ตอนที่ 79 ทางแยกของโลก

สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค

“แรกเริ่มเลย เราจะมาวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่จนถึงตอนนี้นะคะ เราจะเรียกเนื้อเรื่องฉบับที่เอลริสเป็นคนอัปลักษณ์ว่า “ฉบับ A” และฉบับที่ทุกคนรู้จักอยู่ในตอนนี้ว่า “ฉบับ B” จากมุมมองของชั้น ในชาติที่แล้วชั้นผ่านเหตุการณ์แบบเดียวกับในฉบับ A มา ส่วนเหตุการณ์ของฉบับ B นี่ชั้นไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

ยามาโตะอธิบายพลางดื่มเมลอนโซดา

โลกไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม มีเพียงฟุโดวและเอลริสเท่านั้นที่รู้สึกว่ามันเปลี่ยนไป

หลังจากนั้น ฟุโดวก็ถามสิ่งที่คาใจเขาอยู่

“ถึงจะบอกว่าเนื้อเรื่องของ’บุปผานิรันดร์’เป็นเรื่องราวจากชาติที่แล้วของคุณ แต่เกมนี้มันเป็นประเภทที่มีฉากจบหลากหลายรูปแบบและมีทางเลือกมากมายที่ส่งผลต่อเนื้อเรื่องไม่ใช่หรือครับ แบบนั้นคุณก็ไม่น่าจะผ่านเหตุการณ์พวกนั้นมาหมดได้ไม่ใช่หรือครับ…?”

“อา ส่วนมากแล้วจะเป็นแค่การคาดเดาน่ะค่ะ ชั้นก็แค่จินตนาการว่า’ถ้าเวอร์เนลเลือกที่จะทำอย่างนี้ ก็จะได้ผลลัพท์มาอย่างนี้’ เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆก็คือเนื้อเรื่องของรูทเอลริสนั่นล่ะค่ะ เพราะแบบนั้นมันถึงเป็นทรูเอนดิ้งของเกม”

หรือก็คือ รูทอื่นๆนอกจากรูทเอลริสเป็นเพียงเรื่องที่ยามาโตะแต่งขึ้นมา เพราะแบบนี้ฟุโดวจึงดูพวกมันได้ไม่มีปัญหา เพราะมันไม่ใช่อนาคตของเอลริสที่แท้จริง

ตอนแรกก็นึกว่าเป็นอนาคตทางแยก แต่ดูเหมือนจะคิดมากไป

ไม่ใช่ความเป็นไปได้ แต่เป็นเพียงจินตนาการ

“อย่างน้อยๆก็จะบอกว่ามันไม่ใช่แค่การคาดเดาธรรมดาหรอกนะคะ ชั้นน่ะค่อนข้างจะมีความเชี่ยวชาญพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่… ตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว การคาดเดาของชั้นมักจะถูกซะส่วนใหญ่น่ะค่ะ”

เป็นความสามารถที่สุดยอดเลยแฮะ แต่ยังไงซะมันก็ยังเป็นแค่การคาดเดาอยู่วันยังค่ำ ฟุโดวดื่มน้ำเพื่อล้างคอ จากนั้นจึงถามต่อ

“แสดงว่าฉบับAนี่เป็นแค่สิ่งที่ผมคิดไปเองหรือครับ?”

“ก็เป็นไปได้นะคะ…แต่ว่าก็มีความเป็นไปได้อื่นอีก ขอเปลี่ยนเรื่องสักหน่อย ในพวกเนื้อเรื่องไซไฟนี่ ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงอดีต มักจะเกิดผลลัพท์ได้สามประเภท รู้ไหมคะว่ามีอะไรบ้าง?”

“อะไรครับเนี่ยอยู่ๆก็? ก็ถ้าอดีตเปลี่ยน อนาคตก็เปลี่ยนตาม แบบนี้ใช่มั้ยครับ?”

