บทที่ 128 โศกาอาดูร PART 1

“ผนึกเยือกแข็ง!!”

ม้วนกระดาษสีขาวได้ปรากฏบนมือของแม่มดรีลลิส เธอได้เปิดใช้งานทันที คาถาผนึกเยือกแข็งเป็นคาถาป้องกันธาตุน้ําแข็งระดับหนึ่ง

เมื่อเธอเปิดใช้งานอุณหภูมิโดยรอบก็ลดลงทันที

*ซู่ม*

ลําแสงแห่งความมืดปะทะเข้ากับผนึกเยือกแข็งทําให้พลังความลําแสงลดลงครึ่งหนึ่งทันที รีลลิสได้โดนลําแสงแห่งความมืดเข้าที่ไหล่ขวาของเธอ

ในขณะเดียวกันก็มีลําแสงอีกเส้นหนึ่งมุ่งหน้ามาที่เลอแรนก้า

เธอตกใจแต่ไม่ตื่นตระหนก เธอยกโล่รูนสีเหลืองมาเบื้องหน้าเธอ นี่เป็นอุปกรณ์เวทมนต์ที่เธอแลกเปลี่ยนที่หอสมุด ในตอนแรกเธอคิดว่าไม่ต้องใช้โล่รูนนี้แล้วแต่ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไป ทําให้เธอไม่มีทางเลือกอื่นและต้องใช้งานมัน

*ตูม!*

หลังจากโล่รูนปะทะเข้ากับลําแสงแห่งความมืดเข้าเต็ม ๆ อักษรรูนบนโล่ได้ค่อย ๆ จางหายไปตัวโล่ก็ค่อย ๆ ผุพังและกลายเป็นเศษเหล็กในที่สุด ส่วนเลอแรนก้าเซถอยหลังไปเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะสามารถป้องกับลําแสงได้แต่เธอก็ต้องบาดเจ็บหนัก

เพียงแค่ชั่วพริบตาสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปทันที แม่มดเลอแรนก้ากับแม่มดรีลลิสต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่สามารถต่อสู้ได้

แม้พวกเธอจะเสียท่าแต่ไม่หมายความว่าพวกเธออ่อนแอ ความสามารถโดยรวมของพวกเธอนั้นเก่งกว่าพ่อมดพเนจรแน่นอนแต่ด้วยความแข็งแกร่งของค้างคาวแวมไพร์ ลําแสงแห่งความมืดที่มันยิงออกมามีพลังเทียบเท่าคาถาระดับสอง แค่ตั้งรับเพียงครั้งก็ตึงมือแล้ว

“ฮิฮิ อย่าดิ้นรนอีกเลย อยู่เฉย ๆ และเป็นอาหารของลูกข้าซะ”

ชายชราผมเงินพอใจกับพลังของค้างคาวแวมไพร์มาก เขาได้ทุ่มเทกับมันตลอดหลายสิบปีเพื่อสิ่งนี้ เขาทําทุกอย่างอย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้ดึงดูดสายตาขององค์กรนักเวทย์ หากพวกเขาเริ่มระแคะตะคายเขาจะรีบย้ายไปที่อื่นทันที

เขาตั้งใจไว้ว่า หลังจากฆ่านักเวทย์จากดินแดนมนต์ดําหมดแล้ว เขาจะรีบออกจากเมืองดอน กลินทันทีและหลังจากนั้นก็บ่มเพาะเลี้ยงดูค้างคาวแวมไพร์ของเขาต่อเพื่อให้มันเป็นราชาค้างคาวแวมไพร์เต็มตัว

*โครม!*

คาถากรงปฐพี่ของพ่อมดโฮล์มส์ได้ถูกทําลายโดยค้างคาวแวมไพร์ แสงสีแดงได้ส่องไปทั่วร่างของมัน จากนั้นความเร็วของมันก็เพิ่มขึ้น มันพุ่งไปหาพ่อมดโฮล์มส์

