ภาคที่สอง-หิมะใต้หล้า ตอนที่ 17 สิงโตอ้าปากกว้าง

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

ตอนที่ 17 สิงโตอ้าปากกว้าง

เขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในที่นี้มีสีหน้าต่างกัน แต่มีสีหน้าปั้นยากเหมือนกัน

หากพวกเขามาร่วมพิธีศพของสวีจั้งและกอดความคิดว่าจะยุติบุญคุณความแค้นก่อนหน้า หลังมาเขาสู่ซานก็จบกันที่นี่ ไปจากที่นี่…เช่นนั้นก็คงไม่เกิดปัญหาอย่างตอนนี้

ราชันดาราอี๋อู๋กัดฟันมองหนิงอี้ด้วยความโกรธ คลื่นลมลอบสังหารเจ้าลัทธิครั้งนี้ทำให้อาจารย์อาน้อยแห่งเขาสู่ซานคนนี้ก้าวออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ช่วยชีวิตท่านเจ้าลัทธิแห่งสำนักเต๋าเทือกเขาประจิม ได้รับการสนับสนุนจากนักพรตเต๋าชุดคลุมหยาบและผู้เลื่อมใสศรัทธาเจ้าลัทธิข้างหลัง

ขอแค่เฉินอี้ยินดียืนอยู่หลังหนิงอี้ เช่นนั้นก็เท่ากับว่าคุณธรรมยิ่งใหญ่ยืนอยู่หลังหนิงอี้

“ท่านเจ้าลัทธิ…เรื่องนี้ ท่านจะจัดการอย่างไร”

เขาถูกพันกรกดกับต้นไม้โบราณ ไม่อาจขยับได้ สภาพนี้ทำให้ราชันดาราอี๋อู๋ขายหน้ายับเยิน ตอนนี้ยิ่งต่อต้านก็ยิ่งขายหน้า เขาพูดเสียงต่ำ มองเฉินอี้ อยากจะหาที่ยืนกู้หน้ากลับมา

เฉินอี้มองราชันดาราอี๋อู๋ ไม่ได้ผ่อนลมหายใจง่ายๆ เขามีสีหน้าปกติ พูดเสียงเบา “เรื่องนี้…หนิงอี้ช่วยชีวิตข้าไว้ เกือบเอาชีวิตไม่รอด ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ให้เขาตัดสินใจ ว่าอย่างไร”

ราชันดาราอี๋อู๋ที่ถูกกดกับต้นไม้โบราณกัดฟันพูดเสียงต่ำ “ตกลง”

พันกรกับโจวโหยวมองเจ้าตระกูลสองคนแห่งตำหนักฟ้า ผู้บำเพ็ญขอบเขตราชันดาราสองคนนี้หยิ่งยโสเพราะคิดว่าตัวเองเก่ง คิดว่าตนมีพลังบำเพ็ญไม่ธรรมดา ตอนนี้ รู้ซึ้งถึงหลักการไม่เสียเปรียบ…ทั้งสองคนพูดตกลงด้วยเสียงเบามาก โจวโหยวชักดาบหักนั้นออก พันกรสลายอิทธิฤทธิ์

เขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ถูกว่าร้ายว่าลอบสังหารเจ้าลัทธิ ไม่มีผู้นำผู้บำเพ็ญขอบเขตราชันดาราแล้ว…ก็ได้แต่เป็นเนื้อปลา ปล่อยให้หนิงอี้เอาขึ้นเขียง ความจริง หากไม่ใช่เพราะผู้มีอิทธิพลระดับเจ้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์มา ละครตลกหลังภูเขาในวันนี้ บทสรุปจะต้องเป็นเขาสู่ซานกับสำนักเต๋ากำราบคนที่ต่อต้านทุกคนแน่

หนิงอี้มองไปรอบๆ สถานการณ์ตอนนี้สงบลงแล้ว…เขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายยังมีคนไม่ยอมรับ คิดจะบีบจี้หยกส่งกระแสจิตหรือสิ่งยืนยันซับซ้อนคล้ายๆ กัน จากนั้นก็หน้าเทาอมขาว เห็นได้ชัดว่าไม่เป็นผล

หนิงอี้อยู่เส้นขอบฟ้าหลังภูเขา ได้สัมผัสระดับค่ายกลของบรรพจารย์ลู่เซิ่งแห่งเขาสู่ซาน ปรมาจารย์ค่ายกลเมื่อห้าร้อยปีก่อนคนนี้ ยันต์ที่ลอยอยู่หลังภูเขา แม้แต่ปิ่นปักผมเอาตัวรอดของราชันดาราอี๋อู๋ยังผนึกไว้ได้ เช่นนั้นสิ่งยืนยันทั่วไปของเขาสู่ซานพวกนี้ย่อมไม่เกิดผลเช่นกัน

เจ้าตระกูลเจี้ยนล้มนั่งลงใต้ต้นไม้โบราณ ศึกในวันนี้ จิตมรรคเขาถึงขั้นเกิดปัญหา ถูกพันกรกำราบด้วยฝ่ามือเดียว…เป็นราชันดาราเหมือนกัน เหตุใดขอบเขตพลังถึงต่างกันขนาดนี้

ตอนนั้นที่โจวโหยวออกดาบ เขาแทบจะมองเห็นไม่ชัดเจนเลย

วัดกันที่การต่อสู้ เขาแกร่งกว่าเจ้าตระกูลเฟิงเล็กน้อยจริงๆ แต่ก็รู้แก่ใจดีว่าไม่ว่าอย่างไรตนก็ทำอย่างโจวโหยวไม่ได้ ออกดาบสบายๆ กลับทำลายพายุคุ้มกันที่สืบทอดกันมาลับๆ ของตระกูลเฟิงได้ ตอกฝ่ามือของยอดผู้บำเพ็ญระดับเจ้าตระกูลได้ 艾琳小說

กระบี่หนักและเบาสองเล่มยังปักอยู่ไกลๆ กระบี่สั่นไหว ภายนอกดูไม่เป็นอะไร แต่ข้างในเกิดรอยร้าว การฝึกฝนของตระกูลเจี้ยน คนกับกระบี่ประสานกัน หากจิตมรรคแตกร้าว เช่นนั้นกระบี่จะแตกร้าวจากในไปสู่นอก

เขามีสีหน้าปั้นยาก มองหนิงอี้พลางพูดเสียงต่ำ “หนิงอี้…เรื่องนี้ เจ้าจะแก้ไขอย่างไร”

หนิงอี้ยืนข้างเฉินอี้ เขาก้มหน้าลง พูดเบาๆ “มือสังหารคนนี้ตายที่หลังภูเขาสู่ซานแล้ว…ไม่เหลือศพ หาศพไม่ได้อีก ต่อให้เป็นข้า ก่อนสังหารเขาก็ยังไม่เห็นใบหน้าแท้จริงของเขา”

เจ้าตระกูลเฟิงหรี่ตาลง พูดเสียงเย็นชา “หนิงอี้…เจ้าจะบอกว่าเจ้าเจอมือสังหาร แม้แต่หน้ายังเห็นไม่ชัด ก็คิดจะใช้วิธีการหาตัวออกมารึ”

หนิงอี้ถอนหายใจยาว

เขาถามเสียงเบา “ท่านเจ้าตระกูล…เรื่องลอบสังหารเจ้าลัทธิ เป็นฝีมือตระกูลเฟิงพวกท่านหรือไม่”

เจ้าตระกูลเฟิงยิ้มด้วยความโมโห ปัดฝุ่นนั่งลงกับพื้น ฝ่ามือครึ่งหนึ่งถูกดาบตอก เลือดไหลช้าๆ แสงดาราหลั่งไหลมาจากฟ้าดิน รักษาแผลไม่หยุด

เขาพูดเสียงเย็นชา “ไม่ใช่อยู่แล้ว!”

หนิงอี้ทำเสียงอ้อ เขาหันไปมองเจ้าตระกูลเจี้ยน ถามอีกครั้ง “เช่นนั้นเป็นฝีมือตระกูลเจี้ยนหรือไม่”

“แน่นอนว่าไม่ใช่…” เจ้าตระกูลเจี้ยนจ้องหนิงอี้ “หนิงอี้ เจ้าจะถามทีละคนจนกว่าจะมีคนยอมรับรึ”

หนิงอี้ส่ายหน้า เขามองแขกภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่อยู่หลังภูเขา ก่อนถามเสียงดังอย่างจริงจัง “แล้วเป็นฝีมือใคร!”

เงียบ แน่นอนว่าไม่มีใครตอบ

หนิงอี้พยักหน้าอย่างพอใจ

เขามองเฉินอี้พลางพูดอย่างจริงจัง “ท่านเจ้าลัทธิ มือสังหารเช่นนี้ควรจะหาอย่างไรดี”

เฉินอี้มองหนิงอี้ เขามองอาจารย์อาน้อยแห่งเขาสู่ซานคนนี้ พลันยิ้ม จากนั้นพูดอย่างเคร่งขรึม “มีโอกาสสูงมากที่จะหาไม่พบ”

หนิงอี้ยิ้มเช่นกัน “แต่จะปล่อยผ่านไปเช่นนี้ไม่ได้”

เฉินอี้พูด “แน่นอนว่าไม่ได้”

“ลอบสังหารท่านเจ้าลัทธิ…ซ่อนมือสังหารไว้ แม้ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือเขาศักดิ์สิทธิ์ใด แต่ความจริงอยู่ตรงหน้า หลักฐานหนักแน่นดั่งภูเขา นี่เป็นโทษประหาร โทษตายที่ตอกอยู่ในกฎเมืองหลวงต้าสุย”

หนิงอี้พูดอย่างนิ่มนวล “หากพวกท่านยินดียืนยันความบริสุทธิ์ของตน พวกท่านก็ไปจากที่นี่ได้…หากไม่อาจยืนยันความบริสุทธิ์ได้ เช่นนั้นก็ได้แต่บอกว่าขอโทษแล้ว”

เขามองเผยฝานพลางถาม “ฉีซิ่วมีคำพูดหนึ่งว่าอย่างไรนะ”

เด็กสาวพูดมาทีละคำ “ยอมพลาดสังหารหมื่นคน ดีกว่าปล่อยคนเดียวไป”

“พูดได้ดีจริงๆ! เป็นเช่นนี้แหละ!” หนิงอี้ยิ้มจนตาหยี เขามองแขกจากเขาสู่ซานที่กำลังมึนงง “เข้าใจหรือไม่”

ศิษย์ที่ไม่เคยข้องเกี่ยวทางโลกและเพิ่งออกจากสำนักมาฝึกฝนยังคงมีสีหน้าสับสน

ศิษย์หนุ่มสาวส่วนใหญ่ที่สมรู้ร่วมคิดในครั้งนี้ ความหวังในอนาคตที่สำนักเขาศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นคาดหวังอย่างมาก ยังไม่ทันขบคิดถึงคำพูดระหว่างหนิงอี้กับเจ้าลัทธิ…พวกเขาก็รู้สึกว่าคำสนทนานี้ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแค่ไม่เข้าใจเล็กน้อยเท่านั้น

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว…จะยืนยันความบริสุทธิ์อย่างไร

ราชันดาราสามคนที่นั่งใต้ต้นไม้โบราณมีสีหน้าปั้นยาก มืดทะมึนอย่างยิ่ง

เสียงนุ่มนวลของราชันดาราอี๋อู๋ดังขึ้น

“หนิงอี้ นี่เป็นเรื่องใหญ่แล้ว ไม่มีผลดีกับเจ้า จวนขานฟ้ายินดีมอบมุกตะวันคร้านพันปีให้เม็ดหนึ่ง พอหรือไม่”

ศิษย์ทึ่มทื่อพวกนี้เข้าใจได้แล้ว

พวกเขามองหนิงอี้ด้วยสีหน้าแววตาแปลกประหลาด

ยืนยันความบริสุทธิ์…ที่แท้นี่เป็นวิธีการยืนยันตัวเอง

หนิงอี้ยืนข้างกายเจ้าลัทธิ เขามองราชันดาราอี๋อู๋พลางถอนหายใจเบา

คำพูดของราชันดาราอี๋อู๋…เป็นการอ่อนข้อให้สิบส่วน

แต่ก็ยังซ่อนความหมายข่มขู่ไว้ส่วนหนึ่ง

ยอดผู้บำเพ็ญขอบเขตราชันดาราคนนี้ หากไม่มีศิษย์พี่หญิงพันกรกับโจวโหยวอยู่ การจะสังหารตนเป็นเรื่องแค่พริบตาเดียว ตนก็จะหัวหลุดลงพื้น นี่เป็นสาเหตุที่เขาอดใจข่มขู่ไม่ได้

แต่มีพันกรกับโจวโหยวอยู่ จวนขานฟ้าจะเอาอะไรมาอวดดีได้

หนิงอี้ใช้สายตามองคนปัญญาอ่อนมองราชันดาราแห่งจวนขานฟ้าคนนี้พลางพูดเสียงเบา “เรื่องนี้ใหญ่มากแล้ว ไม่รู้ว่าราชันดาราอี๋อู๋มีทางใดทำให้มันใหญ่ไปกว่านี้อีกหน่อยหรือไม่”

ราชันดาราอี๋อู๋ที่นั่งรักษาแผลใต้ต้นไม้หรี่ดวงตาหงส์ลง เอ่ยเสียงเย็นชา “เจ้าจะเอาอย่างไร”

จากนั้นได้ยินอีกฝ่ายพูดคำพูดที่ราบเรียบถึงที่สุด

“จวนขานฟ้ามอบไข่มุกตะวันคร้านพันปีสิบเม็ด”

ราชันดาราอี๋อู๋เบิกตาโต เขาแทบจะลุกพรวดขึ้น เสียงระเบิดดังหลังภูเขา หินภูเขาหลายก้อนแทบจะระเบิดลงมา

“เจ้าว่าอะไรนะ!”

หนิงอี้มีใบหน้าเรียบนิ่ง ดีดเศษหินที่กระเด็นมาโดนตัว ก่อนจะพูดเสริมเรียบๆ ไปอีก “เพิ่มไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจสามพันปีอีกเม็ด”

ราชันดาราอี๋อู๋ล้มลงนั่งอีกครั้ง

เขารู้สึกว่าหนิงอี้บ้าไปแล้ว กล้าเป็นสิงโตอ้าปากกว้างเช่นนี้

หนิงอี้มองแขกเขาศักดิ์สิทธิ์ทุกคนก่อนยิ้มอ่อนโยน “ข้ารู้ว่าทุกท่านเป็นคนที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี และรู้ว่าเรื่องการลอบสังหารท่านเจ้าลัทธิที่เกิดขึ้นหมายถึงอะไร…สำนักเต๋ามีนักพรตชุดคลุมหยาบสิ้นชีพไปคน ใช้ไข่มุกตะวันคร้านพันปีหนึ่งเม็ดแสดงการขอโทษ ถือว่าเป็นการชดเชยให้นักพรตเต๋า ทุกคนคิดว่าอย่างไร”

แขกภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย

“หนึ่งเขาศักดิ์สิทธิ์ ไข่มุกตะวันคร้านพันปีหนึ่งเม็ด คนที่เอาออกมาก็พาคนไปได้เดี๋ยวนี้เลย” หนิงอี้พูดนิ่งๆ “เอาออกมาไม่ได้ เช่นนั้นก็อยู่เขาสู่ซานข้าไปก่อน รอผู้อาวุโสหอสามวิสุทธิ์แห่งสำนักเต๋าตรวจสอบเรื่องนี้ ก็จะคืนความบริสุทธิ์ให้ทุกท่าน”

ผู้บำเพ็ญดาราชะตาหลายคนแห่งพันธมิตรเขาศักดิ์สิทธิ์แดนบูรพามองหน้ากัน ต่างเห็นความกลัวและลังเลในแววตากันและกัน

ไข่มุกตะวันคร้านพันปีหนึ่งเม็ด สำหรับพวกเขาไม่ถือว่าเป็นของที่ล้ำค่าเกินไป ไปทะเลพลิกผันแดนอุดรด้วยตัวเองสักครั้ง ก็ล่าปีศาจพันปีที่ว่า ควบแน่นปราณหยาง ก็จะหลอมเป็นไข่มุกตะวันคร้านพันปีได้

ตอนนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แขกเขาศักดิ์สิทธิ์ที่มามุงดูต่างซวยกันหมด มือสังหารนั้นดันชำนาญทุกวิชาจริงๆ จุดนี้ลบล้างไม่ได้เลย หากถูกเขาสู่ซานกักขังไว้จริงๆ จนหอสามวิสุทธิ์สำนักเต๋ามา ใครจะรู้ว่าคนบ้าหัวดื้อพวกนั้นจะทำอะไรลงไป

เป็นการจ่ายทรัพย์เพื่อพ้นภัย ได้แต่ทำเช่นนี้แล้ว

ผู้บำเพ็ญดาราชะตาแห่งเขาศักดิ์สิทธิ์แดนบูรพาหลายคนนำไข่มุกตะวันคร้านพันปีออกมาวางไว้ข้างเจ้าลัทธิด้วยตนเอง

หนิงอี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม มองแววตากรุ่นโกรธของศิษย์เขาศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นก่อนจากไปอย่างมีความสุข

แขกเขาศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ ตอนนั้นมีความแค้นกับสวีจั้ง ตอนนี้เกิดละครเรื่องนี้ขึ้นอีก ย่อมโยนความแค้นมาที่หนิงอี้…ในมุมมองพวกเขา อาจารย์อาน้อยเขาสู่ซานคนนี้ติดอันดับหนึ่งรายนามดารา ไม่รู้ว่าสืบทอดวิชากระบี่จากสวีจั้งมากี่ส่วน แต่สืบทอดความหน้าเนื้อใจเสือของสวีจั้งมาเต็มๆ

ตอนที่ผู้บำเพ็ญดาราชะตาแห่งเขาอาชาดำแดนบูรพามอบไข่มุกตะวันคร้าน ยังแสร้งยิ้ม “ไข่มุกตะวันคร้านพันปีเป็นเรื่องเล็ก…หนิงอี้ ข้าจำเจ้าไว้แล้ว”

หนิงอี้ยิ้มหยีตาพลางรับไข่มุกตะวันคร้านมา ก่อนจะพูดขึ้น “มีคนจำข้าไว้เยอะเลย เจ้าเป็นคนที่เท่าไรนะ เอามาให้อีกสักสองสามเม็ดให้ข้าจำเจ้าไว้หน่อย”

ผู้บำเพ็ญแห่งเขาอาชาดำถึงกับพูดไม่ออก โกรธจนตัวสั่นไปหมด

หนิงอี้ผายมือเชิญ ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “เดินทางปลอดภัย ขอไม่ส่ง”

…………………………….