“ค่ะ นั่นก็เป็นหนึ่งในนั้น ถ้าให้ยกตัวอย่างก็เรื่องคนเหล็กไม่ก็หุ่นยนต์แมวอ้วนสีฟ้า”

จู่ๆก็เปลี่ยนเรื่อง แต่เขาก็ตอบไปตามสัญชาตญาณ

ยามาโตะพยักหน้าให้กับคำตอบของเขา

“ต่อไปก็ ผลลัพท์ไม่เปลี่ยนแปลงเพราะว่าจริงๆแล้วอดีตก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง”

ถ้าจะพูดก็คือ สมมติว่าตัวเอกเคยถูกใครสักคนช่วยเอาไว้ในตอนเด็ก จากนั้นตัวเอกก็ย้อนเวลากลับไปแล้วช่วยเด็กคนหนึ่งเอาไว้ได้ จริงๆแล้วเด็กคนนั้นก็คือตัวเองในวัยเด็ก หรือก็คือลูปเวลา ถ้าให้ยกตัวอย่างก็เหมือนกับในเรื่องเด็กแว่นที่มีแผลเป็นรูปสายฟ้าอยู่บนหน้าผาก

“ค่ะ นั่นเป็นผลลัพท์ที่สอง”

ยามาโตะพยักหน้าอีกครั้ง

“สุดท้ายก็คือ ถึงอดีตเปลี่ยน อนาคตของเส้นเวลานี้ก็จะไม่เปลี่ยนตาม…เป็นเพียงการสร้างโลกคู่ขนานขึ้นมาก็เท่านั้น”

“ค่ะ นี่คือผลลัพท์ที่สาม ตัวอย่างก็เหมือนกับในหนังรวมญาติซุปเปอร์ฮีโร่ที่ทำรายได้ถล่มทลายนั่นล่ะค่ะ”

“แล้วนี่มันเกี่ยวกับเรื่องทางนี้ยังไงหรือครับ?”

พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆก็คุยเรื่องไซไฟกัน

ยามาโตะยกนิ้วขึ้นมา ก่อนจะอธิบายต่อ

“จุดเปลี่ยนใหญ่ที่สุดของฉบับAและฉบับBก็คือเอลริสค่ะ ที่ชั้นคิดก็คือ โลกของฉบับAที่คุณเห็นอาจจะมีอยู่ที่ไหนสักแห่งจริงๆก็ได้ ขอเรียกโลกและฟิโอริที่ดำเนินไปตามเนื้อเรื่องฉบับAว่าโลกAและฟิโอริA ส่วนโลกที่เราอาศัยอยู่ในขณะนี้และฟิโอริที่ชั้นเคยอาศัยอยู่ว่าโลกBกับฟิโอริBนะคะ”

เธอหยิบกระดาษขึ้นมาแล้ววาดเป็นวงกลมสี่วง

ด้านบนคือฝั่งA ด้านล่างคือฝั่งB

“จากนั้นก็มาวาดแผนผังกันนะคะ”

เธอพูดอย่างนั้นพร้อมจิ้มไปที่ฟิโอริA

“ในฟิโอริAนี้มีชาติที่แล้วของชั้นที่ไม่ใช่ชั้น ตัวชั้นคนนั้นผ่านเนื้อเรื่องฉบับAมา แล้วไปเกิดใหม่ที่โลกA”

เธอวาดลูกศรชี้ไปที่โลกA

“ตัวชั้นคนนั้นเขียนบท’บุปผานิรันดร์’ตามเรื่องราวที่เธอเจอมา แล้วเกมฉบับนั้นก็คือเนื้อเรื่องที่พวกคุณสองคนเคยเห็น…ถ้าจะให้เดานะคะ เอลริสเองก็เคยเห็นเนื้อเรื่องของเกมฉบับAมาก่อนเช่นกัน พอมาลองคิดดูแล้ว บางครั้งเธอก็เลือกที่จะทำเหมือนว่าเธอรู้เรื่องที่จะเกิดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่รู้”

ฟุโดวรู้เหตุผลดี

ถ้าเขาทำได้ เขาจะเขียนลูกศรชี้จากโลกAไปฟิโอริB

หรือก็คือเอลริสตายจากโลกAแล้วไปเกิดใหม่ในอดีต

เอลริสคนนี้เลือกเส้นทางที่แตกต่างจากอ้วนริส ทำให้อดีตเปลี่ยนไป สร้างฟิโอริคู่ขนานขึ้นมา

“การกระทำของเอลริสก่อให้เกิดเป็นฟิโอริB จากนั้นตัวชั้นจากฟิโอริBก็ตายแล้วมาเกิดใหม่ในโลกB แล้วเขียน’บุปผานิรันดร์’ฉบับปัจจุบันขึ้นมา”

“…อย่างนี้นี่เอง แสดงว่าฉบับที่เราเคยเห็นนี่คือเนื้อเรื่องจากอีกไทม์ไลน์หนึ่งสินะคะ?”

