั้น ได้มีชายหนุ่มวัยกลางคนถือแก้วไวน์เดินเข้ามา

เซียวหยางสงบนิ่งมาก ไม่มีทีท่าจะทำให้ขายหน้าเลยแม้แต่น้อย

“ไม่ถึงกับมีชื่อเสียงโด่งดังหรอกครับ ข้าน้อยคือสามีของเย่หยุนซูเองครับ สวัสดีครับ”

พูดจาฉะฉาน ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย

ชายหนุ่มวัยกลางคนอึ้งไปเล็กน้อย แล้วจากไปด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน

เย่หยุนซูมองเซียวหยางด้วยท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย ในความทรงจำของเธอ สามปีมานี้ เซียวหยางได้แต่ทำกับข้าวถูพื้น เป็นคนไร้ประโยชน์ที่ไม่มีความสามารถอะไรเลย

แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หลังจากงานวันเกิดของคุณย่าครานั้น โดยเฉพาะตั้งแต่คุณปู่กลับมาจากต่างประเทศ สิ่งที่เซียวหยางแสดงให้เธอเห็น กลับทำให้รู้สึกเซอร์ไพรส์มากขึ้นเรื่อย ๆ

เดิมทีคิดว่าการที่เซียวหยางเข้าร่วมงานสังคมชั้นสูงแบบนี้จะแสดงออกเหมือนพวกไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อน แต่สิ่งที่เกินความคาดหมายก็คือ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย หรือมารยาทต่าง ๆ เซียวหยางดูเหมือนเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี ไม่ทำให้เธอขายหน้าเลยแม้แต่น้อย

เพียงแต่สิ่งที่เย่หยุนซูไม่รู้ก็คือ การพูดคุยแบบนี้ของเซียวหยาง เป็นเรื่องที่ทำโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เป็นการแสดงออกมาจากภายใจ ที่ต่างประเทศคนที่พบปะพูดคุยกับเขา ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตอย่างพวกข้าราชการระดับสูงและเครือราชวงศ์ของประเทศต่าง ๆ ทั้งนั้น

อย่างสถานการณ์ที่เห็นตรงหน้านี้ สำหรับเซียวหยางแล้ว ก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น

ถังเทียนหวาแอบมองเซียวหยางอย่างร้ายกาจแวบหนึ่ง แล้วเดินออกไปจากห้องโถง ขึ้นไปบนดาดฟ้า

บนดาดฟ้ามีชายชราอยู่คนหนึ่ง อายุประมาณห้าสิบปี ผมขาวทั้งหัว มือสองข้างไขว้หลัง สวมชุดกังฟู ดูท่าทางลึกลับมาก

“คุณเฟิง เตรียมการไปถึงไหนแล้ว?”

น้ำเสียงของถังเทียนหวาฟังดูให้ความเคารพและมีความคึกคะนองแฝงอยู่ พอที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าฐานะของชายชราคนนี้ไม่ธรรมดาเลย

“เริ่มเมื่อไหร่ก็ได้” คุณเฟิงพูดอย่างราบเรียบ

ถังเทียนหวาเผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา แล้วพูดว่า “คุณเฟิง คราวนี้ต้องลำบากคุณหน่อยนะครับ อีกเดี๋ยวต้องรบกวนคุณพาไอหนุ่มนั่นมาไว้ในห้องให้ผมหน่อยนะครับ”

คุณเฟิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น กิริยาท่าทางเหมือนพวกผู้สูงศักดิ์

ถังเทียนหวาเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วเช่นกัน จึงได้พูดด้วยเสียงต่ำว่า

