WS บทที่ 130 เดินทางกลับ PART 1

ศพของชายชราดําเป็นตอตะโกแทบไม่หลงเหลือเค้าเดิมเลย

เมอร์ลินใช้พลังจิตตรวจสอบศพ เขาพบแหวนบนนิ้วของเขา ชายชราผมเงินคนนั้นเป็นเพียงนักเวทย์ระดับเริ่มต้นเท่านั้น เขาสามารถสร้างคาถาได้ไม่กี่คาถาเท่านั้นที่เขาแข็งแกร่งขนาดนี้เป็นเพราะศาสตร์ความรู้ของหมอผี

เมอร์ลินหยิบแหวนวงนั้นมาและใช้พลังจิตตรวจภายใน เขาพบพื้นที่ขนาดใหญ่ภายในแหวน มันกว้างว่าแหวนที่เขาได้รับมาจากชายชราอีธานและภายในที่ของต่าง ๆ มากมายถูกใส่ไว้จนหนาขนัด

ของข้างในมีตั้งแต่ส่วนผสมทํายาแล้วยังมีหินธาตุอันล้ำค่ามากมายและยังมีสิ่งของอื่น ๆ เช่น บันทึกของนักเวทย์

เขาได้เปิดอ่านบันทึกแบบคร่าว ๆ และพบว่าเป็นของนักเวทย์จากเมืองแห่งอัคคี

เมืองแห่งอัคคีนั้นมีองค์กรนักเวทย์ที่มีขนาดใหญ่เคียงกับดินแดนมนต์ดําที่มีชื่อว่าแคว้นแห่งธุลีและมีชื่อเสียงพอ ๆ กับหอคอยอเวจี

เนื่องจากบันทึกเล่มนนี้อยู่ในมือของชายชราผมเงินก็แสดงว่านักเวทย์คนนั้นได้ตายไปแล้ว

ยิ่งเมอร์ลินเข้าไปในแหวนมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งพบสิ่งที่น่าประหลาดใจมากขึ้น ชายชราผมเงินคนนี้ได้สังหารนักเวทย์มามากมายและได้ปล้นของมาเป็นจํานวนมาก

และในเมื่อชายชราตายไปแล้ว ของทุกอย่งานี้ก็ตกเป็นของเขา

หลังจากเมอร์ลินค้นของในแหวนมาสักพักเขาก็ยังไม่เจอมรดกของหมอผีเลยเนื่องจากของในแหวมีมากเกินไป เขาจึงจําเป็นต้องใช้เวลามากกว่านี้ในการค้นหาให้ทั่ว ดังนั้นไว้เขากลับถึงดินแดนมนต์ดําเมื่อไหร่เขาจะค้นของในแหวนให้ละเอียด

เมอร์ลินเก็บแหวนเอาไว้อย่างดี จากนั้นก็หันมามองโฮล์มส์ รีลลิสและเลอแรนก้า พวกเขาไม่ว่าอะไรที่เมอร์ลินเก็บของของชายชราผมเงินไว้เพียงคนเดียวเพราะในท้ายที่สุดเมอร์ลินเป็นคนสังหารชายชราเพียงลําพัง เขาที่ลงแรงและเสี่ยงตายมากที่สุดดังนั้นของทั้งหมดควรจะตกเป็นของเขา

เมอร์ลินสํารวจร่างกายของเขา แม้เขาจะยังรู้สึกเจ็บอยู่แต่เลือดได้หยุดไหลแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากเพียงใด

“แม่มดเลอแรนก้า แม่มดรีลลิส พวกคุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

เมอร์ลินมองไปที่พวกเธอ ทั้งคู่มีใบหน้าที่ซีดเซียวจากการโดนโจมตีด้วยนลําแสงแห่งความมืดด้วยร่างกายที่อ่อนแอของพวกเธอคงต้องใช้เวลาพักฟื้นอีกพักใหญ่

“พวกเราไม่เป็นไร”

ทั้งสองคนพยายามลุกขึ้นยืนด้วยกุมบาดแผลเอาไว้ ดูเหมือนพวกเธอจะยังเดินไหว

คนเดียวที่แทบไม่ได้รับบาดเจ็บก็คือพ่อมดโฮล์มส์แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกไม่ค่อยดี เนื่องจากเสื้อคลุมที่เขามอบให้เมอร์ลินก่อนหน้านี้ มันได้พังไปแล้ว

“ภารกิจนี้มันได้ไม่คุ้มเสีย”

โฮล์มส์พึมพําเบา ๆ เสื้อคลุมรุนเขาต้องใช้แต้มแลกมากกว่าสิบแต้ม แม้เขาจะได้รางวัลเป็นแต้มสนับสนุน 50แต้มแต่มันไม่คุ้มกับที่เขาเสียไปเลย

