ตอนที่ 68 ไม่เคยมีชายอื่นเลยจริงหรือ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 68 ไม่เคยมีชายอื่นเลยจริงหรือ?

ตอนที่ 68 ไม่เคยมีชายอื่นเลยจริงหรือ?

“เหลียงผี?”

หลินเซี่ยตอบกลับ “ใช่ เส้นบะหมี่ที่ทำจากแป้งขาวน่ะอร่อยจะตายไป ฉันตั้งใจว่าจะให้แม่ขายเมนูนี้เพื่อหาเลี้ยงชีพหลังจากที่ย้ายไปไห่เฉิงแล้ว”

“ทำยากไหม? เราไม่เคยได้ยินชื่ออาหารนี้มาก่อนเลย รู้จักแต่เหลียงเฝิ่น”

“ขั้นตอนการทำง่ายมากค่ะ”

หลินเซี่ยหยิบกะละมังพลาสติกขึ้นมา ตักแป้งครึ่งหนึ่งออกมาจากตู้ “ก่อนอื่นต้องเตรียมแป้ง”

จากนั้นก็ทำการผสมแป้งบะหมี่เหลืองลงไปบางส่วน แล้วเริ่มผสมแป้งเข้าด้วยกัน ทำเสร็จแล้วก็เทแป้งลงในอ่าง เทน้ำสะอาดลงไปผสม จากนั้นก็นวดให้เป็นเนื้อเดียว

หลิวกุ้ยอิงและหลินเยี่ยนเฝ้าดูจากด้านข้าง ทั้งคู่ต่างอยากรู้อยากเห็น

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกหล่อนได้เห็นวิธีการนวดแป้งแบบนี้

“เซี่ยเซี่ย คนในเมืองเขากินอะไรแบบนี้กันเหรอ?”

“แม่ ของว่างแบบนี้มีขายอยู่ทั่วไป ต่างสถานที่ขั้นตอนการทำก็จะแตกต่างออกไปด้วย”

พอพูดถึงเรื่องนี้ เธอก็จำได้ว่าที่ตัวเองทำเป็นเพราะหลินเจียในชาติก่อนร้องบอกว่าอยากกินหลังจากเห็นมันในทีวี จากนั้นเธอก็เรียนรู้วิธีทำมาจากรายการอาหารในโทรทัศน์

เมื่อเป็นแม่คน ต่อให้ลูกร้องบอกว่าอยากได้ดวงดาวบนท้องฟ้า เธอก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อเก็บดาวดวงหนึ่งลงมาให้

หลินเซี่ยหัวเราะเยาะความเขลาของตัวเอง สะบัดหน้าขับไล่ร่างของเด็กปีศาจในความทรงจำออก ก่อนจะทำงานตรงหน้าต่อ

หลังจากนวดแป้งให้เข้ากันเป็นก้อนแล้ว หลินเซี่ยก็หยิบแป้งออกมาจากกะละมัง แล้ววางลงบนเขียง

“ที่บ้านนี้มีซึ้งนึ่งที่ก้นไม่มีรูหรือเปล่าคะ?”

“มีแต่อันที่ก้นเป็นรูน่ะสิ” หลิวกุ้ยอิงหยิบซึ้งนึ่งอะลูมิเนียมออกมาจากหลังประตู

หลินเซี่ยส่ายหน้า “คงใช้แทนกันไม่ได้ แป้งจะรั่วลงข้างล่าง”

ตอนนี้เย็นย่ำมากแล้ว คงไม่มีบ้านไหนให้หยิบยืม

เมื่อกวาดตามองไปรอบ ๆ หลินเซี่ยก็เห็นถาดเหล็กทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ จึงเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมา “ใช้ถาดใบใหญ่อันนี้แทนก็แล้วกัน”

หลินเยี่ยนจัดแจงต้มน้ำเสร็จแล้ว เธอก็วางถาดใหญ่ลงไปในหม้อ จากนั้นรีดแป้งออกเป็นแผ่น แล้วเกลี่ยให้สม่ำเสมอกันบนจานเพื่อเริ่มนึ่ง

ไม่กี่นาทีต่อมา เธอก็ยกฝาหม้อขึ้น ภายในปรากฏแป้งที่อ่อนตัวลงเป็นสีขาวโปร่งแสง หลินเซี่ยฉีกออกมาชิมชิ้นหนึ่ง จนสัมผัสกับรสชาติที่คุ้นเคย

หลิวกุ้ยอิงและหลินเยี่ยนขอชิมบ้าง พวกหล่อนต่างบอกว่ามันมีรสชาติดี

หลังจากนั้นเธอก็ยกแป้งเหลียงผีที่นึ่งแล้วออกมาตัดเป็นเส้น

เนื่องจากผสมแป้งบะหมี่เหลืองเข้าไป ทำให้เส้นที่นึ่งสำเร็จมีสีเหลืองทองสวยงาม เคี้ยวหนึบมาก

ความหนาบางเป็นสิ่งที่สามารถควบคุมน้ำหนักมือได้เอง

โดยทั่วไปมักจะตัดให้เป็นเส้นหนา

ในขณะที่หลินเซี่ยกำลังสอนอยู่นั้น หลิวกุ้ยอิงและหลินเยี่ยนก็เฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง

“แม่ พอจำวิธีทำได้บ้างหรือยังคะ?”

