ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล

“มีปัญหาแล้ว”
ฉินเทียนลุกขึ้นยืนและหันมองไปยังทิศหนึ่ง ที่นั่นมีหมาป่าเขี้ยวเขียวยืนจังก้าห่างออกไปไม่ถึงร้อยเมตร ปากของมันมีน้ำลายไหลย้อยออกมา ขณะที่ดวงตาทั้งคู่ที่เปล่งแสงแวววับได้จับจ้องอยู่ที่ฉินเทียน
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง พยัคฆ์ดุร้ายได้ปรากฏตัวออกมาและมุ่งหน้ามายังทิศที่เขายืนอยู่
ไม่นานทั้งฉินเทียนและอวิ๋นม่านก็ถูกล้อมรอบไปด้วยสัตว์ปีศาจที่จ้องมองทั้งคู่ด้วยความหิวโหยกว่าสามสิบตัว
“พวกเจ้าก็ต้องการลิ้มลองเนื้อย่างหรือ?” ฉินเทียนตั้งท่าระวัง
พวกมันส่วนใหญ่เป็นแล้วสัตว์ปีศาจระดับที่สองและสาม ดงนั้นจึงไม่ได้มีความแข็งแกร่งมากนัก หากว่าเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวแล้ว ฉินเทียนก็คงไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อยนิด กระนั้นตอนนี้เขาจะต้องรับมือกับพวกมันที่มากกว่าสามสิบตัวในคราวเดียวกัน หากว่าพวกมันกลุ้มรุมเข้ามา เช่นนั้นเขาก็คงทำได้เพียงวิ่งหนี ยิ่งในตอนนี้เขายังมีภาระชิ้นโตที่ชื่อว่าอวิ๋นม่านอยู่ด้วยอีก
อวิ๋นม่านเองก็ตระหนักได้ถึงสถานการณ์อันตราย นางเดินตรงเข้าหาพยัคฆ์ดุร้ายและกล่าวออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้ากล้ามาขัดเวลาทานอาหารของนายหญิงผู้นี้! เจ้าจะต้องชดใช้! เมฆาทะยาน!”
อวิ๋นม่านส่งเสียง ‘ฮึ่มๆ’ ออกมาขณะที่ร่างกายของนางพลันลอยขึ้นราวกับนางกำลัังขี่ก้อนเมฆอยู่ ทั้งดูนุ่มนวลและสง่างาม คล้ายเทพธิดาเหินหาว ความงามสง่าของนางไม่อาจมีผู้ใดเทียบเปรียบได้
กระทั่งฉินเทียนก็ยังไม่อาจจะหยุดยั้งนางได้
มีสัตว์ปีศาจหลายสิบตัวรายล้อมอยู่รอบด้าน หากว่าพวกมันตัวใดตัวหนึ่งเปิดฉษกโจมตีเข้ามา ตัวที่เหลือก็จะโจมตีเข้ามาทั้งหมด ดังนั้นทั้งฉินเทียนและอวิ๋นม่านจึงต้องชิงลงมือก่อน มิเช่นนั้นก็ยากที่ทั้งคู่จะรักษาชีวิตเอาไว้ได้หากถูกล้อมกรอบ
มองดูอวิ๋นม่านที่ชิงลงมือก่อนแล้ว ฉินเทียนก็ลอบวิตกขึ้นในใจ เขาพลันรวบรวมพลังปราณขุมหนึ่งและวิ่งเข้าหานาง
เพียงเมื่อฉินเทียนก้าวเท้าออกไป เขาก็เห็นอวิ๋นม่านหยิบแถบผ้าคู่หนึ่งออกมากลางอากาศ รูปลักษณ์ของแถบผ้าคู่นั้นราวกับแฉกลิ้นของอสรพิษ หากแต่มันกลับแข็งแกร่งราวเหล็กกล้า พวกมันคล้ายกับหอกคู่หนึ่งทะยานเข้าหาพยัคฆ์ดุร้ายและเสียบเข้าไปกึ่งกลางหน้าผากของมัน
ฉึก!