หลังจากนั้นโฮล์มส์ได้เงยหน้าขึ้นและพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่าว่า

“ตอนนี้ภารกิจเสร็จแล้ว ฉันต้องกลับไปหาครอบครัว ดังนั้นฉันจะแยกกับพวกคุณตรงนี้”

พ่อมดโฮล์มส์หันหลังไปทันทีโดยไม่คิดจะชายตามองเมอร์ลิน เขาร่ายคาถาทําลายก้อนหินที่ขวางทางออกและออกจากถ้ำไปพร้อมกับรีลลิส

เมอร์ลินทําได้เพียงส่ายหัวเบา ๆ เขารู้สึกว่านิสัยของโฮล์มส์นั้นแม้จะหยิ่งยะโสไปบ้างแต่โดยรวมเขาก็เป็นคนดี

“ไปกันเถอะเลอแรนก้า”

เมอร์ลินเข้าไปประคองเลอแรนก้าอย่างระมัดระวัง เขาแบกเธอไว้บนหลัง ก่อนที่เขาจะออกไปเขาหันไปมองผู้คนที่ถูกตรึงอยู่กับเสาหิน

*ตูม ตูม ตูม”

เมอร์ลินร่ายลูกไฟใส่เสาให้พังทลาย พวกนักดาบธาตุและนักเวทย์ที่อยู่จับไว้ได้หลุดจากพันธนาการ

“ไปกันเถอะ”

เมอร์ลินไม่สนใจพวกเขา เขาคิดว่าเมื่อเสร็จภารกิจแล้ว จากนี้ก็ไม่น่าจะพบพวกเขาอีกในอนาคต

หลังจากพวกเขาเดินออกมาจากถ้ำ คาเปซกับแคทเธอรีนที่รออยู่ข้างนอกได้เดินตรงมาหาพวกเขา

“ พ่อมดเมอร์ลิน คุณเจอพ่อมดปาริโอกับพ่อของเรารึเปล่า”

เมอร์ลินชี้ไปที่ในถ้ำและพูดด้วยเฉยชาว่า พวกเขาอยู่ในถ้ำและน่าจะไม่เป็นอะไรมาก”

คาเปซถอนหายใจอย่างโล่งอกและโค้งคํานับให้เมอร์ลินด้วยความเคารพ เมอร์ลินชําเลืองมองแคทเธอรีนซึ่งดูโกรธจัด แขนของเธอหายไป นี่คงเป็นบทเรียนครั้งใหญ่สําหรับความดื้อรั้นและไร้เดียงสาของเธอ

พวกเมอร์ลินไม่ได้พูดอะไรอีก พวกเขาเดินทางออกจากเมืองดอนกลินอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะรีบกลับไปรับรางวัลที่ดินแดนมนต์ดํา

*หวุ่ม หวุ่ม”

แสงวาบปรากฏ ณ ใจกลางวงแหวนเวทย์ จากนั้นเมอร์ลินกับเลอแรนก้าเดินโซเซออกมา

เมอร์ลินมองไปรอบ ๆ เขามองเห็นเพียงชายหาดและนกนางนวลบินไปมาเหนือท้องทะเล

“ในที่สุดก็มาถึงซะที” เมอร์ลินส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น แม้ว่าการเดินทางจะราบรื่นแต่ด้วยอาหารบาดเจ็บของเลอแรนก้าทําให้พวกเขาต้องแวะตามทางอยู่บ่อย ๆ

เมอร์ลินมองไปที่แผ่นศิลาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าเขา เขายังจําได้ดีในวันแรกที่เขามาที่นี่และได้พบกับแมวดําลอยออกมาจากแผ่นศิลา

จากตอนนั้นมันก็ผ่านมาได้ครึ่งปีแล้ว ตอนนี้เมอร์ลินเปลี่ยนไปมาก เขากลายเป็นนักเวทย์หกธาตุที่แข็งแกร่ง

“เฮ้อ…”

เมื่อเมอร์ลินกับเลอแรนก้าเข้าใกล้แผ่นศิลา หมอกสีดําก็ลอยออกมาแผ่นหินและหมอกนั่นได้กลายเป็นแมวดําผู้ร่าเริง

“นักเวทย์วัยเยาว์เอ๊ย พวกเจ้าเพิ่งกลับมาจากภารกิจใช่หรือไม่?” เจ้าแมวดํากล่าวพลางแกว่งหาวยาวอย่างแผ่วเบาและสง่างาม

เมอริ้ลนได้ยิ้มให้มันเบา ๆ และนั้นเขาก็เดินไปหามันและโยนหินธาตุน้ำแข็งขนาดหัวแม่โป้ง2ก้อนให้มัน

“เหมียว!”