“คุณเฟิง เมืองแห่งความบันเทิงช่วงนี้นำเข้าเด็กสาวต่างชาติมาจำนวนหนึ่ง มีนางเอกเอวีสาวสวยที่เพิ่งเข้าวงการหนังผู้ใหญ่ของญี่ปุ่น และยังมีสาวตะวันตกร่างถึกจากอเมริกา สาวผิวเข้มสุดยั่วยวนจากแอฟริกาใต้ มีทุกรูปแบบเลยครับ เสร็จเรื่องนี้แล้ว ผมจะรีบส่งพวกหล่อนไปที่คฤหาสน์ของคุณทันที”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ คุณเฟิงที่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จามาตลอด ก็แอบมีรอยยิ้มออกมาทันที แล้วพยักหน้าด้วยความพอใจ “ไม่เลว ชิมของในประเทศจนเลี่ยนแล้ว ลองชิมของต่างชาติดูบ้างก็ดี”

ถังเทียนหวาหัวเราะแห้ง ๆ กับคุณเฟิงอยู่สักพัก แต่ในใจกลับรู้สึกชื่นชมในความยอดเยี่ยมของเขา ตาแก่นี่อายุห้าสิบหกสิบเข้าไปแล้ว ไม่กินยาก็ยังสามารถคุมสาว ๆ ได้ทั้งคืนโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กำลังวังชาท่วมท้นขนาดนี้ ถือว่าพบเห็นได้น้อยจริง ๆ

คุณเฟิงคนนี้ ไม่เพียงแต่เป็นชายชราทั่วไปคนหนึ่งที่ตัณหาจัดเท่านั้น แต่ยังเป็นบอดี้การ์ดที่พ่อของเขาจัดหามาให้อีกด้วย

สถานะไม่ธรรมดา สูงส่งมาก แม้แต่เขา ก็ไม่สามารถออกคำสั่งได้ตามอำเภอใจ

แต่หลังจากที่เขารู้ว่าคุณเฟิงเป็นคนมักมากในกาม ก็สนองความต้องการให้คุณเฟิงอย่างเต็มที่ จัดหาสาวสวยหลากหลายสไตล์ไปให้ เพื่อให้คุณเฟิงได้เสพสุขเต็มที่

เมื่อคุณเฟิงสมใจอยากแล้ว ก็จะช่วยเขาจัดการเรื่องไม่ดีที่ไม่สามารถให้คนอื่นรู้ได้

นี่เป็นเรื่องดีที่ได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ถังเทียนหวาพูดคุยกับคุณเฟิงอีกไม่กี่ประโยค จากนั้นก็กลับไปยังห้องจัดงานเลี้ยง

ขณะนี้ ภายในห้องจัดงานเลี้ยง เย่หยุนซูกับเซียวหยางได้หาที่นั่งกันแล้ว

ถังเทียนหวาขึ้นมาบนเวที ในมือถือไมโครโฟน ส่งสัญญาณให้ทุกคนอยู่ในความสงบ เขาจะเริ่มกล่าวสุนทรพจน์แล้ว

“แขกผู้เกียรติทุกท่าน ท่านประธานที่เคารพทั้งหลาย สวัสดีครับทุกท่าน!”

“ทุกท่านสละเวลามาร่วมงานบนเรือยอชต์ Queen Anna กระผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่เชิญทุกท่านมาร่วมงานครั้งนี้ จุดประสงค์หลักคือเพื่อพูดเรื่องหนึ่ง”

พูดถึงตรงนี้ ทุกคนก็หูตั้งขึ้นมาทันที ถังเทียนหวาก็เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อว่า

“กระผมเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เข้ารับช่วงต่อกิจการจากครอบครัว ผมตั้งใจไว้ว่าหนึ่งเดือนหลังจากนี้ นำพาบริษัทตระกูลถังกรุ๊ปพัฒนาขยายเขตกิจการใหม่ทั้งหมด ซึ่งเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมบันเทิง”

“ธุรกิจออนไลน์ประกอบไปด้วยการไลฟ์สดขายสินค้าออนไลน์ที่กำลังนิยมกันมากในขณะนี้ ฝึกฝนพัฒนาคนดังในโลกออนไลน์และดารานักแสดง ส่วนธุรกิจออฟไลน์ประกอบไปด้วยเมืองแห่งความบันเทิง ไนต์คลับรวมไปถึงก่อตั้งบริษัทนายหน้า”

