บทที่ 49 ต้องการอะไรกันแน่

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่ 49 ต้องการอะไรกันแน่

พูดถึงเจียงหยุนเอ๋อที่ทิ้งถวนจื่ออยู่บ้านคนเดียวนั้น จริงๆแล้วลี่จุนถิงก็โกรธเธออยู่เหมือนกัน ทั้งๆ ที่รู้ว่าถวนจื่อเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น ดึกขนาดนี้ก็ยังไม่กลับบ้าน หรือว่า… สถานการณ์ที่โรงพยาบาลหนักหนาเอาการ

เมื่อคิดอีกทีแล้ว ลี่จุนถิงรู้ดีจากนิสัยของเจียงหยุนเอ๋อก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจไยดีถวนจื่อ อย่างนั้นยิ่งชัดเจนว่าสถานการณ์แม่ของเขาเอาจะแย่กว่าที่คิดไว้

คิดได้ดังนั้น ลี่จุนถิงก็ไม่โกรธอีกต่อไป เพียงเก็บกลืนความโกรธกลับไป รีบขับรถพุ่งไปยังบ้านของเจียงหยุนเอ๋อ

เจียงหยุนเอ๋อที่อยู่ในการคาดเดาของลี่จุนถิงตอนนี้กำลังพุ่งตัวไปยังบ้านตระกูลเจียง เธอไม่กริ่งเกรงสิ่งใด มุ่งตรงไปยังประตูใหญ่ของตระกูลเจียง พลางทุบประตูอย่างแรง

“ใครหน่ะ?” เสียงฝู้ชูเหมยลอยออกมาจากห้องโถงใหญ่อย่างเบื่อหน่าย “ดึกดื่นป่านนี้ ยังจะมาทุบประตูเสียงดัง จะรบกวนชาวบ้านหรือ?”

เมื่อได้ยินเสียงหญิงคนนั้น ใจของเจียงหยุนเอ๋อก็ยิ่งขุ่นแค้นยิ่งขึ้น พลางตบประตูด้วยเสียงอันดังยิ่งขึ้น

ไม่นานนัก ก็มีคนมาเปิดประตูให้กับเธอ สาวใช้คนนี้รับใช้บ้านตระกูลเจียงมาตลอด และรู้ถึงตำแหน่งของเจียงหยุนเอ๋อเมื่อเห็นเจียงหยุนเอ๋อที่มาพร้อมกับความคั่งแค้น ก็ให้รู้สึกประหลาดใจ

“คุณหนูใหญ่…” เธอตะโกนเสียงดังออกมา พลันนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเรียกผิดไป “เอ่อ… ไม่… คุณเจียง…”

เจียงหยุนเอ๋อไม่มีอารมณ์จะสนใจเธอ เพียงแต่เดินผ่านเธอเข้าไปในบ้านตระกูลเจียง แล้วตะโกนเสียงดังขึ้น “เจียงเย่เฉิง ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”

เมื่ได้ยินเสียงที่คุ้นหูแบบนั้น ฝู้ชูเหมยรีบลุกขึ้นจากโซฟา มองไปยังเจียงหยุนเอ๋อที่พุ่งพรวดเข้ามาอย่างไม่เชื่อสายตา “เป็นเธอเองเหรอ?เธอมาทำไม?”

“เหอะ” เจียงหยุนเอ๋อกระแทกเสียงเย็นชา “เธอไม่ไปถามสามีคนดีของเธอว่าไปก่อเรื่องอะไรมาเสียหล่ะ อ้อ จะว่าไป ไม่แน่อาจจะเป็นเธอก็ได้ที่เชื่อมโยงเรื่องทั้งหมดเข้าด้วยกัน”

ในตอนนั้น เจียงเย่เฉิงก็ลุกขึ้นมาแล้วเช่นเดียวกัน วินาทีที่เห็นหน้าเขา สีหน้าเจียงหยุนเอ๋อพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา พุ่งเป้าไปที่เขาทันที “เจียงเย่เฉิง คุณยังมีความเป็นคนอยู่ไหม!ฉันและแม่ของฉันอย่างน้อยๆ ก็เคยเป็นครอบครัวเดียวกันมาหลายปีแล้ว คุณมีความจำเป็นอะไรต้องถึงกับฆ่าแกงกันแบบนี้ ยังมีจิตใจเหี้ยมโหดตั้งใจจะทำร้ายเธออีกหรือ?”