ฟู่
โลหิตไหลทะลักออกมาขณะที่ร่างของมันล้มลงไป
มันสิ้นใจตายแล้ว
สัตว์ปีศาจระดับที่สอง พยัคฆ์ดุร้ายถูกนางสังหารในกระบวนท่าเดียว!
ช่างแข็งแกร่งนัก!
ฉินเทียนรู้สึกทึ่งอย่างมากขณะมองดูร่างของพยัคฆ์ดุร้ายล้มพับไปกับพื้น อวิ๋นม่านเหินร่างกลางอากาศขณะที่ใบหน้าฉายแววเกรี้ยวกราด นางราวกับเด็กหญิงตัวน้อยที่ถูกแย่งของหวานไป
พยัคฆ์ดุร้ายสิ้นใจที่แทบเท้าของนาง นางสะบัดแถบผ้าและเปิดฉากโจมตีอีกครั้งราวกับกำลังระบายความโกรธขึ้ง
‘สาวน้อยนางนี้ไฉนดุร้ายนัก? ไฉนจึงกระหายเลือดเช่นนี้?’ ฉินเทียนตกตะลึง เขายังคงไม่อาจทำใจเชื่อว่ามันเป็นความจริง นี่ยังใช่สาวน้อยที่หวาดกลัวจนเป็นลมอยู่หรือไม่? มันช่างแตกต่างกันราวสวรรค์กับปฐพี นางป่าเถื่อนดุร้ายราวกับฆาตกรที่สังหารเหยื่อโดยตาไม่กระพริบ
ไม่แปลกที่จะมีผู้กล่าวเอาไว้ว่า ‘จิตใจสตรียากแท้จะหยั่งถึง’ รูปลักษณ์ของนางเป็นเพียงสาวน้อยบอบบางผู้หนึ่ง หากแต่จิตใจของนางช่างโหดร้าย
อวิ๋นม่านพลิ้วกายกลับมาอยู่ข้างฉินเทียน
หลังจากมองไปที่พยัคฆ์ดุร้ายที่เลือดท่วมนั้นแล้ว นางก็พึมพำออกมาอย่างอดไม่ได้ “เลือด! นี่มันโหดร้ายไปแล้ว”
ฉินเทียนหันมามองนางราวกับกำลังมองดูตัวประหลาด
การลงมือสังหารพยัคฆ์ดุร้ายเป็นการสะกดข่มเหล่าสัตว์ปีศาจโดยรอบได้เป็นอย่างดี ความโหดร้ายของอวิ๋นม่านได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับพวกมันจนต้องถดถอยไปหลายก้าว อวิ๋นม่านหันไปมองโดยรอบอย่างพึงพอใจและหัวเราะคิกออกมา “มากินปลากันเถอะ”
“กลิ่นมันช่างหอมจริงๆ”
“อื้ม อร่อย”
“อย่ามัวแต่ยืนนิ่งสิ นั่งลงกินเถอะ”
“ข้าจะเหลือส่วนหัวไว้ให้เจ้า อืม…”
……………………………..
อวิ๋นม่านไม่ได้รักษาท่าทีเรียบร้อยของกุลสตรีอีก นางกลืนเนื้อลงไปโดยไม่มีท่าทีกังวลสนใจ นางหันไปมองฉินเทียนและหัวเราะคิกคักด้วยท่าทีน่ารักน่าชังราวกับว่าเมื่อครู่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ฉินเทียนพูดอะไรไม่ออก มองดูนางที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารแล้ว เขาลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ขณะที่ท้องส่งเสียงประท้วงออกมา แม้ว่าสาวน้อยนางนี้จะเหลือส่วนหัวของปลาเอาไว้ให้เขา แต่เขาก็ไม่ได้กินลงไปแต่อย่างใด เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผากและพุ่งเข้าป่าไปเพื่อออกล่า
นักล่าล่าเพื่อความอยู่รอด แต่สำหรับเขาแล้ว เขาจะปล่อยให้ค่าประสบการณ์แสนล้ำค่าเสียเปล่าไปได้อย่างไร?