ในระหว่างที่คุยกันอยู่ ฟุโดวก็เริ่มวิเคราะห์ในหัว

ทั้งตัวเขาและเอลริสน่าจะมาจากโลกAทั้งคู่ ดูจากการสนทนาจนถึงตอนนี้แล้ว

จากนั้นมันก็ปิ๊งในหัว อย่างนี้นี่เอง เพราะแบบนี้เสื้อโค้ทถึงถูกวางเอาไว้ในจุดที่ต่างจากที่จำได้

เขาเองก็คงจะถูกเอลริสลากมาที่ไทม์ไลน์Bด้วย น่าจะเป็นเพราะว่าวิญญาณเชื่อมต่อกัน

ในเวลาที่เธอกำลังเกิดใหม่ที่ เขาก็โดนดึงมาที่โลกนี้ และผสานเข้ากับตัวเขาของโลกB

ถ้าจะให้คิด ฟุโดว นิอิโตะของโลกAน่าจะตายไปแล้วจริงๆ

วิญญาณของเขาถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนที่ใหญ่กว่าไปเกิดเป็นเอลริสที่ฟิโอริ ในขณะที่ส่วนน้อยถูกผสานเข้ากับฟุโดวของโลกนี้

เสื้อโค้ทของเขาถึงอยู่ในที่ที่ต่างจากที่เขาจำได้

ตัวเขาน่าจะโดนเขียนทับลงบนฟุโดวของโลกB ทำให้ความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องนั้นไม่มีอยู่

สำหรับอิจูอินนั้น เขาน่าจะเป็นคนของโลกBมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่โดนปรับแต่งความทรงจำให้เข้ากับฟุโดวที่มาจากโลกA

ฟุโดวได้แต่ถอนหายใจ

เอาเถอะ…ยังไงเรื่องเกี่ยวกับทางแยกเวลาหรือโลกอื่นนี่มันก็อยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์มาตั้งแต่แรกแล้ว คิดมากไปก็ปวดหัวเปล่าๆ เอาเป็นว่ารู้ว่าเอลริสไม่ได้ไปเกิดในโลกเกม แต่เป็นเกมเองที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยใช้โลกนั้นเป็นพื้นฐาน แค่นั้นก็พอแล้ว

อย่างน้อยเขาก็รู้แล้ว ว่าโลกนั้นไม่ใช่เพียงเรื่องแต่ง

นี่ ตัวชั้นอีกคนนึง เอลริส…อีกฟากนึงน่ะเป็นของจริงนะเออ เลิกคิดว่ามันเป็นแค่เกมได้แล้ว ไม่อย่างนั้นล่ะก็…แกจะได้เสียใจภายหลังแน่

ถึงอย่างนั้น เสียงของเขาก็คงส่งไปไม่ถึง

ถึงอย่างนั้นฟุโดวก็ภาวนา ให้เธอเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองจะไม่เสียใจในตอนจบ

.

ไฮ้ย้าาา–เวลาตัดสินมาถึงแล้วครับพี่น้อง!

หลังจากที่เวอร์เนลสารภาพรักกับชั้นก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ได้เวลาบุกฐานทัพใต้ดินสักที

เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ

ชั้นหลีกเลี่ยงการตอบกลับเวอร์เนลมาได้พร้อมกับเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับอายุขัยที่เหลืออยู่ นี่ชั้นก็เจ๋งเหมือนกันนะเนี่ย

ตามที่ไอ้แว่นโรคจิตบอกมา แผนการสวมรอยเป็นเจ้าหมึกท่าจะได้ผลเกินคาด เธอกำลังชะล่าใจที่เซนต์เดินทางออกนอกสถาบันไปแล้ว ตอนนี้ล่ะเป็นโอกาสดีสำหรับการจู่โจม

ดูเหมือนว่าเขาเริ่มจะถึงทางตันในเรื่องการสวมรอยเป็นดิแอสแล้วเหมือนกัน

จริงๆชั้นก็เริ่มเข้าใกล้ขีดจำกัดแล้วอ่ะนะ

ถ้าเวอร์เนลหลุดอะไรออกไปล่ะก็หมดกัน รีบเอาให้มันจบๆเรื่องแล้วคืนตำแหน่งเซนต์ให้เอเทอร์น่าไปดีกว่า

