ตอนที่ 70 มรดกครอบครัว

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

ตอนที่ 70 มรดกครอบครัว

ช่วงปีใหม่ทั้งที จะไม่ไปพบปะครอบครัวญาติมิตรเพื่อนฝูงได้อย่างไรกัน

ครอบครัวไป๋มีหน้าที่ต้องกลับไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่พร้อมของฝากมาตั้งแต่ตอนที่ไป๋หลิงเริ่มรู้เรื่อง จนกระทั่งตอนนี้หน้าที่นั้นก็ได้กลายเป็นหน้าที่ของไป๋หลิงไปแล้ว

ใครบอกให้เธอเกิดมาสวยแล้วพูดจาไพเราะน่าฟังล่ะ แน่นอนว่าไป๋เยี่ยก็พอใจที่ได้พักผ่อนมากเช่นกัน

ไป๋เยี่ยรู้สึกประหม่ากับการไปเจอเพื่อนร่วมชั้น

เพราะมีเพื่อนร่วมชั้นหลายคน และมีเยอะจนแตละคนก็จำไม่ได้ว่ามีคนแบบไป๋เยี่ยอยู่ในห้องเดียวกัน

เขาไม่มีทางเลือกอื่น แถมยังโทษคนอื่นไม่ได้ด้วย เพราะว่าแต่ละคนก็คงจำเพื่อนร่วมชั้นบางคนที่ไม่เคยโผล่หน้ามาเรียนตลอดทั้งปีไม่ได้

อันที่จริง ไป๋เยี่ยเป็นคนจิตใจดีและเป็นมิตร เขาเข้ากับเพื่อนร่วมชั้นได้ดี ชอบอยู่รวมกับคนอื่นเป็นกลุ่ม ถ้าเขาได้ใช้เวลากับเพื่อนๆ มากกว่านี้ บางทีเขาอาจจะมีเพื่อนเยอะก็ได้ แต่แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาของตัวเขาเองเท่านั้น

พอเพื่อนน้อย เวลาที่ได้อยู่กับเพื่อนก็น้อยลงตามไปด้วย แต่ในทางกลับกัน เวลาที่ได้อยู่กับตนเองก็จะเยอะขึ้นแทน นี่ทำให้ไป๋เยี่ยมีเวลาคิดทบทวนและอ่านหนังสือมากขึ้น

ทั้งเถ้าแก่ไป๋และคุณนายหูเอาใจใส่เรื่องการศึกษาของเขามาตั้งแต่เด็ก คงเพราะพวกเขาคิดว่าตนเป็นคนไม่มีการศึกษา จะปล่อยให้ลูกเดินตามรอยของตนเองไม่ได้

เดิมทีพวกเขาอยากให้ไป๋เยี่ยเข้าเรียนที่โรงเรียนเอกชนสำหรับพวกลูกคนรวย แต่หลังจากที่ไป๋เยี่ยไปอยู่ที่นั่นได้สักพักก็ดันไม่ชอบบรรยากาศเสียอย่างนั้น จึงต้องล้มเลิกความคิดนั้นไป

ไม่เจอกันก็ดีแล้ว อย่างไรเขาก็ชินกับชีวิตแบบนี้แล้ว ชีวิตที่ได้พักผ่อนอย่างสบายใจน่ะ

ไป๋เยี่ยไม่ชอบบีบตนเองเข้าไปในกลุ่มคนสักเท่าไหร่ เพราะคนแต่ละกลุ่มย่อมแตกต่างกัน ต่อให้ดึงดันเข้าไปในนั้นได้แล้วจะทำอย่างไรต่อ

เช้าวันที่สาม ครอบครัวไป๋ก็ออกไปกินอาหารเย็นด้วยกันที่ภัตตาคารขนาดใหญ่ในเมืองผิงหยวน