*ตูมตูมตูม*

ค้างคาวแวมไพร์ไม่สนใจการโจมตีของพ่อมดโฮล์มส์ มันพุ่งชนในเขาอย่างเต็มแรง แม้ว่าเสื้อคลุมรูนของเขาจะป้องกันการโจมตีได้แต่มันก็มีขีดกําจัดในการใช้งาน ตอนนี้แสงบนเสื้อคลุมใกล้จะดับลงแล้ว หากปล่อยให้มันโจมตีต่อไปเสื้อคลุมจะไม่สามารถป้องกันตัวเขาต่อได้

ค้างคาวแวมไพร์ได้บินวนไปด้านหลัง มันกําลังเตรียมพุ่งชนอีกรอบ โฮล์มส์ที่โดนโจมตีครั้งก่อน แม้เขาจะไม่เป็นอะไรมากแต่เขายังมีนหัว หากมันโจมตีมาตอนนี้เขาไม่ทางหลบการโจมตีของมันได้

*หวู่ม*

ทันใดนั้นเอง ร่างได้ส่องแสงสีเขียว เขาร่ายคาถาลมพายุและเขาไปช่วยพ่อมดโฮล์มส์

“พ่อมดโฮล์มส์ ถึงเวลาที่พวกเราต้องร่วมมือกันแล้ว ไม่อย่างนั้นเราไม่รอดแน่” เมอร์ลินกล่าวอย่างจริงจัง

สีหน้าของโฮล์มส์ได้ดํามืด เขาไม่เคยรู้สึกจนมุมแบบนี้มาก่อน เขาไม่รู้จะจัดการค้างคาวแวมไพร์ตัวนี้ยังไง

“คุณมีแผนเหรอพ่อมดเมอร์ลิน”

ในเวลาความเป็นความตายเช่นนี้ เขาได้ทิ้งท่าทางหยิ่งยะโสไป เขาไม่ทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับว่าเมอร์ลินเป็นความหวังเดียวของพวกเขาในตอนนี้

เมอร์ลิชําเลืองมองค้างคาวแวมไพร์ เขาลูบไปที่จี้ห้อยคอของเขาเบาๆ หากเขามีลูกไฟยักษ์เก็บไว้ในจี้ เขาก็คงจัดการมันได้สบาย ๆ

เขาสุดหายใจลึกๆ เพื่อสลัดความว้าวุ่นออกไป แม้ว่าจี้ห้อยคอตอนนี้จะไม่สามารถใช้ได้แล้ว แต่ตอนนี้เขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก ดังนั้นเขาตัดสินใจพูดว่า

“พ่อมดโอล์มส์ ฉันต้องการเสื้อคลุมรูนที่คุณกําลังสวมอยู่!”

โฮล์มส์ถึงกับแข็งค้างกับคําขอของเมอร์ลิน เสื้อคลุมรูนตัวนี้เป็นการป้องกันสุดท้ายที่เขามี ถ้าเขามอบให้เมอร์ลินไป เขาจะเหลืออะไรไว้ป้องกันตัว

อย่างไรก็ตาม สายตาที่มุ่งมั่นของเมอร์ลินที่จ้องมาทําให้เขาไม่รู้จะปฏิเสธยังไง เขากลั้นใจและยอมถอดเสื้อคลุมให้เมอร์ลิน

“พ่อมดเมอร์ลิน คุณต้องจําเรื่องนี้ไว้ให้ดี ถ้าคุณแพ้ พวกเราจะตายกันหมด”

เมอร์ลินพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็สวมเสื้อคลุมของพ่อมดโฮล์มส์ เขาสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ที่ปกคลุมร่างกายทันที นี่คือพลังของอักษรรูนแต่มันถูกโจมตีหลายต่อหลายครั้ง พลังรูนไม่สามารถคงอยู่ได้นานนัก

“ถึงฉันจะฆ่าค้างคาวแวมไพร์ไม่ได้แต่ฉันมีโอกาสที่จะฆ่าชายชราผมเงินได้”