ในตอนแรก ฉินเทียนนั้นเป็นห่วงในความปลอดภัยของนางยิ่ง ทว่ามันกลับเป็นการกังวลไปเกินเหตุ เขากระทั่งยังไม่ทราบว่านางอยู่ในระดับใดด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมองระดับฝีมือของนางไม่ออก การที่นางสามารถเหาะเหินอยู่บนอากาศได้ แสดงว่านางจะต้องอยู่ไม่ต่ำกว่าขั้นที่แปด หรือว่านางจะอยู่ในขั้นที่เก้างั้นหรือ?
ผู้ฝึกตนขั้นที่เก้า? นั่นอยู่ห่างจากชั้นรวบรวมวิญญาณอีกเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น
เมื่อเปรียบเทียบนางกับ ฉินคุน ฉินหยางและอัจฉริยะคนอื่นๆแล้ว การดำรงอยู่ของพวกมันมีค่าดุจปุยเมฆไร้น้ำหนัก
ฉินเทียนตกตะลึงอย่างแท้จริง เรื่องราวนี้เกิดขึ้นกระทันหันเกินไป
“นี่ อย่าไปสิ…ข…ข้ากลัว…” อวิ๋นม่านที่คาบเนื้อปลาอยู่ในปากรีบวิ่งตามออกมา ดูคล้ายกับว่านางเกิดกลัวขึ้นมาจริงๆ
ฉินเทียนลอบร่ำร้องในใจ ‘เจ้ายังจะกลัวอีกหรือ? ข้าต่างหากเล่าที่ควรเป็นฝ่ายกลัว!’
เขาจำต้องปล่อยเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ตอนนี้การล่าสังหารสัตว์ปีศาจเพื่อเพิ่มเลเวลจึงเป็นเรื่องที่ควรกระทำเป็นอันดับแรก มือทั้งสองของเขายังคงสะบัดออกไปไม่หยุด พลังปราณแผ่พุ่งออกไปทั่วทุกทิศทาง พวกสัตว์ปีศาจกู่ร้องขณะโกรธแค้นที่สหายของพวกมันถูกสังหารไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อฉินเทียนไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของอวิ๋นม่านแล้ว การสังหารหมู่ก็ดำเนินต่อไปราวกับล่าฝูงมอนสเตอร์อยู่ในเกม มันช่างให้ความรู้สึกที่ดีจริงๆ
แม้ว่าอวิ๋นม่านจะยังคงกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวอยู่บ้างเป็นครั้งคราว หากแต่การลงมือของนางกลับดุดันตรงข้ามกับการแสดงออกอย่างสิ้นเชิง แถบผ้าแพรคู่ที่ห่อหุ้มไว้ด้วยพลังปราณของนางถูกสะบัดออกไปโดยรอบ สัตว์ปีศาจที่โชคร้ายต่างบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก พวกที่เหลือรีบถอยห่างจากนางโดยพลัน
ตรงกันข้ามกับฉินเทียน ทางฝั่งเขากลับตึงมือ
แม้ว่าสัตว์ปีศาจระดับที่สองและสามจะไม่ได้มีสติปัญญาสูงนัก กระนั้นพวกมันก็ยังรู้จักเลือกลงมือต่อผู้ที่อ่อนแอกว่า อวิ๋นม่านนั้นราวกับนางเซียนอำมหิต เข่นฆ่าโดยไม่ละเว้น ในขณะที่ฉินเทียนร่างบางกลับดูอ่อนแอกว่า นี่ทำให้พวกสัตว์ปีศาจส่วนมากเลือกเบนเป้ามาที่เขา
เมื่อเห็นว่าสัตว์ปีศาจกลุ้มรุมเข้ามาไม่หยุด ฉินเทียนก็ยิ่งสงบจิตใจให้เยือกเย็นและระมัดระวังมากขึ้น ทันใดนั้น กอลิล่าแขนยาวตัวหนึ่งก็โจมตีเข้าใส่แผ่นหลังของฉินเทียนจนเสื้อฉีกขาด ทิ้งเป็นรอยกรงเล็บสามรอยเอาไว้ โลหิตของฉินเทียนเริ่มไหลซึมออกมาจากบาดแผล
