บทที่ 48 เอาชีวิตของเธอ

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่ 48 เอาชีวิตของเธอ

เจียงเย่เฉิงมาที่นี่?เมื่อได้ยินคำพูดของซูม่านลี ใจของเจียงหยุนเอ๋อกลับรู้สึกบีบคั้น อะไรจะบังเอิญขนาดนี้กัน เจียงเย่เฉิงเพิ่งมา ซูม่านลีก็เกิดอาการอย่างนี้ขึ้น …

หรือว่า… เจียงหยุนเอ๋อพลันคิดถึงความเป็นไปได้อันนี้ซึ่งเธอยากจะทำใจยอมรับ

“แม่!” เจียงหยุนเอ๋อดึงมือของซูม่านลีขึ้น เอ่ยถามอย่างเร่งร้อน “ตกลงพ่อมาทำอะไรแม่?”

ซูม่านลีนอนกะพริบตาบนเตียงคนไข้ เห็นได้ชัดว่าตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ทั้งไม่มีกำลังจะตอบคำถามเจียงหยุนเอ๋อ

เมื่อเห็นซูม่านลีอ่อนแรงอย่างนั้น ใจเจียงหยุนเอ๋อเจ็บปวดเหลือเกิน รีบร้อนปรับหมอนหนุนให้กับซูม่านลี แล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ “แม่ ฉันไม่ถามแล้ว แม่ไม่ต้องคิดอะไรมากนะ พักผ่อนให้เยอะๆ”

ซูม่านลีค่อยๆ หลับตาลง สีหน้าของเจียงหยุนเอ๋อหม่นหมองพลางมองดูซูม่านลีที่กำลังหลับลึก ไม่อาจรู้ได้เลยจริงๆ ว่าเจียงเย่เฉิงมาทำอะไรกันแน่ ทำให้ซูม่านลีตกอยู่ในสภาพอย่างนี้

ในตอนนั้นเอง คุณหมอเดินเข้ามา เมื่อเห็นเจียงหยุนเอ๋อยืนอยู่ที่นั่น จึงรีบตะคอกใส่เธอด้วยใบหน้าดุดัน “เธอเป็นคนในครอบครัวคนไข้ภาษาอะไร?กลับให้คนไข้กินอะไรมั่วซั่ว เธอรู้ไหมว่าสถานการณ์เมื่อครู่มันอันตรายขนาดไหน?”

เจียงหยุนเอ๋อตะลึงงันไป แล้วเอ่ยถามขึ้น “อะ… อะไรนะ?”

เมื่อเห็นท่าทางเจียงหยุนเอ๋อตะลึงงันไป คุณหมอกลับยิ่งโมโห “พวกเรากำชับหลายครั้งแล้ว สภาพคนไข้ในตอนนี้กินได้แต่อาหารรสจืด เมื่อครู่พวกเราตรวจดูสาเหตุที่คนไข้เกิดภาวะฉุกเฉินขึ้น เป็นเพราะพวกคุณป้อนซุปหอยให้คนไข้ ให้เขากินอาหารแบบนั้นต้องการจะเอาชีวิตเธอหรือยังไงกัน?”

แม้จะรู้ว่าเธอไม่ได้เป็นคนผิด แต่เจียงหยุนเอ๋อก็เม้มปากสนิท ไม่ต่อต้านเขาแต่อย่างใด เธอรู้ว่าเป็นความละเลยของเธอเองทำให้เจียงเย่เฉิง ฉวยโอกาสใช้วิธีอย่างนี้ทำร้ายแม่ของเธอ

เจียงหยุนเอ๋อกำหมัดเอาไว้แน่น ร่างกายเริ่มสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ คนที่โดนตำหนิอีกคน ก็คือพยาบาลที่ช่วยดูแลซูม่านลี

“และยังเธออีก เกิดอะไรขึ้น?ให้เธอช่วยดูแลคนไข้ กลับให้ครอบครัวเขาป้อนซุปหอยให้คนไข้ไปได้?ครั้งนี้โชคยังดีที่ช่วยชีวิตเอาไว้ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ เธอจะรับผิดชอบได้ไหม?” คุณหมอมองไปยังพยาบาลคนนั้น พลางเอ่ยตำหนิด้วยความโมโห

พยาบาลคนนั้นยืนชิดมุมตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมา รอจนเมื่อครู่หมอที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเดินจากไปแล้ว เจียงหยุนเอ๋อถึงเดินไปเบื้องหน้าพยาบาลคนนั้น พลางเอ่ยถามขึ้น “คุณหมอบอกว่ามีคนเอาซุปหอยป้อนให้แม่ของฉัน จริงๆแล้วเรื่องมันเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้น?”