เจียงเย่เฉิงเริ่มแรกตะลึงงันไป ถูกเจียงหยุนเอ๋อด่าทออย่างนี้ อย่างไรก็ต้องมีอารมณ์อยู่บ้าง จึงเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ “หยุนเอ๋อ เธอพูดเหลวไหลอะไร?ฉันจะทำเรื่องอย่างนั้นลงไปได้ยังไง?”

“เลิกแกล้งโง่สักที!” เมื่อเห็นท่าทาง เจียงเย่เฉิงอย่างนี้ เจียงหยุนเอ๋อยิ่งแค้น แค้นที่พ่อตัวเองเป็นคนแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกอับอายเหลือเกิน

“เรื่องที่คุณทำถูกตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว!คุณอย่ามาเสแสร้งอีกเลย!ในเมื่อคุณกล้าทำเรื่องอย่างนั้นออกมาได้ ก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง ฉันจะไปแจ้งความเดี๋ยวนี้!”

เมื่อพูดจบ เจียงหยุนเอ๋อก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เห็นนิ้วของเธอกดลงบนหน้าจอไปมา เจียงเย่เฉิงก็เริ่มร้อนใจขึ้น แย่งโทรศัพท์ในมือเธอไปทันที แล้วปาลงบนพื้นอย่างแรง

เจียงหยุนเอ๋อตาค้างมองเจียงเย่เฉิงปาโทรศัพท์ตัวเองลงกับพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วหัวเราะขึ้นอย่างเหยียดหยัน “คุณยังกล้าพูดหรือว่าไม่ได้ทำเรื่องอย่างนั้นลงไป?ตอนนี้คุณเริ่มกลัวแล้วใช่ไหม?”

เจียงเย่เฉิงหน้านิ่งไม่เอ่ยอะไรออกมา พลางมองไปยังเจียงหยุนเอ๋อครู่ใหญ่ ถึงจะเอ่ยขึ้น “ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไรกัน ไม่อย่างนั้นเธอเล่าให้ฉันฟังซิ ให้ฉันเข้าใจว่าเรื่องราวเป็นยังไงมายังไง”

เจียงหยุนเอ๋อส่งสายตาระแวงสงสัยไปยังเจียงเย่เฉิง พลางนิ่งงันครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยขึ้น “อาการของแม่ฉันจู่ๆ ก็วิกฤต ถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน ต่อมาคุณหมอบอกกับฉันว่า เป็นเพราะคุณป้อนซุปหอยให้แม่ฉันกิน แต่สภาวะของแม่ฉันตอนนี้กินอะไรแบบนั้นไม่ได้ คุณพูดสิคุณทำอย่างนั้น ต้องการอะไรกันแน่?

“เอ่อ…” สีหน้าเจียงเย่เฉิงเปลี่ยนแปรไปแทบดูไม่ได้ พลันหันหน้าเอ่ยเรียก “ชูเหม่ย หนิงเอ๋อ พวกเธอมานี่ที”

ฝู้ชูเหมยและเจียงหนิงเอ๋อเดินมาจากโซฟาตัวนั้น สีหน้าทั้งสองคนล้วนดูไม่ได้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่ต้อนรับเจียงหยุนเอ๋อ

“เย่เฉิงมีอะไรหรือ?” ฝู้ชูเหมยแสร้งยิ้มพลางเดินมาข้างกายเจียงเย่เฉิง พลางยื่นมือออกมาลูบไปที่หลังของเขาเบาๆ ราวกับจะช่วยเขาคลายอารมณ์โกรธ

คาดไม่ถึงเมื่อฝู้ชูเหมยกำลังจะยื่นมือออกไปนั่นเอง กลับถูกเจียงเย่เฉิงปัดออกไป ฝู้ชูเหมยจ้องตาโตเขม็ง เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “เย่เฉิง นี่คุณ…”

เอ่ยยังไม่ทันขาดคำ ฝู้ชูเหมยเห็นมือของเจียงเย่เฉิงยกขึ้นสูง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แล้วเสียง “เพี้ยะ” ก็ดังขึ้น ฝ่ามือตบลงบนหน้าเธอเต็มๆ เธอยื่นมือขึ้นเกาะกุมใบหน้าเอาไว้ พลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดร้อนผ่าวบนใบหน้า

เจียงเย่เฉิงระบายความโกรธไปอย่างเต็มที่ ตบหน้าฝู้ชูเหมยเต็มแรงจนเลือดกบปาก ตบหน้าฝู้ชูเหมยไปฉาดนี้

เจียงเย่เฉิงยังไม่คิดจะหยุดอยู่แค่นั้น พลันตะโกนขึ้นเสียงดัง “ฝู้ชูเหมย เรื่องทั้งหมดนี้เธอเป็นคนวางแผนใช่ไหม!จิตใจทำไมถึงเหี้ยมโหดได้ขนาดนี้!ชีวิตคนเธอยังถึงกลับทำไปได้อย่างไม่ลืมหูลืมตาเลยเหรอ?

