บทที่ 50 หยุนเอ๋อระวังด้วย
ขณะนั้น เจียงเย่เฉิงพลันทรุดตัวนั่งลงกับพื้น ท่าทางซึมเซาสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ม่านลี…เกิดเรื่องแล้ว?เพราะ… ซุปเห็ดที่ฉันให้ไป?” เจียงเย่เฉิงริมฝีปากกระซิบกระซาบ เอ่ยขึ้นเสียงเบา
เจียงหยุนเอ๋อมองเขาอย่างตกตะลึง ในใจกลับไม่มีความรู้สึกอะไรอีกต่อไป เพียงรู้สึกน่าหัวเราะเยาะ เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว ชายตรงหน้ายังมาแสดงท่าทีรู้สึกผิดอะไรอีก ช่างจอมปลอมเหลือเกิน
เธอไม่อยากจะมาคิดว่าอีกแล้วว่าการแสดงตรงหน้าเป็นความจริงหรือการเสแสร้ง สรุปแล้ว ไม่ว่าเจียงเย่เฉิงจะแสดงอะไรออกมา ก็ไม่ได้รับการอภัยจากเขาอยู่ดี
เจียงหยุนเอ๋อยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับ กลับเห็นฝู้ชูเหมยทันใดกลับแปรเปลี่ยนเป็นเสียสติขึ้น
เมื่อเห็นเจียงเย่เฉิงราวกับสติหลุดไปแล้ว เธอกลับรู้สึกโกรธและไม่ยุติธรรม พลางชี้หน้าเจียงเย่เฉิง “เจียงเย่เฉิง!ฉันคิดแล้วว่าเธอต้องยังไม่ลืมนางแพศยาคนนั้น!แม้มันจะป่วยร่อแร่ใกล้ตายอยู่นั่นแล้ว เธอก็ยังไม่ลืมมัน!”
“ชูเหม่ย ทำไมแม่ถึงพูดอย่างนี้?” เจียงเย่เฉิงขมวดคิ้วเข้ม คำพูดฝู้ชูเหมยทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
ฝู้ชูเหมยไม่โกรธแต่กลับยิ้มขึ้น พลางกุมใบหน้าตัวเองไว้ แล้วเอ่ยขึ้น “เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เธอเพิ่งจะคิดจะปกป้องนังผู้หญิงคนนั้นเหรอ?เธอกล้าตบฉันเพื่อผู้หญิงคนนั้น?ใช่ ฉันตั้งใจเอง ฉันตั้งใจให้เธอเอาซุปหอยนั่นไปให้มันกิน น่าเสียดายเหลือเกิด นับว่านังแพศยานั่นดวงดีนัก ฉันละรอให้มันไม่ตายแทบจะไม่ไหวแล้ว!”
“ฝู้ชูเหมย!นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!” เจียงเย่เฉิงรีบเอ่ยขัดคำพูดฝู้ชูเหมย
“เกินไปเหรอ?ฉันทำเกินไปเหรอ?เจียงเย่เฉิง แกคิดว่าเธอเป็นคนดีนักเหรอ?ซุปหอยนั้น แกเป็นคนป้อนให้นังแพศยานั่นกลืนลงไปเอง!ฉันรู้ ว่ามันมีความดันเลือดสูง ถ้ากินซุปนั่นเข้าไปต้องเป็นอันตรายแน่ แล้วยังไงหล่ะ?แกมีปัญญาแจ้งตำรวจมาจับฉันไหม!เจียงเย่เฉิง แกดูสิแกมีปัญญาไหม!”