พยาบาลคนนั้นเป็นเพราะโดนคุณหมอตำหนิ จนถึงตอนนี้ยังรู้สึกตื่นกลัว เธอก็ไม่กล้าเงยหน้าสบสายตาเจียงหยุนเอ๋อเพียงเอ่ยขึ้นเสียงเบา “คือ… คือเมื่อครู่คุณผู้ชายเจียงมาที่นี่รอบหนึ่ง และป้อนซุปหอยให้คนไข้”

เมื่อพูดถึงตอนนั้น พยาบาลคนนั้นก็เหมือนจะร้องไห้ออกมา “ตอนนั้นฉัน… ไม่รู้ทำไมถึงคิดไม่ถึง ก็เลยไม่ได้ห้ามเขาไว้ ขอ… ขอโทษนะคะ…”

เมื่อได้ยินคำพูดของพยาบาล เจียงหยุนเอ๋อถึงกับโกรธแค้นไฟสุมทรวง เห็นได้ชัดเลยว่า เจียงเย่เฉิงคนนี้ตั้งใจวางแผนทำร้ายแม่ของเธอ!

เวลานั้นเจียงหยุนเอ๋อคิดไปถึงกระทั่งจะไปแจ้งความ ทว่าตำแหน่งอำนาจอันใหญ่โตของเจียงเย่เฉิง นับว่าแม้จะไปแจ้งตำรวจก็อาจไม่สามารถลงโทษเขาได้

เมื่อรู้อย่างนั้น… เธอจำเป็นต้องไปบ้านตระกูลเจียงด้วยตัวเอง

“เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็แล้วกันไปเถอะ ฉันรู้ว่าจะโทษเธออย่างเดียวไม่ได้ แต่หลังจากนี้เธอช่วยดูแลติดตามสถานการณ์ของแม่ฉันด้วย ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นรีบโทรหาฉันทันที คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องอย่าให้เข้ามาในห้องนี้ได้โดยเด็ดขาด เข้าใจไหม?” เจียงหยุนเอ๋อเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

นางพยาบาลพยักหน้าติดต่อกัน “เข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”

เมื่อกำชับพยาบาลแล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็ออกจากโรงพยาบาล เรียกรถแท็กซี่ข้างทางตรงไปยังบ้านตระกูลเจียงทันที

เจียงเย่เฉิง ฉันจะให้แกชดใช้สิ่งที่แกทำ!จิตใจของเจียงหยุนเอ๋อที่อยู่ในรถไม่สามารถสงบลงได้เลย เมื่อคิดถึงใบหน้าชั่วร้ายของเจียงเย่เฉิง ไฟในใจก็ยิ่งปะทุจนแทบคลั่ง

อีกด้านหนึ่ง รถของลี่จุนถิงจอดอยู่ชั้นล่างของบ้านเจียงหยุนเอ๋อครู่หนึ่งแล้วจึงขับออกไป

เมื่อถึงบ้านพลางเก็บของเรียบร้อยแล้ว ลี่จุนถิงพลิกเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะกองใหญ่ขึ้น ทั้งหมดนี้ต่างเป็นงานที่ล่าช้าไปเพราะไปแข่งเป็นเพื่อนถวนจื่อวันนี้

แม้จะดึกแล้ว แต่ลี่จุนถิงกลับราวไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยล้า ยังตั้งใจพลิกดูเอกสาร บ้างเขียนกำกับไปในเอกสารเหล่านั้น

พอเมื่อจัดการงานเรียบร้อยแล้ว ฟ้าด้านนอกก็มืดมากแล้ว ลี่จุนถิงจัดการเอกสารเรียบร้อยแล้ว จึงลุกขึ้นไปอาบน้ำ

เพียงเมื่อเขาลุกขึ้นยืน เขากลับได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สายที่เข้ามากลับเป็นสายจากถวนจื่อ

ลี่จุนถิงขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ รีบรับโทรศัพท์ทันที “เฮลโหล ถวนจื่อ ดึกแล้วยังไม่พักผ่อนอีกเหรอ?แม่ของเธอหล่ะ?”