เจ้าแมวดํารีบคว้มหินธาตุไว้อย่างรวดเร็วและจับพวกมันยัดเข้าปากทันที

“ไม่เลว รสชาติของมันเยี่ยมจริง ๆ พ่อมดหนุ่มเอ๋ย ข้าขอให้เจ้าโชคดี” เจ้าแมวดําพูดอย่างไร้อารมณ์ มันสนใจแต่หินธาตุอันแสนอร่อยของมันเท่านั้น

เมอร์ลินโค้งคํานับให้มันเล็กน้อยและถามเบา ๆ ว่า “ท่านผู้ยิ่งใหญ่ไดอามอส ท่านจําผมได้หรือไม่?”

“หื้ม?” เจ้าแมวดําพิจารณาเมอร์ลินอย่างละเอียด จากนั้นมันได้พึมพําเบา ๆ ว่า “โฮ้ เจ้าคือพ่อมดหน้าใหม่เมื่อครึ่งปีที่แล้ว เจ้าชื่อ…”

ดูเหมือนเจ้าแมวดําจะจําเมอร์ลินได้ เขาจึงตอบไปเบา ๆ ว่า “ผมมีชื่อว่าเมอร์ลิน วิลสันขอรับ”

“ใช่แล้ว พ่อมดเมอร์ลินเองสินะ”

แมวดํายกอุ้งเท้าและชี้ไปที่เมอร์ลินและพูดว่า “ข้าไม่คิดว่าพ่อมดหน้าใหม่อย่างเจ้าจะกลายเป็นนักเวทย์หกธาตุได้ภายในครึ่งปีไม่เลว ข้าผู้ยิ่งใหญ่ไดอามอสพอใจกับกินธาตุที่เจ้ามอบให้มาก ข้าจะมอบของขวัญบางอย่างให้เจ้า”

หลังจากกล่าวจบร่างของแมวดําได้ส่องแสงสีดําออกมา แสงสีดําได้พุ่งไปยังกลางอกของเมอร์ลิน

เขาตกใจอย่างมาก เขาไม่คิดว่าแมวดําตัวนี้จะสามารถทะลุผ่านตัวเขาได้

สําหรับแมวตัวนี้เขารู้เพียงแค่ว่า มันถูกสร้างจากแผ่นศิลาที่จอมเวทย์ฟิเดลเป็นคนสร้างขึ้นทําให้ตัวของมันพิเศษและไม่เหมือนใคร เนื่องด้วยเมอร์ลินมีความรู้เล็กรูนน้อย เขาจึงไม่เข้าใจถึงความสามารถของแมวดําตัวนี้

แต่เขาสัมผัสได้ว่าถึงออร่าที่เข้มข้นยิ่งกว่าค้างคามแวมไพร์ตัวที่เขาสู้เมื่อหลายวันก่อนอย่างเทียบไม่ติด

ทําให้เขาอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา

อย่างไรก็ตามหลังจากแมวดําได้เข้ามาในร่างกายของเขา เขาพบว่าพลังจิตของเขาเปลี่ยนไปมันรู้สึกเบาขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้พลังจิตของเขาได้แบกรับโครงเวทมนต์ของคาถาทั้งหกเอาไว้อย่างหนักหน่วง ราวกับว่าแสงสีดําได้ทําการปลดเปลี้ยงภภาระเหล่านั้นของพลังจิตออกไป

นั่นทําให้เมอร์ลนรู้สึกสงสัยว่า แมวตัวนี้ทําได้อย่างไร

“เอาล่ะ พ่อมดเมอร์ลิน เจ้าไปได้แล้ว!” ไดอามอสดูเหนื่อยเล็กน้อย จากนั้นมันกลายร่างเป็นแสงสีดําและพุ่งกลับเข้าไปในแผ่นศิลา

หลังจากมองตามแสงสีดําอย่างนงง เลอแรนก้าที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างได้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงปนอิจฉาว่า

“คุณแค่ใช้หินธาตุเพียงสองก้อนก็ทําให้ท่านไดอามอสยอมช่วยเหลือคุณ คุณรู้อะไรมั้ยมีนักเวทย์จํานวนมากมอบหินธาตุให้ท่านไดอามอสมากมายแต่ท่านก็ไม่ยอมช่วยใครเลยแม้แต่คนเดียว”

เมอร์ลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาได้หันไปโค่งคํานับให้กับแผ่นศิลา แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทํา ไมแมวดําถึงมาช่วยเขาแต่เขารู้สึกขอบคุณมันมาก

จากนั้นเมอร์ลินกับเลอแรนก้าได้เดินเข้าไปที่ทางเข้าดินแดนมนต์ดําและยกแหวนขึ้นมา ทันใดนั้น เสาแสงสองแห่งได้ห่อหุ้มร่างของเมอร์ลินกับเลอแรนก้าเอาไว้

และทั้งคู่ก็หายวับไปในพริบตา