บทที่ 41 เริ่มทำงานวันแรก

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 41 เริ่มทำงานวันแรก

บทที่ 41 เริ่มทำงานวันแรก

ท่ามกลางหิมะที่ตกตลอดทั้งคืน กอปรกับสายลมที่โหมกระหน่ำ ภายในลานบ้าน มีเพียงไผ่สีเขียวเท่านั้นที่ยืนหยัดได้อย่างภาคภูมิ

โจวอี้ไม่ได้รีบไปทำงาน เขายืนอยู่ที่ลานบ้านและเหยียบอยู่บนหิมะอันหนาทึบ ชายหนุ่มจำได้ว่าฤดูหนาวบนภูเขาก็มีหิมะตกเช่นกัน และคลื่นความหนาวเย็นก็โหมกระหน่ำ

ตอนที่คุณยังเด็ก คุณชอบทำอะไรในวันที่หิมะตก?

ปั้นตุ๊กตาหิมะ? หรือปาก้อนหิมะ?

หรือว่าไปจับสัตว์ป่า?

บนใบหน้าของชายหนุ่มเผยรอยยิ้มขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็ซ้อนตุ๊กตาหิมะและแต่งตัวให้มันอย่างชำนาญ

ตุ๊กตาหิมะสามตัว…ดูเหมือนคู่ชายหญิงซึ่งมีลูกสาวที่น่ารักอยู่ตรงกลาง

เมื่อชายหนุ่มปั้นตุ๊กตาหิมะเสร็จสิ้น เขาก็ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเก็บไว้สองสามรูป ก่อนจะออกจากบ้านเพื่อไปโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง

คลินิก TCM แผนกผู้ป่วยนอก

เหลียนซานมาถึงตอนแปดโมงเช้า เธอลงมือทำความสะอาดคลินิกจนเสร็จสิ้นแล้วก็รออย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของแพทย์และพยาบาลหลายคนที่ผ่านไปมา

ก๊อก ๆ

เสียงเคาะดังขึ้นที่ประตูห้องผู้ป่วยนอก แพทย์หญิงชุดขาวสวมแว่นขอบทองยืนอยู่ที่ประตู เธอกอดอกหัวเราะและพูดติดตลกว่า “หมอเหลียน เงินเดือนคุณขึ้นแล้วเหรอ จุ๊ ๆ! นี่มันห้องผู้ป่วยนอกที่พิเศษที่สุดในโรงพยาบาลของเราใช่ไหม?!”

“อย่าสนใจเรื่องของคนอื่น!” เหลียนซานกล่าวอย่างเย็นชา พลางตวัดสายตาปรามอีกฝ่ายไม่ให้ลามปามเกินไปนัก

“โธ่! ทำไมคุณไม่สนใจฉันเลย เหลียนซาน เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันนะ ฉันมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับคุณ! คุณสามารถหางานทำเพื่อช่วยเหลือเด็กกะโปโลที่ไหนก็ได้ นั่นเป็นข้อพิสูจน์ระดับความสามารถทางการแพทย์ของคุณ คุณเก่งมาก”

อวี๋เสี่ยวเชี่ยนกล่าวแสดงความยินดี แต่น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความดูแคลน

เหลียนซานไม่ได้ใส่ใจนัก เธอเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะมาดูเธออับอายขายขี้หน้า และเธอขี้เกียจเกินกว่าจะคุยแล้ว จึงหันหน้าไปอีกด้านหนึ่ง

“อุ๊ย รู้สึกอับอาย ไม่กล้าพูดอะไรงั้นเหรอ?!” อวี๋เสี่ยวเชี่ยนไม่ปล่อยเหลียนซานไปง่าย ๆ และยังคงพูดจายั่วยุอีกฝ่าย

“ไปให้พ้น…!”