ไป๋ตงหลินมีพี่น้องห้าคน เขาเป็นลูกคนที่สี่ มีพี่ชายหนึ่งคนและพี่สาวสองคน แม้ว่าจะไม่ใช่ครอบครัวใหญ่ แต่เมื่อตอนที่ไป๋ตงหลินยังทำกิจการเหมืองถ่านหินอยู่ พวกพี่น้องของเขาก็ยื่นมือมากอบโกยผลประโยชน์ไปบ้าง

ทั้งยายทวดและตาทวดจากไปนานแล้ว ไป๋เซี่ยงหลี่พี่ชายของไป๋ตงหลินจึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบงานรวมญาติแทน

พอสักสี่ห้าโมง ทุกคนก็เก็บข้าวเก็บของเตรียมเดินทางออกจากบ้านกันแล้ว

ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องตระกูลไป๋ไม่แย่ ตอนนั้นที่ไป๋ตงหลินย้ายมาอยู่เมืองผิงหยวน พวกพี่ๆ ก็คิดว่าเขาล้มละลายจึงคิดจะซื้อบ้านให้ไป๋ตงหลินที่นั่น แล้วก็ค่อยหาช่องทางทำเงินให้เขา

ทว่าไป๋ตงหลินและหูไฉ่อวิ๋นกลับปฏิเสธและบอกไปว่าพวกเขาเหนื่อยมาหลายปีแล้ว อยากจะกลับไปดูแลพ่อแม่ พวกพี่ๆ จึงได้แต่มองเป็นเรื่องล้อเล่นไป

เรื่องนี้ไม่แปลกเลย เพราะว่าไป๋ตงหลินเป็นคนช่วยเหลือพี่น้องมาโดยตลอด ทุกคนจึงเกรงใจไป๋ตงหลินและหูไฉ่อวิ๋นมากจนแทบจะเคารพเลยทีเดียว

ไป๋เซี่ยงหลี่ไม่ได้เรียนหนังสือ เขาทำงานเป็นผู้รับเหมาในหมู่บ้าน ปัจจุบันกำลังรับเหมางานสร้างตึกในเมืองผิงหยวนและทำบริษัทก่อสร้างไปด้วย

ส่วนพี่สาวทั้งสองคนแต่งงานกับสามีจากครอบครัวที่ดี พี่สาวคนโตแต่งงานกับผู้จัดการเหมืองของเหมืองถ่านหินของรัฐ ส่วนพี่สาวคนที่สองแต่งงานกับเจ้าของร้านอาหาร

น้องชายคนเล็กชื่อไป๋จื้อซิน เขาเป็นคนเดียวในหมู่พี่น้องที่ได้รับการศึกษา ซึ่งปัจจุบันเขาได้ทำงานในหน่วยงานแห่งหนึ่ง

เมืองผิงหยวนเป็นเมืองระดับเทศมณฑล ปีนี้ไป๋จื้อซินอายุสามสิบเก้าปี เป็นผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาและมีอำนาจล้นมือ

กล่าวได้ว่าตระกูลไป๋เป็นตระกูลผู้ลากมากดีตระกูลหนึ่ง!

ไป๋เยี่ยจะกลับบ้านปีละหลายครั้ง ดังนั้นคนในครอบครัวจึงคุ้นเคยกันและไม่รู้สึกแปลกแยก แม้แต่ตอนที่เขาไปต่างประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไป๋ตงหลินก็พาทั้งครอบครัวกลับมารวมตัวกันทุกปีในช่วงปีใหม่

ในระหว่างที่พูดคุยกัน ไป๋จื้อซินก็ถามขึ้นว่า “เสี่ยวเยี่ยจะเรียนจบปีนี้ใช่ไหม จะทำอะไรต่อล่ะ จะทำงานเลย หรือว่าเรียนต่ออีก”

ไป๋เยี่ยยิ้ม “คุณอาครับ ผมว่าจะสอบเรียนต่อป.โท เรียนหมอถ้าไม่ต่อป.โทก็หางานยากครับ”