หลิวกุ้ยอิงพยักหน้า “พอจำได้แล้วล่ะ”

หล่อนเข้าครัวอยู่หน้าเตาตลอดทั้งวัน ทำให้เรียนรู้วิธีทำได้อย่างรวดเร็ว

“เสี่ยวเยี่ยน ไปหยิบสมุดบันทึกออกมาจดขั้นตอนการทำ หลังจากนี้ฉันจะสอนวิธีทำน้ำซุปให้ฟัง”

หลินเซี่ยพูดเสริมว่า “เมนูนี้ไม่เหมือนกับบะหมี่ทั่วไปที่ขายกันตามท้องตลาด น้ำซุปจะมีความข้นหนืดกว่า ที่บ้านมีแป้งมันไหม?”

ไม่ว่าจะเป็นเหลียงผีหรือเหลียงเฝิ่น ความอร่อยของมันขึ้นอยู่กับน้ำซุปเป็นสำคัญ

“เหมือนจะมีเหลืออยู่ แต่ไม่มากแล้ว”

หลิวกุ้ยอิงหันไปค้นกระป๋องซึ่งมีแป้งมันฝรั่งบรรจุอยู่ประมาณครึ่งหนึ่ง แต่ลักษณะเนื้อแป้งดูไม่ขาวอย่างที่หล่อนต้องการ

“นี่เป็นแป้งที่ตกตะกอนมาจากตอนที่แม่ล้างมันฝรั่งเพื่อทำผัดมันฝรั่งเส้น ทุกครั้งที่ทำก็สะสมเรื่อยมา แต่อาจจะได้ปริมาณน้อยไปหน่อย”

“เท่านี้ก็พอแล้วค่ะ”

หลินเซี่ยตักแป้งมันฝรั่งสองช้อนเต็ม จากนั้นเติมน้ำลงในหม้อและคนให้เข้ากัน

“ขั้นแรก ให้เอาต้นหอมสับลงไปผัดให้สะดุ้งน้ำมัน เสร็จแล้วเทน้ำลงไป เมื่อน้ำเดือดค่อยเติมเครื่องปรุงรสต่าง ๆ แล้วใช้ทัพพีคนอีกครั้ง รอจนกว่าซุปจะข้นหนืดขึ้น”

หลินเซี่ยอธิบายกับพวกหล่อนต่อไปว่า “นอกจากนี้ยังมีกระเทียมสับอีกด้วย เอาลงไปผัดกับน้ำมันจนหอมแล้วตักขึ้นพักไว้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือน้ำมันพริก นี่แหละของเด็ดเลย ถ้าพวกแม่เข้าเมืองแล้วอย่าลืมหาซื้อผงพริกจีนมาสักสองชั่ง ผงพริกจีนของที่นี่มีชื่อเสียงมาก และยังมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์”

หลินเยี่ยนจับปากกาพร้อมกับจดรายละเอียดลงกระดาษ และจำอย่างจริงจัง

พอเขียนไปครึ่งหน้าก็พูดว่า “เคล็ดลับเยอะขนาดนี้ ต้องออกมาอร่อยแน่ ๆ”

ที่บ้านไม่มีกระเทียม เครื่องปรุงรสเพียงไม่กี่อย่างที่มีคือฮวาเจียวและผงยี่หร่า เมื่อรอน้ำซุปข้นหนืดและเติมน้ำมันพริกลงไป รสชาติก็ดีมากทีเดียว

หลิวกุ้ยอิงและหลินเยี่ยนเคยชินกับการกินอาหารแบบเรียบง่าย รสชาติจัดแบบนี้จึงอร่อยถูกปากสำหรับพวกหล่อนมาก ๆ แต่อาหารแค่อย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการเปิดร้านขายแน่นอน

หลินเซี่ยถามหลิวกุ้ยอิง “แม่คะ แล้วแม่ทำเหลียงเฝิ่นเป็นไหม?”