เสียงทุ้มดังขึ้น แต่นั่นไม่ได้มาจากปากของเหลียนซาน

“ท่านรองผู้อำนวยการเฉิน…!” อวี๋เสี่ยวเชี่ยนถึงกับผงะ เมื่อเห็นเฉินเจี้ยนหรงยืนอยู่ข้างหลังเธอด้วยสีหน้ามืดมน

และสุดท้ายอวี๋เสี่ยวเชี่ยนก็วิ่งหนีไปด้วยความอับอาย

เฉินเจี้ยนหรงพ่นลมอย่างเย็นชา ทว่าสีหน้าของเขาค่อย ๆ อ่อนลงเมื่อมองไปที่เหลียนซานซึ่งยังคงไม่พูดอะไร

เขาจึงพูดขึ้นว่า “เรื่องที่คุณต้องเป็นผู้ช่วยของโจวอี้ได้แพร่ไปทั่วโรงพยาบาลแล้ว คุณเสียใจเพราะถูกพวกเขาเยาะเย้ยรึเปล่า?”

“เล็กน้อยค่ะ” เหลียนซานไม่ได้ปิดบังความรู้สึกตัวเอง เธอตอบเฉินเจี้ยนหรงออกไปตามตรง

“ถ้าคุณรู้สึกไม่ดีก็ให้อดทนไว้ก่อน แล้วคุณจะได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ดีกับคุณ”

หลังจากที่เฉินเจี้ยนหรงพูดจบ เขาก็ยกมือขึ้นมองนาฬิกา “โจวอี้คงจะมาถึงก่อนเก้าโมง เขาไม่มีประสบการณ์ทำงานในโรงพยาบาล จึงไม่ค่อยรู้เรื่องการให้คำปรึกษา การตรวจเครื่องมือ การรักษา และกระบวนการอื่น ๆ คุณต้องคอยช่วยเหลือและให้คำปรึกษาเขา เพื่อจะได้ไม่มีปัญหา”

“เข้าใจแล้วค่ะ” เหลียนซานพยักหน้า

เมื่อคืนเธอไตร่ตรองดูแล้วก็คิดว่าพอจะเข้าท่าอยู่บ้าง เธอได้ค่าจ้าง และแต่ละสัปดาห์ โจวอี้ก็ใช้เวลาเพียงแค่สองวัน ซึ่งก็จะได้ไม่เสียเวลาของเธอมากนัก

เฉินเจี้ยนหรงมองดูการแสดงออกของเหลียนซาน ก่อนจะส่ายหัวและหันหลังกลับไป

แปดโมงห้าสิบนาที

โจวอี้รีบไปที่แผนกผู้ป่วยนอก เขาแปลกใจที่แพทย์แผนกผู้ป่วยนอกเริ่มทำงานแล้ว และผู้ป่วยก็เข้าแถวรอที่ด้านนอก

เขาเดินเข้าไปในคลินิกที่ปรึกษาก็พบว่าเหลียนซานได้มาถึงก่อนแล้ว และเธอกำลังแคะเล็บอย่างเบื่อหน่าย

“ผมมาสายหรือเปล่า?” โจวอี้ถาม

“คุณไม่ได้มาสาย รองผู้อำนวยการเฉินจัดเวลาพิเศษให้คุณเปิดคลินิกตอนเก้าโมงเช้า” เหลียนซานกล่าวหน้าตาย

“จัดเวลาพิเศษเหรอ แล้วหมอห้องอื่นเริ่มทำงานเมื่อไหร่?” โจวอี้ถาม

“แปดโมงครึ่ง” เธอตอบเสียงเรียบ

“เข้าใจแล้ว” โจวอี้วางของที่เขานำมาติดตัวมาด้วยลงบนโต๊ะ จากนั้นก็คว้าเสื้อคลุมสีขาวที่เหลียนซานส่งให้มาสวมใส่ และพบว่ามันเหมาะกับเขามาก

“ดี!”

เหลียนซานหยิบข้อมูลขึ้นมา เธอคิดในใจว่าใครกันที่จะได้รับสิทธิพิเศษให้ทำงานได้เพียงสองวันต่อสัปดาห์แบบนี้?

เก้าโมงเช้า เวลางานทำงานได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

ทว่าเก้าโมงครึ่งแล้ว…ก็ยังไม่มีผู้ป่วยรายใดมาขอคำปรึกษา

เฉินเจี้ยนหรงเองก็พบว่ายังคงไม่มีผู้ป่วยที่คลินิกของชายหนุ่ม เขาไม่แปลกใจ และยังคุยกับโจวอี้อย่างมีความสุขก่อนจะจากไปอีกครั้ง

โจวอี้รออยู่นานก็ยังไม่มีผู้ป่วยมาพบเขาเลยสักคน

ชายหนุ่มค่อนข้างแปลกใจ เพราะเมื่อหันไปมองห้องอื่น ๆ ก็เห็นแถวที่ยาวออกมานอกห้อง

โจวอี้หันไปหาเหลียนซาน “เกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่มีใครมาห้องเราเลย?”