ฝู้ชูเหมยกุมใบหน้าเบาไว้ไม่เอ่ยอะไรออกมา เจียงหนิงเอ๋อในอีกด้านเมื่อเห็นเหตุการณ์เหล่านี้กลับตะลึงงันไปแล้ว คาดไม่ถึงเลยว่าพ่อของตัวเองจะลงมือกับแม่ของเขาต่อหน้าเธอ

เจียงหนิงเอ๋อรีบเข้ามายืนขวางหน้าฝู้ชูเหมยเอาไว้ เอ่ยถามเจียงเย่เฉิงเสียงดัง “พ่อ พ่อทำอะไรลงไป?เรื่องมาจนถึงตอนนี้ พ่อยังจะเข้าข้างผู้หญิงคนนั้นอีกเหรอ?ตกลงนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

แม้เจียงหยุนเอ๋อก็คาดไม่ถึงว่าเจียงเย่เฉิงจะถึงกับลงไม้ลงมือฝู้ชูเหมย แต่นี่ก็ยังไม่อาจหยุดยั้งความโกรธของเธอได้

เธอจดจ้องไปยังทั้งสามพลางเอ่ยถามขึ้น “จิตใจพวกคุณช่างอำมหิตดีจริงๆ ก่อนหน้านี้ไม่ช่วยเหลือแม่ฉันที่เกือบตายก็ช่างเถอะ ตอนนี้ยังจงใจให้แม่ฉันกินซุปเห็ด คุณรู้ไหม ทั้งหมดเป็นเพราะซุปเห็ดที่พวกคุณส่งไป แม่ฉันกินไปเกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว!”

เมื่อนึกภาพซูม่านลีนอนบนเตียงผู้ป่วยสภาพอ่อนแรง ไฟแค้นในใจเจียงหยุนเอ๋อกลับโหมกระพือขึ้น “พวกคุณคิดจะทำร้ายแม่ฉัน ก็ช่วยถามความเห็นฉันด้วย ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ ฉันก็ไม่เกรงจะให้พวกคุณได้ลิ้มรสรสชาติความเจ็บปวดเหมือนกัน”

เมื่อได้ยินคำพูดอย่างนั้นจากเจียงหยุนเอ๋อสีหน้าเจียงหนิงเอ๋อกลับดูไม่ได้ขึ้นมาทันที เธอหัวเราะประชดประชัน แล้วเอ่ยขึ้น “อะไรกัน?เพราะแม่เธอชอบกินซุปหอยนั่น พ่อฉันก็เลยส่งไปให้ไง อยากให้เขาสั่งสอนเธอ เจียงหยุนเอ๋อเธอเลิกพูดให้ร้ายใส่ความคนอื่นได้แล้ว”

อะไรนะ?หรือเจียงเย่เฉิงไม่รู้เรื่องนี้?เจียงหยุนเอ๋อขมวดคิ้วขึ้น มองดูสีหน้าเจียงหนิงเอ๋อชั่วครู่หนึ่งกลับมองไม่ออกว่าเขากำลังหลอกเธออยู่หรือเปล่า

แต่ทว่า… เจียงหนิงเอ๋อก็ไม่จำเป็นต้องโกหก ยิ่งทำให้เธอรู้ว่าเจียงเย่เฉิงเป็นคนลงมือยังจะทำให้เธอปวดใจมากกว่า

เจียงหยุนเอ๋อมองไปยังครอบครัวนี้ที่อยู่ตรงหน้า เพียงรู้สึกว่าแต่ละคนต่างเล่นละครใส่กัน ไม่มีใครที่เธอจะไว้เนื้อเชื่อใจได้เลย

กลับกัน ครอบครัวนี้ก็ไม่ได้เพิ่งจะมาเล่นละคร ความโกรธแค้นเต็มอกเจียงหยุนเอ๋อในตอนเริ่มต้นจนถึงตอนนี้ค่อยๆ กลายเป็นความด้านชา ยิ่งไปกว่านั้นกลับรู้สึกสู้ทนดูละครเรื่องนี้ต่อไปจะดีกว่า