ไป๋จื้อซินพยักหน้า “อาได้ยินมาว่าผลสอบออกแล้วนี่ ผลสอบของหนูเป็นไงบ้างล่ะ แล้วสมัครกับใคร เพื่อนเก่าของอาทำงานอยู่ที่กระทรวงศึกษาธิการของจังหวัดเรา ไม่แน่ว่าเขาอาจจะพอช่วยอะไรได้บ้าง”

ไป๋เยี่ยรินเหล้าให้ไป๋จื้อซินหนึ่งแก้ว “ไม่เป็นไรครับคุณอา ผมสมัครที่เซี่ยงไฮ้ไป ปีนี้ผมได้สี่ร้อยหกสิบเอ็ดคะแนนครับ”

ไป๋เซี่ยงหลี่ได้ยินก็ขมวดคิ้ว “เสี่ยวเยี่ย คะแนนเท่านี้จะทำอะไรได้ ปีนั้นลุงสอบได้ห้าร้อยสิบคะแนนนะ เอ็งทำได้แค่นั้นน่ะไม่พอหรอก ได้ข่าวว่าพ่อเอ็งจะซื้อโรง’บาลให้ไม่ใช่เหรอ งั้นก็ไม่ต้องเรียนมันแล้ว เดี๋ยวพวกลุงระดมทุนกันสร้างโรง’บาลให้ก็ได้เอ้า! ถึงลุงจะไม่มีเงินมากมายอะไรแต่เรื่องสร้างโรง’บาลน่ะเป็นไปได้อยู่แล้ว!”

ไป๋เย่ถึงกับผงะ!

อะไรวะนั่น

ห้าร้อยสิบคะแนน…สี่ร้อยหกสิบเอ็ดคะแนน…

มันไม่เหมือนกันเหรอ

ไป๋เย่ชะงักไปเล็กน้อย ลุงไป๋ดันเอาผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาเทียบกับผลสอบเรียนต่อปริญญาโทนี่สิ

แถมยังมีเรื่องซื้อโรงพยาบาลด้วย สรุปว่าตระกูลนี้มีเชื้อขี้โม้กันหมดสินะ ไม่ใช่แค่บอสไป๋!

ทว่าไป๋จื้อซินนั้นแตกต่างออกไป เขาทำงานด้านการศึกษา เมื่อได้ยินคะแนนอันสูงลิ่วของไป๋เย่ก็ต้องตกใจ “พี่ชายอย่าพูดมั่วซั่วเลย ที่เสี่ยวเยี่ยหมายถึงคือคะแนนสอบเรียนต่อป.โทต่างหาก มีคะแนนรวมห้าร้อยคะแนน สี่ร้อยหกสิบเอ็ดคะแนนนี่ถือเป็นคะแนนที่เยอะมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาก่อนเลย”

ไป๋เซี่ยงหลี่นิ่งไป “เฮ้อ! สอบก็สอบวะ พูดมากชะมัด น่ารำคาญจริงๆ เอ๊ะ ว่าแต่…ป.โทนี่เท่ากับจิ้นซื่อในยุคก่อนๆ หรือเปล่า งั้นก็ไม่เลว บ้านเราจะได้มีจิ้นซื่อสักที เยี่ยมยอด เยี่ยมยอด! กลับไปเอาหนี่ว์เอ๋อร์หง[1]ขวดนั้นมาเปิดดีกว่า ทุกคนมาฉลองกันเถอะ!”