เมอร์ลินกล่าวพลางมองไปที่ค้างคาวแวมไพร์กับชายชราผมเงิน ค้างคาวแวมไพร์ที่อยู่ตรงหน้านั้นแข็งแกร่งเกินไปแม้แต่ธารน้ําแข็งก็แทบจะทําอะไรมันไม่ได้

หากเขาอยากจะออกไปจากที่นี่อย่างเป็นๆ ก็ต้องจัดการหมอผีเท่านั้น

อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าชายชราไม่มีทางให้เขาเข้าประชิดตัวได้ง่ายๆ ชายชราสามารถบงการค้างคาวแวมไพร์ได้ง่าย ๆ เพียงปลายนิ้ว ถ้าหากเขาสามารถทนการโจมตีของค้างคาวแวมไพร์ได้ เขาก็มีโอกาสจะเข้าใกล้ตัวของชายชราได้

*หวุ่ม*

เมอร์ลินร่ายคาถาลมพายุพร้อมกับเคลื่อนที่ไปข้างหน้า เขาไปโผล่ตรงหน้าค้างคาวแวมไพร์ และระดมร่ายคาถาใส่มัน

“ลูกไฟ!!”

ลูกไฟจํานวนมากพุ่งเข้าใส่ค้างคาวแวมไพร์อย่างต่อเนื่อง มันมีทั้งลูกไฟธรรมดากับลูกไฟยักษ์ ด้วยพลังจิตของเขาในตอนนี้ เขาสามารถร่ายคาถาลูกไฟสี่สิบลูกพร้อมกันในทันที

“ระเบิด!”

คลื่นความร้อนอันรุนแรงได้แผ่ขยายไปทั่วทั้งถ้ํา เมอร์ลินรู้ว่าแค่นี้ยังไม่พอที่จะจัดการค้างคาวแวมไพร์ เป้าหมายของเขาคือต้องการหยุดการเคลื่อนไหวของมัน

หลังจากเขาร่ายคาถาลูกไฟเสร็จแล้ว เขายังใช้คาถาข่ายสายฟ้าแบบเสริมความแข็งแกร่งและ คาถาแช่แข็งอีกนับไม่ถ้วนใส่ไปที่ค้างคาวแวมไพร์

พ่อมดโฮล์มส์จ้องมองภาพเบื้องพร้อมอ้าปากค้าง เขาไม่คาดคิดว่าเมอร์ลินจะสามารถ ทําให้ถึงขนาดนี้

ส่วนชายชรามองดูเมอร์ลินที่กําลังร่ายคาถาราวกับพายุฝน แม้เขาจะประหลาดใจกับศักยภาพของเมอร์ลินแต่เขาก็ไม่ได้กังวลมากนัก เขารู้ดีว่าการโจมตีพวกนี้ไม่มีทางทําอะไรค้างคาวแวมไพร์ได้

“ต่อให้เจ้าใช้พลังเวทย์จนหมด เจ้าก็ไม่มีทางทําอะไรมันได้หรอก ฮ่าฮ่า”

แต่หลังจากที่ชายชราพูดจบ เขาก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกติ เขาเห็นเมอร์ลินเผยรอยยิ้มออกมา จากนั้นเมอร์ลินก็พุ่งมาหาเขา

“แย่แล้ว เป้าหมายของมันคือข้า!!” ชายชราเพิ่งจะทราบถึงเป้าหมายที่แท้จริของเมอร์ลิน เขาจึงสั่งการให้ค้างคาวแวมไพร์รวบรวมพลังเวทย์เพื่อเตรียมร่ายลําแสงแห่งความมืด

*ซู่ม*

ทางด้านเมอร์ลิน เขาได้พุ่งด้วยความเร็วสูงนี้เป็นครั้งแรกที่เขาใช้คาถาลมพายุที่เสริมความแข็งแกร่ง ความเร็วของมันสูงมากราวกับเทเลพอร์ตไปยังที่หมายเลย

เมื่อถึงที่หมาย เป้าเหมายของเมอร์ลินคือการทําบางสิ่งที่ไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึง