ตอนที่ 82 รู้จักดี
“เฮ้อ.. ทำไมต้องยุ่งยากขนาดนี้ด้วยท่านลุง?”
อาเฉิงบ่นพึมพำอย่างเกียจคร้าน แต่ก็ลุกขึ้นไปดูที่ต้นไม้ใหญ่ในสวนทันที และเริ่มสำรวจดูอย่างละเอียด
“ห๊ะ?!!”
อาเฉิงถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกสติ เพราะสิ่งที่เขาเห็นนั้นคือรูขนาดใหญ่!
ต้นไม้ใหญ่นี้มีอายุมากกว่าสิบปี แต่เวลานี้กลับมีรูขนาดใหญ่อยู่ที่กลางลำต้น อาเฉิงตาโตในขณะที่ร้องถามออกไปว่า
“ท่านลุง.. นี่.. นี่เป็นฝีมือของคุณชายหลินงั้นเหรอ?”
“เมื่อครู่ตอนที่แกร้องตะโกนห้ามเสียงดัง ทำให้ฉันต้องดึงพลังปราณกลับเข้าร่างอย่างกะทันหัน พลังทั้งหมดจึงได้ตีย้อนกลับเข้าร่างของฉัน หากไม่ได้คุณชายหลินช่วยปลดปล่อยพลังเหล่านั้นออกไป ทั้งชีวิตนับจากนี้ ฉันคงยากที่จะสามารถเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ได้แน่..”
มู่ฉิงบอกเล่าพร้อมกับถอนหายใจ และมีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้ดีว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้น รุนแรงและอันตรายมากเพียงใด?
แต่หลินหนานกลับสามารถแก้ไขวิกฤติที่เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย แต่คุณชายตระกูลถัง กลับกล่าวหาว่าเป็นพวกขี้โม้ขี้อวด!
อาเฉิงถึงกับแอบกลืนน้ำลาย และได้แต่คิดในใจว่า โชคดีที่เมื่อครู่บนถนนหลงหวู่ เขาเชื้อเชิญหลินหนานมาที่นี่ด้วยกิริยามายาทที่ดี ไม่เช่นนั้น เขาคงต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มแล้วแน่ๆ
แม้แต่ลุงของเขาที่ทุ่มเทให้กับการฝึกวรยุทธอย่างบ้าคลั่ง เรียกได้ว่าฝึกทุกวี่ทุกวัน ไม่ว่าจะฝนตกแดดจะออกก็ไม่เคยหยุดเลยสักครั้ง และด้วยความแข็งแกร่งของมู่ฉิง ทำให้เขาไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตามาก่อน
แต่เวลานี้กลับยอมศิโรราบให้กับคุณชายหลิน นี่ย่อมหมายความว่าคุณชายหลินผู้นี้คือคนที่มีฝีมือจริง แต่เป็นพวกที่ไม่ชอบโอ้อวดเท่านั้นเอง!
“ท่านลุง.. มาดูอะไรนี่สิ!!” จู่ๆ อาเฉิงก็ร้องเรียกตะโกนเรียงมู่ฉิงเสียงดัง หลังจากที่สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
มู่ฉิงรีบเดินตามเข้าไปทันที และมองตามนิ้วของอาเฉิงที่ชี้ไป เขาพบว่าภายในรูนั้น มีรอยแตกของไม้ภายในอยู่เต็มไปหมด และลักษณะของรอยแตกก็เป็นคลื่นเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ดูแปลกตาอย่างมาก..
มู่ฉิงจึงเอื้อมมือออกไป พร้อมกับใช้นิ้วถูที่รอยแต่เหล่านั้นเบาๆ แต่เพียงแค่เขาสัมผัสกับรอยแตกเหล่านั้นเขา..
เปรี๊ยะ…
เพียงแค่เสียงเปรี๊ยะนี้ดังขึ้น รอยแตกที่มีลักษณะคล้ายคลื่นนั้น ก็ได้ขยายออกไปเรื่อยๆอย่างไม่หยุดยั้ง และมีลักษณะคล้ายกับใยแมงมุมที่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว รอยแตกได้กระจายลุกลามออกไปทั่วทั้งต้น
“รีบหนีเร็วเข้า!”
มู่ฉิงร้องตะโกนออกมา พร้อมกับคว้าแขนของอาเฉิงไว้ ก่อนจะพาเขากระโดดถอยหลังออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว!
ครืน…
ต้นไม้ใหญ่ที่มีความสูงมากกว่าสิบเมตร พังครืนลงมาต่อหน้าต่อตา และได้กลายเป็นเพียงแค่เศษไม้กองใหญ่อยู่ที่พื้น
เวลานี้ ทั้งมู่ฉิงและอาเฉิงต่างก็ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง จนลืมที่จะปัดเศษไม้ที่กระเด็นติดตามร่างกายออก เพราะยังอยู่ในความงุนงง
ต้นไม้สูงใหญ่กว่าสิบเมตร หายไปในพริบตา!
ต้องมีพลังปราณที่น่าสะพรึงกว่าสักเพียงใด จึงจะสามารถทำเช่นนี้ได้?
นี่หลินหนานเป็นคนหรืออะไรกันแน่?
……
ถังหยวนซานที่กำลังนั่งเขียนอักษรอยู่บนโต๊ะในห้องทำงานของตนเอง ก็ได้ยินเสียงดังครืนนั้นเช่นกัน และเสียงนั้นก็ดังจนทำให้เขาต้องละสายตาจากตัวอักษรตรงหน้า เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำออกมาพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น
“เสียงดังอะไรกัน?!”
ถังหยวนซานกระแทกพู่กันในมือลงกับโต๊ะด้วยความหงุดหงิดไม่พอใจ ก่อนจะขยำกระดาษที่เขียนอักษรใบนั้นทิ้งลงขยะทันที จากนั้นจึงหยิบถ้วยชาที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมาจิบเพื่อความผ่อนคลาย และให้ลำคอชุ่มชื่น
ชาที่ผู้เฒ่าถังดื่มนั้นคือชาโหวขุย ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นชาที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง ชานี้มีกลิ่นหอมล้ำเลิศ และยังช่วยผู้ที่ดื่มรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าอีกด้วย
ผู้เฒ่าถังเงยหน้าขึ้นมองไปทางประตูห้อง ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ถังชวงเห็นสีหน้าท่าทางของผู้เป็นพ่อ ถึงกับหัวเราะออกมา และพูดขึ้นว่า
“พ่อครับ ผมไม่เคยเห็นพ่อหงุดหงิดอารมณ์เสีย แล้วก็ดูตื่นเต้นแบบนี้มานานมากแล้ว!”
“ก็ถ้าเป็นคนอื่น ฉันก็คงไม่รู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้ แต่นี่เป็นเสี่ยวหลินผู้มีพระคุณของฉัน ฉันก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดาไม่ใช่รึ?” ถังหยวนซานยิ้มพร้อมตอบกลับไป
“พ่อครับ จากที่อาเฉิงเล่าให้ผมฟัง เสี่ยวหลินเป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดาๆทั่วไปเท่านั้น การจะทำความสนิทสนมกับเขาคงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร..” ถังชวงบอกกับผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าท่าทางที่ไร้ความวิตกกังวล และผ่อนคลายอย่างมาก
“แกจะไปรู้อะไร?”
ถังหยวนซานตวาดลูกชาย และเขาก็โมโหจนหนวดกระตุก “เสี่ยวหลินคนนี้เป็นคนแปลกประหลาด นอกจากจะเป็นคนที่เก่งมากแล้ว ยังเป็นคนที่ซื่อตรงมากอีกด้วย!”
“พ่อครับ ผมผิดไปแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าถังหยวนซานโกรธมากมายถึงเพียงนี้ ถังชวงจึงรีบเอ่ยขอโทษพร้อมกับยิ้มแก้เก้อ และได้แต่คิดในใจว่า
‘ก็แค่หมอรักษาคนไข้คนหนึ่ง มันจะสำคัญอะไรนักหนา ทำไมจะต้องโมโหฉันมากมายขนาดนี้ด้วย?!’
“นี่! ฉันไม่ได้สั่งให้แกอยู่ที่นี่กับฉันด้วย ทำไมแกยังไม่ไปไหน?” ถังหยวนซานจ้องมองลูกชายพร้อมกับพูดเสียงห้วน
ถังชวงหัวเราะออกมา และตอบกลับไปทันที “ฮ่าๆๆ พ่อครับ ผมเองก็อยากอยู่ขอบคุณคนที่ช่วยชีวิตพ่อด้วยเหมือนกันน่ะสิ!”
“หึ!!”
ถังหยวนซานทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจนัก แต่แล้วในระหว่างนั้นเอง ร่างของใครบางคนก็เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของถังหยวนซาน
ห๊ะ?! ทำไมไม่รู้จักเคาะประตูก่อน?
ถังชวงขมวดคิ้วเข้าหากัน และสีหน้าของเขาก็บ่งบอกถึงความรู้สึกไม่พอใจ ตระกูลถังเคร่งครัดเรื่องมารยาทเป็นอย่างมาก ภายในคฤหาสน์ตระกูลถังจึงได้มีกฏระเบียบอยู่มากมาย
และสิ่งที่ผู้เฒ่าถังเคร่งครัดมากที่สุดก็คือ การเคาะประตูห้องก่อนทุกครั้ง!
แต่ถังชวงกลับคิดไม่ถึงว่า ครั้งนี้ไม่เพียงถังหยวนซานจะไม่แสดงอาการโกรธเกรี้ยวไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นผู้ที่เปิดประตูเข้ามา เขาก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินตรงไปที่ประตูห้องทันที
“ผู้มีพระคุณ ผมดีใจมากจริงๆที่ได้พบกับคุณอีกครั้ง!!”
ถังหยวนซานพุ่งตรงเข้าไปจับมือหลินหนานไว้แน่น ดวงตาทั้งสองข้างรื้นไปด้วยน้ำตา สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความตื่นเต้นอย่างที่สุด!