‘ก็ไม่มีใครอยากมาหาคุณไงล่ะ ขนาดตอนที่ฉันอยู่ในคลินิก ก็ยังมีคนไข้มาไม่ขาด’ เหลียนซานแอบแขวะอยู่ในใจ

อย่างไรก็ตาม เธอไม่กล้าที่จะพูดแบบนั้นออกมาตรง ๆ

เธอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับไปว่า “บางทีข้อมูลของคุณอาจยังไม่เข้าระบบ แผนกผู้ป่วยนอกจึงยังไม่เริ่มนับคุณ”

“เข้าใจแล้ว” โจวอี้พยักหน้า

เก้าโมงห้าสิบสี่นาที

หญิงวัยกลางคนในชุดคลุมท้องเดินเข้ามา โดยมีสามีคอยพยุงไม่ห่าง

โจวอี้นั่งอยู่ที่โต๊ะ และตกใจเสียงเปิดประตู

“สวัสดีครับหมอโจว ภรรยาของผมตื่นเช้ามาบอกว่าปวดท้อง กินยาแก้ปวดก็ไม่หาย เธอเป็นอะไรไม่รู้” ชายวัยกลางคนพูดกับเหลียนซาน

“ฉันไม่ใช่หมอโจว เขาอยู่นั่น” เหลียนซานชี้ไปที่โจวอี้

“คุณเข้าใจผิดหรือเปล่า? เขาเป็นหมอประจำแผนกผู้ป่วยนอกตั้งแต่อายุยังน้อยเลยเหรอ?” ชายวัยกลางคนถึงกับตกตะลึง

“ผมชื่อโจวอี้” โจวอี้พูดอย่างใจเย็น

“คุณมีทักษะทางการแพทย์หรือเปล่า? คุณไม่ใช่เด็กฝึกงานที่เพิ่งจบวิทยาลัยมาหรอกใช่ไหม?” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วถาม

“…”

โจวอี้พูดไม่ออกเล็กน้อย อีกฝ่ายตัดสินคนจากรูปร่างหน้าตา ซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่ดีนัก

เหลียนซานรู้สึกขบขันเล็กน้อย แต่เพื่อไม่ให้อาการป่วยของผู้ป่วยล่าช้า เธอจึงอธิบายว่า “หมอโจวเป็นหมอในแผนกผู้ป่วยนอกของเราจริง ๆ และเป็นแพทย์ที่ปรึกษาด้วย เขาเป็นแพทย์ที่พิเศษที่สุดในโรงพยาบาลของเรา ดังนั้นโปรดวางใจ!”

แพทย์ที่พิเศษที่สุด?

คู่สามีภรรยาวัยกลางคนมองหน้ากัน และในที่สุดก็เดินมาที่โต๊ะด้านในด้วยความสงสัย

“นั่งลง! เหยียดมือขวาออก…”

โจวอี้สังเกตใบหน้าและลิ้นของหญิงวัยกลางคน เขาสัมผัสชีพจรของเธออย่างเงียบ ๆ แล้วถามว่า “ประจำเดือนมาวันสุดท้ายเมื่อไหร่ครับ?”

“ก็อาทิตย์หนึ่งแล้ว”

“เมื่อวานกินข้าวเย็นหรือยัง?” โจวอี้ถามอีกครั้ง

“ใช่ ฉันกินเมื่อวาน ฉันกระวนกระวายใจที่จะไปทำงานตอนเที่ยง ก็เลยไม่มีเวลาไปอุ่นของที่เหลือในตอนเช้า และกินมันทันที แต่ก็ไม่ได้ท้องเสีย ฉันแค่รู้สึกสบายตัวขึ้นนิดหน่อย” หญิงวัยกลางคนอธิบาย

“อืม!”

โจวอี้พยักหน้า

“หมอคะ ฉันมีปัญหาอะไรรึเปล่า?” หญิงวัยกลางคนถาม