เมื่อได้ยินที่ฝู้ชูเหมยพูด เจียงหยุนเอ๋อถึงกับตื่นตะลึง ที่แท้… เจียงเย่เฉิงก็ไม่ได้เป็นคนลงมือจริงๆ?แต่ว่า… ในสายตาของเธอตอนนี้ ฝู้ชูเหมยได้กลายเป็นคนร้ายที่ไม่สมควรได้รับการให้อภัยแล้ว
ถึงแม้เจียงเย่เฉิงจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ฝู้ชูเหมยนับว่าจิตใจเหี้ยมโหดนัก ร่างของเจียงหยุนเอ๋อสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ เธอมองไปยังฝู้ชูเหมยและเจียงหนิงเอ๋อด้วยความโกรธแค้น ทันใดนั้นก็พุ่งตัวออกไป ยื่นมือตบหน้าฝู้ชูเหมยฉาดใหญ่
“ครั้งนี้นับว่าฉันทำแทนแม่ของฉัน!” เจียงหยุนเอ๋อเบิกตาจ้องไปยังฝู้ชูเหมยแล้วเอ่ยขึ้นด้วยความเกลียดชัง
ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างตกตะลึงกับการกระทำของเจียงหยุนเอ๋อยืนนิ่งอยู่กับที่ ฝู้ชูเหมยชี้นิ้วไปยังเจียงหยุนเอ๋อแต่กลับพูดอะไรไม่ออก เจียงหนิงเอ๋อกลับพุ่งตัวออกมา ด่าทอเจียงหยุนเอ๋อ“เจียงหยุนเอ๋อ!แกเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไง!แกกล้าตบหน้าแม่ฉัน อยากตายหรือยังไง?”
“ฉันแค่ตบหน้าเขา แต่เขาหล่ะ?ที่เขาต้องการ คือชีวิตแม่ของฉัน!”
เจียงหนิงเอ๋อปราดตามองเจียงหยุนเอ๋ออย่างไม่พอใจ คิดจะหาทางเอาคืน แต่ในตอนนั้นเองเจียงเย่เฉิงกลับเดินออกมา ห้ามเจียงหนิงเอ๋อไว้ พลางออกคำสั่ง “หนิงเอ๋อหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“พ่อ!” เมื่อเห็นท่าทางเจียงเย่เฉิงที่ยั้งมือเธอเอาไว้อย่างเอาจริง เจียงหนิงเอ๋อเบิกตาโพลงด้วยความประหลาดใจ ฝู้ชูเหมยก็เริ่มร้องห่มร้องไห้
“เจียงเย่เฉิงฉันมองคนผิดไปจริงๆ!ฉันจริงใจกับเธอขนาดนี้ เธอกลับตอบแทนฉันแบบนี้ได้!” ฝู้ชูเหมยตัดพ้อด้วยความเจ็บแค้นรันทด
เจียงเย่เฉิงส่ายหน้า ใบหน้าราวกับรู้สึกเจ็บปวดลึกในใจ “ชูเหม่ย ฉันก็ไม่คิดเหมือนกัน ว่าเธอจะทำเรื่องที่ไร้ขอบเขตได้ถึงขนาดนี้!”
“เจียงเย่เฉิง!ถึงตอนนี้เธอกลับเล่นละครเป็นแล้วเหรอ?เรื่องไร้ขอบเขตแบบนี้ อย่างกับว่าเธอเองก็ไม่เคยทำอย่างนั้นแหละ?อย่าเอาเรื่องทุกอย่างโยนมาใส่ฉันคนเดียว!”
ฝู้ชูเหมยพลันเริ่มเสียสติไป จากนั้น เธอก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องครัว ในขณะที่ทุกคนยังไม่ได้สติกลับมา เธอวิ่งกลับมาพร้อมมีด พุ่งตรงไปยังเจียงหยุนเอ๋อ
เธอเดินตรงไปยังเจียงหยุนเอ๋อพลางพูดกับตัวเองงึมงำ “ทั้งหมดเป็นเพราะแก!ลูกสาวนังแพศยาอย่างไรก็คือแพศยา!ถ้าไม่เป็นเพราะแก จะเกิดเรื่องมากมายนี้ขึ้นได้อย่างไรกัน!ไม่แน่นังแพศยาซูม่านลีก็คงได้ตายนานแล้ว!ตอนนี้ฉันจะฆ่าแก จากนี้จะได้ไม่ต้องมีเรื่องยุ่งวุ่นวายอะไรอีก!”
