บทที่ 129 โศกาอาดูร PART 2

“ตายซะ!!”

ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น เขาได้เข้าประชิดตัวชายชราผมเงินโดยไม่ทันตั้งตัว เขาได้มองเห็นสีหน้าที่บิดเบี้ยวของชายชรา

“หมอกรัตติกาล!!” เขาร่ายคาถาหมอกรัตติกาลออกมาทันที ไม่ได้ร่ายครั้งเดียวแต่ร่ายออกมาสามครั้ง ทําให้ทั่วทั้งถ้ําเต็มไปด้วยหมอกรัตติกาล

“หอกรัตติกาลงั้นเหรอ? ฮ่าฮ่า นี่เจ้าคิดจะใช้ลูกไม้ตื้น ๆ พรรค์นี้กับข้างั้นเหรอ?”

ในระหว่างที่ชายชราผมเงินกําลังหัวเราะเยาะ เมอร์ลินสัมผัสได้ถึงพลังจิตที่แข็งแกร่งกําลังจะกระชากหมอกรัตติกาลออกจากกัน

แม้ว่าหมอกรัตติกาลจะทําให้ฝ่ายตรงข้ามตกอยู่ภาพลวงตาแต่มันจะส่งผลแค่ผู้ที่มีพลังจิตอ่อนแอเท่านั้นซึ่งชายชราผมมเงินที่ได้รับมรดกจากหมอผี เขาต้องมีพลังจิตที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ โดยพลังจิตของเขาเทียบเท่ากับนักเวทย์ระดับสาม

ดังนั้นชายชราจึงสามารถทําลายหมอกรัตติกาลได้อย่างง่ายดาย

*หวุ่ม หวุ่ม หวุ่ม*

ในขณะเดียวกัน เมอร์ลินรู้สึกได้ถึงอันตรายที่อยู่ข้างหลังเขา แม้เขาจะไม่ใช้พลังจิตตรวจสอบก็รู้ว่ามันคือลําแสงแห่งความมืดที่กําลังร่ายโดยค้างคาวแวมไพร์ ยิ่งกว่านั้นมันยังยิงมามากกว่าหนึ่งครั้งด้วย

ความเร็วของลําแสงแห่งความมืดนั้นสูงมาก หากไม่ได้คาถาลมพายุที่เสริมความแข็งแกร่ง เขาคงไม่สามารถหลบมันได้

อย่างไรก็ตามหากเขาหลบมัน ชายชราผมเงินก็คงหลุดออกมาจากหมอกรัตติกาล หากเป็นอย่างนั้นโอกาสที่จะเข้าประชิดตัวชายชราครั้งที่สองมันคงไม่ง่ายๆ อย่างแน่นอน

ดังนั้นเมอร์ลินจ้องกัดฟันและร่ายคาถาออกมา

“หมอกรัตติกาล”

หมอกรัตติกาลในครั้งนี้เป็นแบบที่เสริมความแข็งแกร่ง หมอกหนาได้ปรากฏขึ้นมาปกคลุมชายชราอีกครั้ง

พลังของมันแข็งแกร่งกว่ามาก แม้ชายชราจะพลังจิตที่สูงมากแต่เมอร์ลินก็มั่นใจว่าจะหยุดชายชราเพียงชั่วขณะได้แน่นอน

ด้วยเวลาเพียงแค่นั้นมันก็เพียงพอแล้วที่เขาจะสามารถฆ่าชายชราได้

“ลูกไฟยักษ์!!”

อย่างที่เมอร์ลินคาดไว้ ชายชราผมเงินได้ตกอยู่ในอํานาจของคาถาหมอกรัตติกาล เขายืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวใด ๆ นี่จึงเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะฆ่าเขา

ลูกไฟยักษ์กําลังพุ่งเข้าใส่ชายชราเข้า ๆ ในขณะเดียวกัน เมอร์ลินร่ายคาถาโล่ปฐพีขึ้นมา

“ตูม!!!*

โล่ปฐพี่ถูกลําแสงแห่งความมืดยิงตรงเข้ามา เมอร์ลินรู้ว่าค้างคาวแวมไพร์มันได้ร่าย ลําแสงมาหลายอัน เขาจึงร่ายคาถาโล่ปฐพีแบบเสริมความแข็งแกร่งเพื่อความไม่ประมาท

แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ สัญชาตญาณของเขาบอกว่าแค่นี้มันยังไม่พอที่จะป้องกันลําแสงแห่งความมืดได้

“ธารน้ําแข็ง”

เมอร์ลินร่าบธารน้ําแข็งขึ้นมาเบื้องหน้าเพื่อลดทองพลังของลําแสง

แม้ว่าเขาจะใช้ทั้งคาถาโล่ปฐพีและคาถาธารน้ําแข็งแต่มันก็ไม่อาจป้องกันลําแสงแห่งความมืดได้อย่างสมบูรณ์