หลังจากนั้นจะเป็นยังไงนี่ตูก็ไม่สนแล้ว ถ้าชั้นรอดก็คงหนีไปจำศีลที่ไหนสักแห่ง ถ้าชั้นตายก็ไปนอนพักบนสวรรค์ แค่นั้นแหละ

ถ้าความแตกล่ะก็ ทุกคนก็คงคิดว่า “อ้าว ตัวปลอมนี่หว่า งั้นก็ตายซะ” คงไม่มีใครมาเสียใจที่ชั้นตายหรอก

ในเรื่องของปฏิบัติการณ์นี้ พวกเวอร์เนลจะทำเป็นว่ามีการฝึกพิเศษเพื่อใช้เป็นข้ออ้างลงไปใต้ดิน

เหมือนแม่มดซังจะเคยส่งจดหมายมาว่า “ให้ส่งคนที่สนิทกับเซนต์ลงไปหาเพื่อจะได้จับไว้เป็นตัวประกัน”

ถือว่าดีเลย แบบนี้จะทำให้พวกเวอร์เนลน่าสงสัยน้อยลง ใช้เรื่องตัวประกันนี่เป็นข้ออ้างได้

ในระหว่างนั้นชั้นก็จะดูดพลังเวทย์รอบๆออกไปให้หมด แล้วค่อยลงไปใต้ดินเพื่อจัดการเธอแล้วให้อัลเฟรียปนึกซะ

พอจบภารกิจ ชั้นก็จะทิ้งจดหมายสารภาพไว้ในห้อง แล้วก็หนีไป

ก็จะกลายเป็นตอนจบแบบ “เซนต์ตัวจริงเอเทอร์น่าบันซายยย!” แฮปปี้เอนดิ้ง

ถ้าผนึกมันไม่ได้ผล ชั้นก็แค่ลากแม่มดไปโลกหน้าด้วยกัน หึ…ระดับนี้แล้ว ไม่มีทางเลยที่จะพลาดได้ ชนะอยู่แล้ว

“สำหรับปฏิบัติการณ์ครั้งนี้ ชั้นต้องฝากความหวังไว้ที่พวกคุณแล้วค่ะ แต่จำเอาไว้นะคะ อย่าพยายามที่จะเอาชีวิตตนเองไปทิ้งเด็ดขาด บทบาทของพวกคุณก็คือการหลอกล่อให้แม่มดใช้พลังเวทย์จนถึงระดับที่ไม่สามารถใช้เวทย์เทเลพอร์ตหลบหนีได้ เมื่อสำเร็จภารกิจแล้ว ให้ทำการหลบหนีในทันทีเลย…เข้าใจไหมคะ?”

ถ้าใครซักคนนอกจากชั้นตายตอนจบล่ะก็ แบบนั้นมันก็ไม่ใช่แฮปปี้เอนดิ้งที่สมบูรณ์แบบหรอกนะ

ทุกคนต้องรอดไปให้ได้ เคนะ?

อย่าเห็นหน้าที่สำคัญกว่าชีวิตเชียวล่ะ

“ครับ!/ค่ะ!”

“เฮ้ ขอกินเมานท์(พุดดิ้ง)ก่อนไปได้มั้ยอ่ะ”

ทุกคน เว้นไว้สองคน ตอบอย่างฮึกเหิม

คนนึงคืออัลเฟรียที่อ่านบรรยากาศไม่เป็น

อีเซนต์คนแรกนี่มันอัลไลนิ…?

อีกคนที่ไม่ตอบก็คือเวอร์เนลที่สีหน้าเคร่งเครียดชอบกล

“เวอร์เนลคุง?”

“อ๊ะ คะ ครับ! จะพยายามครับ!”

ทำไมดูใจลอยจังหว่า?

เอาจริงหน่อยสิเฮ้ย แกเป็นหัวหอกของภารกิจนี้นะเออ

อย่าใจลอยจนคว้าน้ำเหลวซะล่ะ

นี่ไม่ใช่การซ้อมนะเว้ย ตั้งใจหน่อย!

อย่าเสียสมาธิต่อหน้าศัตรูเป็นอันขาดเข้าใจมั้ย?

____________________

เอลริส: Nah, I’d win.

อาทิตย์หน้าผมติดสอบนะครับ ก็ไว้มาเจอกันอาทิตย์ต่อจากนั้นแทน