เมื่อเห็นคมมีดแวววับพุ่งตรงมายังเธอ เจียงหยุนเอ๋อรับรู้ได้ถึงความกลัวแวบหนึ่ง ถึงกับก้าวขาไม่ออก
“
“ฝู้ชูเหมย!เธอบ้าไปแล้วเหรอ!” เจียงหยุนเอ๋อพยายามข่มความกลัวพลางมองไปยังฝู้ชูเหมยที่ใกล้เข้ามาทุกที เอ่ยถามขึ้นเสียงดัง
ทันใดนั้นฝู้ชูเหมยก็ส่งเสียง “หึ หึ หึ” พลางแสยะยิ้ม คนทั้งคนราวกับกลายเป็นคนเสียสติไปแล้ว
“ใช่ ฉันเป็นบ้าไปแล้ว! เป็นเพราะแกไง!เพียงแค่แกตายไป ฉันก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว!”
ก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น เจียงเย่เฉิงพลันตะโกนขึ้น “ฝู้ชูเหมย เธอวุ่นวายพอหรือยัง!”
เขาพุ่งตัวเข้าไปหยุดฝู้ชูเหมยเอาไว้ ฝู้ชูเหมยพยายามยื้อยุดครู่หนึ่งแต่ก็ต้านแรงเขาไม่ไหว ในที่สุดมีดในมือก็ถูกเขาแย่งไปได้และขว้างไปที่พื้น
“เธอสงบสติอารมณ์หน่อยได้ไหม!” เจียงเย่เฉิงพูดกับฝู้ชูเหมยเสียงเข้ม
ฝู้ชูเหมยยังคงดึงดันต่อไป สายตาจดจ้องไปยังเจียงหยุนเอ๋ออย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับจะฉีกเธอให้แหลกเป็นหมื่นชิ้น “สงบเหรอ?เธอจะให้ฉันสงบยังไง?สงบใจเห็นเธอคิดถึงผู้หญิงอีกคน ปกป้องผู้หญิงอีกคนอย่างนั้นหรือ?”
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เจียงเย่เฉิงรู้ดี เจียงหยุนเอ๋อไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อไป จึงหันไปตะคอก “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”
เมื่อเห็นมีดร่วงหล่นบนพื้น เจียงหยุนเอ๋อพลันก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับที่ เจียงเย่เฉิงพูดออกมาอย่างนั้น เธอก็ไม่มีอารมณ์จะอยู่ต่อไปแล้ว ในหัวคิดแต่เพียงต้องรีบออกไปจากที่นี่
ฝู้ชูเหมยในตอนนี้ราวกับเป็นบ้าไปแล้ว ไม่แน่ว่าจะทำเรื่องอะไรขึ้นมาอีก
ในชั่ววินาทีที่เจียงหยุนเอ๋อหันหลังกลับนั้น เจียงหนิงเอ๋อกลับหยิบมีดที่วางอยู่บนพื้นขึ้น คิดถึงความรันทดที่ฝู้ชูเหมยได้รับเหตุจากสองแม่ลูกคู่นี้ รวมกับความเจ็บปวดที่ตัวเองเคยต้องมีชีวิตอยู่ภายใต้เงาของเจียงหยุนเอ๋อเจียงหนิงเอ๋อมีเพียงความคิดเดียวแล่นเข้ามาในหัว – เพียงฆ่าเจียงหยุนเอ๋อเรื่องทั้งหมด ก็จะจบลง
เมื่อเจียงหนิงเอ๋อหยิบมีดนั้นขึ้น สองสายตาเปี่ยมไปด้วยความแค้น พุ่งตัวไปยังเจียงหยุนเอ๋อราวกับหมาป่าดุร้าย
เจียงเย่เฉิงอีกด้านหนึ่งที่พัวพันอยู่กับฝู้ชูเหมย เห็นดังนั้น ถึงกับตะโกนขึ้น “หยุนเอ๋อ ระวัง!”
เมื่อเจียงหยุนเอ๋อหันหน้ากลับมา พลันเห็นเจียงหนิงเอ๋อยกมีดขึ้นท่าทางอำมหิตโหดเหี้ยม เธอรีบเร่งฝีเท้าวิ่งออกไปไม่คิดชีวิต คิดแต่เพียงว่าเธอจะมาตายที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด
เสียงฝีเท้าด้านหลังยังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เจียงหยุนเอ๋อราวกับได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตัวเอง
ในเวลานั้น ประตูใหญ่ตระกูลเจียง กลับถูกเตะออก ลี่จุนถิงพลันเดินเข้ามา