โชคดีที่เขามีการป้องกันอย่างสุดท้าย นั่นคือเสื้อคลุมรูนของพ่อมดโฮล์มส์

*คะคะครึ่ก โครม*

ในที่สุดทั้งสองคาถาก็ไม่สามารถรับมือกับลําแสงแห่งความมืดได้ มันได้พังทลายลงและกําลังตรงมาที่เมอร์ลิน

เขารู้สึกสั่นกลัวที่จะโดนการโจมตีของลําแสงแห่งความมืด

“ตูม!*

เพียงพริบตาลําแสงพุ่งเข้าใส่ตัวเมอร์ลิน พลังของเสื้อคลุมทํางานทันที จากนั้นแสงของอักษรรูนก็ค่อย ๆ หายไป ตอนนี้เสื้อคลุมรูนที่ต้องใช้แต้มสนับสนุนมหาศาลเพื่อที่จะแลกมันมาตอนนี้มันได้ถูกทําลายไปเรียบร้อยแล้ว

*ตุบ*

แม้เสื้อคลุมจะสามารถป้องกันการโจมตีจากลําแสงได้แต่เขาก็ยังได้รับผลกระทบจากมันความเจ็บปวดได้ทิมแทงร่างกายของเขา นอกจากพลังทะลุทะลวงแล้ว ลําแสงแห่งความมืดยังเต็มไปด้วยพลังงานด้านลบที่จะส่งผลต่อผู้ถูกลําแสง

“ระเบิด!!”

ดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด เขาได้ใช้พลังจิตที่เหลืออยู่จุดระเบิดลูกไฟยักษ์อันที่เขาร่ายก่อนหน้านี้ แรงระเบิดได้กระจายออกไปเป็นวงกว้างเปลวเพลิงที่ร้อนแรงได้พัดพาหมอกสีดําให้หายจางไป

โชคดีที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก นอกจากนี้เขายังระงับพลังงานด้านลบด้วยพลังจิตอันทรงพลังของเขา

อาหารบาดเจ็บของเมอร์ลินนั้นร้ายแรงมาก หากเขาเป็นนักเวทย์ธรรมดา เขาคงจะตายไปแล้ว โชคดีที่เขาฝึกฝนกระบวนท่าลึกลับมานานหายปี นั่นทําให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นมากมันเทียบเท่ากับนักดาบธาตุระดับสาม

ตอนนี้เขาได้ทุ่มทุกอย่างในการจัดการชายชราผมเงิน ถ้าเขายังไม่ตาย เมอร์ลินก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้กับเขา

เขาหันไปมองจุดที่ลูกไฟยักษ์ระเบิด

“ก๊าซซ ก๊าซซซ”

ทันใดนั้น ค้างคาวแวมไพร์ได้ส่งเสียงร้องอย่างบ้าคลั่งและบินไปรอบๆ ราวกับว่ามันเสียสติแล้ว

จากนั้นมันก็ร่วงลงบนพื้น มันหายใจขาดช่วง แสงสีแดงบนตัวมันค่อย ๆ หายและค้างคาวก็นิ่งไปในที่สุด

“มันตายแล้วเหรอ?”

ไม่เพียงแค่ค้างคาวแวมไพร์ตัวนี้เท่านั้น ค้างคาวแวมไพร์ตัวอื่น ๆ นับพันที่อยู่ในถ้ําก็ค่อยร่วงตกลงบนพื้น

เมอร์ลินเพ่งมองจุดที่ลูกไฟยักษ์ระเบิด เขามองเป็นร่างของชายชราที่บิดเบี้ยวและไหม้เกรียมจนจําแทบไม่ได้

เมื่อได้เห็นอย่างนั้นเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและนอนแผ่ลงบนพื้น

เขาสํารวจร่างกายและพบว่าทิ้งที่เขาถูกยิงมีเลือดไหลซึมออกมา จากนั้นเขาหันไปมองพ่อมดโฮล์มส์ เลอแรนก้าและรีลลิส มีแค่โฮล์มส์ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก ส่วนคนอื่น ๆ อยู่ในสภาพย่ำแย่

“ในที่สุดเรื่องก็จบซะที เฮ้อ~”

เมอร์ลินสายหัวเบา ๆ แม้เขาจะคิดว่าภารกิจนี้จะอันตรายแต่เขาคิดไม่ถึงว่ามันเกือบจะทําให้ทั้งทีมต้องตาย

แต่ทันใดนั้นเอง เขาลุกขึ้นนั่งและหันไปมองศพของชายชรา เขาจําได้ว่าชายชรามีพลังจิตที่แข็งแกร่งดังนั้นเขาน่าจะมีเทคนิคการทําสมาธิอย่างแน่นอน มันน่าจะเป็นมรกตของแม่มดโบราณจึงทําให้พลังจิตของชายชราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ด้วยเหตุนี้แววตาของเมอร์ลินก็ส่องประกายออกมา เขาได้ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ศพของชายชราผมเงิน