ถังชวนเห็นเช่นนั้น จึงได้แต่บ่นพึมพำอยู่ในใจ..
พ่อนะพ่อ.. เป็นถึงถังหยวนซาน ผู้เป็นตำนานแห่งเมืองเจียงไฮวแท้ๆ แต่กลับแสดงท่าทางอ่อนแอ ไร้สง่าราศรีออกไปอย่างนั้นได้ยังไง?
เพราะตั้งแต่เด็กจนโตมา ถังชวงไม่เคยเห็นพ่อของเขาแสดงท่าที ที่ไร้ซึ่งสง่าราศรีเหมือนเช่นที่เป็นอยู่ตอนนี้มาก่อนเลย!
แม้แต่หลินหนานเองก็ยังทนต่ออาการกระตือรือร้น ตื่นเต้นดีใจของผู้เฒ่าถังไม่ได้..
เพราะจู่ๆ ชายชราก็วิ่งเข้ามาจับมือของเขาบีบจนแน่น พร้อมกับน้ำหูน้ำตาไหล และทำสีหน้าตื่นเต้นดีใจราวกับได้พบพ่อแม่ผู้มีพระคุณ จะไม่ให้หลินหนานรู้สึกกระอักกระอ่วนใจได้อย่างไรกัน?
แต่ถ้าเปลี่ยนจากชายชราเป็นสาวสวย หลินหนานคงไม่ปฏิเสธแน่!
หลินหนานค่อยๆแกะมือของชายชราที่กำแน่นออก พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “คุณต้องการพบผม มีเรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอครับ?”
ถังชวงขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นยิ่งกว่าเดิม..
ชายหนุ่มคนนี้ช่างไร้มารยาทจริงๆ!
ไม่รู้จักผู้เฒ่าถังที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างนั้นหรือ?
ถังหยวนซานไม่สนใจท่าทีของหลินหนานเลยแม้แต่น้อย เขาตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่มีความสุขยิ่ง
“จริงสิ! ที่ฉันเชิญเธอมาพบก็เพราะต้องการที่จะขอบคุณเธอ เรื่องที่เธอได้ช่วยชีวิตของฉันไว้ มานี่เร็วเข้า เชิญนั่งก่อนๆ”
ชายชราเอ่ยตอบหลินหนาน พร้อมกับดึงมือของเขาให้เข้าไปนั่งในห้อง แต่เมื่อหันไปเห็นถังชวงลูกชายของตน ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เก้าอี้ เขาจึได้แต่จ้องมองพร้อมกับตวาดเสียงดัง
“แกนี่ไม่มีมายาทเอาซะเลย! เห็นแขกมา ยังไม่รีบลุกขึ้นให้แขกนั่งอีกรึ?”
เมื่อถูกผู้เฒ่าถังตวาดต่อหน้าหลินหนาน ถังชวงซึ่งอยู่ในวัยห้าสิบถึงกับหน้าชา แต่ผู้เฒ่าถังกลับไม่สนใจ และรีบหันไปบอกหลินหนานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ผู้มีพระคุณ อย่าได้ถือสาคนไร้มารยาทแบบนั้นเลย เขาขาดการอบรม ทำเรื่องขายหน้าต่อผู้มีพระคุณ!”
หลินหนานเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของถังชวง ก็ได้แต่นึกขันอยู่ในใย ‘แก่จนปูนนี้แล้ว ยังต้องถูกพ่อดุต่อหน้าคนอื่นอีก!’
“เสี่ยวหลิน ยินดีที่ได้รู้จัก!” ถังชวงเอ่ยทักทายหลินหนานเป็นการแก้เก้อ
“นี่แกเป็นบ้าอะไร? ทำไมถึงเรียกผู้มีพระคุณว่าเสี่ยวหลิน? ทำไมถึงไม่เรียกท่านหมอหลิน?” ถังหยวนซานหันไปดุถังชวงลูกชายอีกครั้ง
“เอ่อ.. ท่านหมอหลิน!”
แม้ถังชวงจะไม่ต้องการที่จะเรียกหลินหนานอย่างให้เกียรติเช่นนี้ แต่ก็ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งผู้เป็นพ่อ
“คุณคงจะเป็นพ่อของถังจินซ่งสินะ?” หลินหนานเอ่ยถามขึ้นทันที
“เอ๊ะ?! คุณรู้จักลูกชายของผมด้วยรึ?” ถังชวงย้อนถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“รู้จักสิครับ! รู้จักดีเลยเชียวล่ะ!” หลินหนานตอบกลับไป พร้อมกับยิ้มให้ถังชวงอย่างมีเลศนัย

***********

ฝากนิยายของทีมงานด้วยนะคะ

เรื่อง : เทพปีศาจผงาดฟ้า

เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า

หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในผืนพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล

หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จำต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับ สังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย

แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!