พี่สะใภ้คนโตได้ยินก็ตกตะลึง “คุณทำอะไรน่ะเหล่าไป๋ เหล้านั่นมันต้องดื่มตอนที่ลูกสาวแต่งงานไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงดื่มตอนนี้ล่ะ”

ไป๋เซี่ยงหลี่หันไปมองภรรยาของเขา “ทำไมล่ะ คุณก็มีลูกสาวไม่ใช่เหรอ พ่อผมเลยเอาเหล้าไปเก็บไว้ที่ชั้นใต้ดินแล้วบอกว่ารอลูกสาวแต่งงานก่อนค่อยดื่ม ตอนนี้อายุสามสิบสองแล้วยังขายไม่ออกเลย ส่วนปู่ก็ตายไปตั้งห้าปีแล้ว…ไม่มีใครสนใจเรื่องพรรค์นั้นหรอก น้องสอง น้องสาม กลับไปเอาเหล้ามากันเถอะ ไม่ดื่มตอนนี้แล้วจะดื่มตอนไหน ถูกไหม!”

ลุงไป๋มีลูกสาวอยู่หนึ่งคน ว่ากันว่าเธอไปทำงานที่เมืองหลวง จะกลับมาเยี่ยมบ้านช่วงก่อนปีใหม่แค่แป๊บๆ แล้วก็กลับไปทำงาน

ไป๋ตงหลินยิ้มแล้วดื่มเหล้าฉลองไปกับลุง พอมีเหล้าเข้าปาก ลุงถึงพอจะสงบลงหน่อย

บรรยากาศของทั้งโต๊ะกลับมากลมเกลียวกัน เรื่องการสอบเรียนต่อปริญญาโทของไป๋เยี่ยจึงกลายเป็นเรื่องราวที่สร้างความยินดีให้กับปีใหม่ปีนี้อย่างมาก

ส่วนการแข่งขัน ไป๋เยี่ยยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ เหมือนกับตอนที่ไป๋เยี่ยชนะโอลิมปิก เถ้าแก่ไป๋และคุณนายหูคงไม่รู้เรื่องอะไรเลยถ้าอาจารย์ไม่ได้เป็นคนแจ้งให้พวกเขาทราบ

หลังจากดื่มกินกันจนอิ่มแล้ว ป้าสองผู้ทำธุรกิจร้านอาหารก็เอ่ยขึ้น “ตงหลิน ไหนๆ ก็ไหนๆ เสี่ยวเยี่ยก็ได้ต่อปริญญาโทแล้ว ถ้าไม่มีงานทำจริงๆ สนใจมาทำงานกับพี่ไหม ตอนนี้พวกเราก็ถือเป็นคนมีอำนาจในผิงหยวน หยิบจับอะไรก็เป็นเงินไปหมด! ไฉ่อวิ๋นก็ลองบอกตงหลินดูสิ”

หูไฉ่อวิ๋นยิ้ม “พี่สอง พี่รู้จักนิสัยของตงหลินดีอยู่แล้ว เขาออกจะหัวรั้น ดื้อด้าน หลายปีมานี้เขาก็เอาแต่ทำนั่นทำนี่เยอะแยะไปหมดเลยอยากจะหยุดพักผ่อนบ้างน่ะค่ะ รอให้ไป๋หลิงเข้ามหา’ลัยก่อนค่อยว่ากันก็ได้ค่ะ”

ไป๋เซี่ยงหลี่เป็นคนพูดจาตรงๆ เขาจะพูดทุกอย่างที่อยู่ในใจ “ตงหลิน บริษัทก่อสร้างของพี่กำลังจะรับเหมางานสร้างตึกอีกโครงการหนึ่ง ไม่สนใจมาทำด้วยกันเหรอ”

ไป๋ตงหลินตอบ “ให้ผมไปขนอิฐอะนะ”

ไป๋เซี่ยงหลี่ขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยว่า “ทำไมไปขนอิฐล่ะ เอ็งจะบ้าเหรอ ตอนนี้พวกเราเป็นคนมีการศึกษานะ พี่เลยเปลี่ยนชื่อแผนกเป็นแผนกวิจัยการขนส่งวัสดุการก่อสร้างโดยไม่ใช้เครื่องจักรไงล่ะ!”

[1] หนี่ว์เอ๋อร์หง (女儿红) เหล้าชนิดหนึ่งของจีน