ขณะที่กำลังพูด พนักงานคนหนึ่งได้ถือถาดยืนอยู่ตรงหน้าเย่หยุนซู

“คุณผู้หญิง เชิญครับ”

“อ้อ ขอบคุณ”

เย่หยุนซูนึกได้ก็รับแก้วไวน์มา แล้วค่อย ๆ จิบไวน์แดง พลางฟังสุนทรพจน์ที่ถังเทียนหวากล่าวอยู่บนเวที

คิดไม่ถึงเลยว่าถังเทียนหวาต้องการพัฒนาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเกิดใหม่ ดูท่าทางเมืองหยินโจวจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วสิ ไม่รู้มีอุตสาหกรรมดั้งเดิมจำนวนเท่าไหร่ที่จะถูกแทนที่

“โครงการใหม่นี้ยังจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากท่านประธานที่เคารพทุกท่าน พวกเราบริษัทตระกูลถังกรุ๊ปยังขาดพันธมิตรที่จะมาร่วมมือกัน ถ้าหากประธานท่านใดรู้สึกสนใจ สามารถมาคุยรายละเอียดเพิ่มเติมกับผมได้ เอาล่ะ กระผมขอพูดไว้เพียงเท่านี้ ขอให้ทุกท่านสนุกกับงานเลี้ยง ผมขอประกาศ เริ่มงานเต้นรำอย่างเป็นทางการครับ!”

ถังเทียนหวาดีดนิ้ว แล้วจบการพูดลงเพียงเท่านั้น

ด้านล่างเวทีมีเสียงปรบมือดังขึ้นอย่างคึกคัก บริษัทตระกูลถังกรุ๊ปเป็นกังหันบอกทิศทางลมของเมืองหยินโจว ตระกูลถังต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านไหน พวกเถ้าแก่เหล่านี้ก็ต้องหมุนไปตามทิศทางลมอยู่แล้ว ต่อให้ไม่ได้ทานเนื้อ ได้ซดน้ำซุปสักคำก็ยังดี

ไม่ถึงขนาดกอบโกยเงินได้มากมายขนาดนั้นหรอก แต่ทำให้ร่ำรวยขึ้นมาบ้างก็คงไม่มีปัญหา ดังนั้นทุกคนจึงกระตือรือร้นอยากลองดูสักตั้ง คิดหาทางที่จะสร้างความร่วมมือกับตระกูลถัง

เซียวหยางไม่ได้สนใจกับคำกล่าวบนเวทีเลย เขาใจจดใจจ่อกับอาหารที่อยู่บนโต๊ะ

เพียงครู่เดียว เสียงดนตรีก็เปลี่ยนไป เพลงที่ไพเราะเสนาะหูบรรเลงขึ้นอย่างช้า ๆ การเต้นรำได้เริ่มขึ้นแล้ว

ผู้คนต่างหลบหลีกเพื่อเว้นที่กลางห้องโถงให้เป็นฟลอร์เต้นรำ

สุภาพสตรีจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าตัวเองเต้นรำได้ไม่เลว ต่างยื่นมือเรียวสวยออกมา พาคู่เต้นรำมาในฟลอร์เต้นรำ แล้วเริ่มเต้นรำอย่างกระฉับกระเฉง

คนที่เต้นรำอยู่ในฟลอร์ ต่างก็เป็นหนุ่มหล่อสาวสวยทั้งนั้น พวกหุ่นไม่ดี หรือหน้าตาแย่ต่างก็อายไม่กล้าไปที่ฟลอร์เต้นรำ ได้แต่มองเสต็ปการเต้นรำที่งดงามด้วยความอิจฉา

และในเวลานี้เอง ถังเทียนหวาได้เดินไปตรงหน้าของเย่หยุนซู

หลังจากที่เขาลงจากเวที ก็ได้เปลี่ยนเป็นชุดทักซิโด้ คอเสื้อติดโบว์หูกระต่าย ดูเป็นสุภาพบุรุษและดูสูงศักดิ์มาก

“หยุนซู ให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับ?”