พูดตามความเป็นจริงแล้ว เจียงหยุนเอ๋อคงไม่ปล่อยให้ถวนจื่อยังไม่นอนจนป่านนี้ หรือเป็นเพราะ… เกิดอะไรขึ้นกับเจียงหยุนเอ๋อ?เมื่อคิดได้ถึงความเป็นไปได้นี้ ใจของลี่จุนถิงกลับกระตุกขึ้น น้ำเสียงมีความกังวลใจ

“คุณพ่อ ผมอยู่บ้านคนเดียว ผมกลัวจังเลย” ถวนจื่อเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล จากน้ำเสียงของเขาฟังได้ชัดถึงความเหนื่อยล้า แต่พยายามอย่างยิ่งที่จะฝืนไม่นอน

“แม่ของเธอไม่อยู่บ้านหรอกหรือ?” ดึกขนาดนี้แล้ว เจียงหยุนเอ๋อออกไปไหน?และยังทิ้งให้ถวนจื่ออยู่ในห้องคนเดียวอีก?

ถวนจื่อเอ่ยขึ้นเสียงเบา “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับคุณยายแล้ว เพราะอย่างนั้นคุณแม่ก็เลยไปโรงพยาบาล… คุณแม่ออกไปนานแล้ว ยังไม่กลับมาเลย… คุณพ่อ ผมอยู่บ้านคนเดียว ผมกลัวเหลือเกิน”

ลี่จุนถิงนิ่งงันไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยปลอบขึ้น “ถวนจื่อ ฉันจัดการให้บอดี้การ์ดสองคนอยู่ คุณลุงสองคนนั้นเธอก็รู้จักใช่ไหม?พวกเขาอยู่นอกประตู เพราะอย่างนั้นเธอไม่ต้องกังวลไปนะ”

“แต่ว่า… คุณแม่ไม่อยู่บ้าน ผมกลัวมากเหลือเกิน… “ ถวนจื่อกลัวจนแทบร้องไห้ออกมา

ลี่จุนถิงรู้ดีว่าเด็กฉลาดอย่างถวนจื่อน้อยครั้งนักที่จะแสดงอาการอย่างนี้ ทันใดนั้นใจก็อ่อนลงทันที รู้ได้เลยว่าเขาแทบจัดการอะไรกับเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้เลย

“ถวนจื่อ อย่าร้องไห้ ในเมื่อคุณแม่ไม่อยู่บ้าน พ่อจะไปอยู่เป็นเพื่อนตอนนี้เลยดีไหม?”

เมื่อถวนจื่อได้ยินดังนั้น จึงกล้ำกลืนคำพูดไว้ในทันที พลางเอ่ยขึ้น “ครับ”

เมื่อวางสายแล้ว ลี่จุนถิงกลับเปลี่ยนเสื้อแล้วเดินออกจากประตูไป พ่อบ้านที่อยู่อยู่ตรงห้องโถงเห็นลี่จุนถิงจะออกจากบ้านในเวลาดึกเช่นนี้ อดประหลาดใจไม่ได้ “จุนถิง ดึกขนาดนี้แล้ว ยังจะออกไปข้างนอกอีกเหรอครับ?”

“อืม” ลี่จุนถิงเอ่ยตอบเบาๆ “คืนนี้ฉันคงไม่กลับแล้ว ลุงหลี่คุณพักผ่อนได้แล้ว ไม่ต้องรอฉัน”

เมื่อพูดจบ ลี่จุนถิงก็เดินจากไปทันที

พ่อบ้านเห็นเพียงเงาไล่หลังลี่จุนถิง แม้ในใจจะสับสน แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงส่ายหัวไปมาเท่านั้น