ต้นขาของเขาเองก็ถูกแมงมุมฝังเขี้ยวเข้าไป แต่โชคยังที่มันไม่มีพิษ มิเช่นนั้นเขาคงจบสิ้นไปแล้ว
“นี่ เจ้ายังไหวหรือไม่? ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?” อวิ๋นม่านรู้สึกกังวลขึ้นมาเมื่อเห็นสัตว์ปีศาจลอ้อมกรอบฉินเทียนเอาไว้ นางหวาดกลัวขึ้นมาเมื่อได้โลหิตไหลซึมแผ่นหลังของเขา ผ้าแพรคู่ถูกวัดอย่างดุดันมากขึ้นเพื่อฝ่าวงล้อมเข้าไปใกล้ฉินเทียน
ยิ่งนางลงมือดุดันมากขึ้น ฉินเทียนก็ยิ่งรู้สึกกดดัน
สัตว์ปีศาจทั้งหมดหันมากลุ้มรุมฉินเทียนเพราะได้กลิ่นโลหิต พวกมันถูกกลิ่นอันหอมหวนดึงดูดมาที่เขา ดวงตาของพวกมันยิ่งมายิ่งกระหายเลือด ท่าทางของพวกมันยิ่งดุร้ายหมายขวัญราวกับต้องการจะกลืนกินฉินเทียนเข้าไปให้จงได้
“เพียงปกป้องตัวเองไป” ฉินเทียนยกยิ้มเย็น เขากำลังรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีจริงๆ
ระบบยังคงส่งเสียงแจ้งเตือนออกมาระรัว เมื่อทั้งสองอยู่ในปาร์ตี้เดียวกันแล้ว ฉินเทียนก็สามารถรับค่าประสบการณ์และค่าพลังปราณจากสัตว์อสูรที่อวิ๋นม่านสังหารไปได้ แม้ว่ามันจะน้อยกว่าปกติ กระนั้นมันก็ยังคุ้มค่าอย่างมาก
เมื่อถูกสัตว์ปีศาจจำนวนมากรายล้อมเอาไว้ ฉินเทียนก็ไม่ได้หวั่นเกรงแต่อย่างใด ขาของเขาขยับเคลื่อนไหวขณะที่พลังปราณหมุนเวียนไปทั่วร่าง เพื่อรับมือกับหมาป่าเขี้ยวเขียวที่กระโจนเข้าใส่ เขากำหมัดแนบแน่นก่อนจะต่อยออกไปก่อเป็นรูโลหตขึ้นที่หน้าผากของหมาป่าเขี้ยวเขียว
วินาทีถัดมาฉินเทียนก็สังหารไปอีกหนึ่ง ยิ่งสังหารเขาก็ยิ่งมีความสุข แม้ว่าบางครั้งบางคราวเขาจะได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง หากแต่มันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร
สัตว์ปีศาจกว่าสามสิบตัวถูกล่าสังหารจนหมดสิ้นภายในเวลาครึ่งชั่วโมง แต้มของพวกมันรวมกันได้มากกว่าร้อยแต้ม นี่ถือได้ว่าเป็นลาภก้อนโตที่จะทำให้ผู้อื่นต้องอิจฉาตาร้อน โดยเฉพาะกับฉินเทียนผู้โลภโมโทสัน
กลิ่นหอมของการย่างเนื้อปลาลอยไปทั่วอากาศ ทำให้เหล่าสัตว์ปีศาจตามสูดดมตามกลิ่นมา รวมทั้งฉินหยางเองก็ได้ลอบติดตามมาและหยุดมองทั้งคู่จากหลังต้นไม้
เมื่อได้เห็นการลงมือที่โหดเหี้ยมของฉินเทียนและผ้าแพรที่แหลมคมของอวิ๋นม่านแล้ว มันก็อดสั่นสะท้านไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาของมัน มันยังต้องรอเวลา รอจนทั้งคู่ใช้พลังปราณออกไปให้มากกว่านี้
ดุจดังสำนวนที่ว่า ‘นั่งอยู่บนภูดูเสือกัดกัน’ นี่ก็คือกลยุทธ์ของมัน มันทราบว่าโอกาสที่ดีที่สุดจะปรากฏออกมาเมื่อใด