หลิวกุ้ยอิงตอบ “ทำได้ ทำได้สิ แม่จำได้ว่าส่วนผสมมีแป้งถั่วลันเตา แป้งเฉียวม่าย และแป้งมันฝรั่ง ขั้นตอนง่ายไม่ซับซ้อน ถ้ามีส่วนผสมครบแม่สามารถทำได้ตอนนี้เลย”

หลินเซี่ยปรบมือ “งั้นก็ดีเลยค่ะ เรามุ่งความสนใจไปที่การฝึกฝนทำเหลียงผีก็แล้วกัน อีกหน่อยถ้าเราเริ่มเปิดร้าน ค่อยเพิ่มเหลียงเฝิ่นเข้าไปเพื่อตอบสนองรสนิยมของกลุ่มลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น”

หลินเซี่ยลองให้หลิวกุ้ยอิงนวดแป้งด้วยตัวเอง จากนั้นก็จัดการนึ่งและหั่นแป้งเป็นเส้น หลิวกุ้ยอิงดูแค่ครั้งเดียวก็สามารถทำตามได้อย่างถูกต้อง

เวลานวดแป้ง อัตราส่วนของน้ำต่อแป้งมีความสำคัญมาก ไม่ควรเติมน้ำจนแป้งเหลวหรือแข็งเกินไป

นอกจากนี้ เมื่อนำแป้งไปนึ่ง จะต้องอาศัยฝีมือในเรื่องของความสมมาตรร่วมด้วย

หลังจากที่แป้งทั้งหมดถูกนำไปนึ่งแล้ว ก็ได้เหลียงผีที่ยังไม่ได้ตัดเส้นหลายสิบแผ่น

ยิ่งอบให้แป้งกรุ่นไอน้ำมากเท่าใด เนื้อสัมผัสก็จะยิ่งนุ่มนวลขึ้นเท่านั้น

หลังจากทำงานกันไปจนถึงเที่ยงคืน แม่และลูกสาวทั้งสองต่างก็กินเหลียงผีคนละชาม กินเสร็จก็ขึ้นไปนอนบนเตียง

คืนนี้พวกหล่อนข่มตานอนไม่หลับ ทั้งหลิวกุ้ยอิงและหลินเยี่ยนต่างก็คาดหวังและโหยหาชีวิตที่ก้าวหน้าในอนาคตอันใกล้

ในขณะเดียวกัน พวกหล่อนก็รู้สึกขอบคุณหลินเซี่ยมากจริง ๆ ที่ผ่านมาไม่เคยเลี้ยงดูลูกสาวคนนี้อย่างจริงจัง แต่อีกฝ่ายกลับช่วยเหลือตนอย่างมากมาย

หลิวกุ้ยอิงสัญญากับตัวเองในใจ ว่าอีกหน่อยจะพยายามหาเงินให้ได้มาก ๆ และมอบความรักความอบอุ่นในฐานะแม่ต่อลูกสาวให้มากที่สุด

เนื้อหาบทสนทนาระหว่างหลินเซี่ยกับพวกหล่อนมักจะวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิม ๆ ที่เกี่ยวกับเสิ่นอวี้อิ๋ง เพราะเธอต้องการรู้ชีวิตความเป็นอยู่ของเสิ่นอวี้อิ๋งก่อนหน้านี้จากอีกฝ่าย

ทั้งยังอยากรู้ชีวิตส่วนตัวของหลิวกุ้ยอิงให้มากขึ้น

ตามที่หลิวกุ้ยอิงและหลินเยี่ยนเล่า สรุปได้ว่าถึงแม้สภาพครอบครัวในชนบทจะไม่ดีเท่าใด แต่เสิ่นอวี้อิ๋งไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้ายจากคนในครอบครัวนี้เลย

“พ่อรักและเอ็นดูหล่อนมาก ดังนั้นทั้งครอบครัวเลยพลอยเอ็นดูหล่อนไปด้วย”

เมื่อได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความอิจฉาและน้อยใจของหลินเยี่ยน หลินเซี่ยก็อดสงสัยไม่ได้ “เพราะอะไรกันนะ?”

“แม่คะ แม่ว่าทำไมพ่อถึงได้รักเธอมากขนาดนั้น?” หลินเซี่ยเต็มไปด้วยความสงสัย

ถ้าหลินต้าฝูไม่รู้แต่แรกว่าเสิ่นอวี้อิ๋งถูกสับเปลี่ยนตัว เธอคงเชื่ออย่างนั้น

แต่เขาจะไม่รู้เชียวเหรอว่าหลิวกุ้ยอิงไม่ได้ตั้งท้องลูกสาวแท้ ๆ ของเขา?

หรือว่า หลิวกุ้ยอิงไม่เคยมีชายอื่นเลยจริง ๆ?

“ตอนแรกคลอด สุขภาพร่างกายของหล่อนอ่อนแอมากจนเหมือนจะไม่รอดอยู่แล้ว พ่อของลูกก็อุตส่าห์ไปตามหมอแผนจีนชรามารักษาหล่อนอยู่นาน จนสามารถยื้อชีวิตหล่อนไว้ได้ ยิ่งลูกไม่แข็งแรง พ่อแม่ก็ยิ่งลำเอียงรักหล่อนมากกว่าคนอื่น”

หลินเซี่ยเข้าใจคำอธิบายของหลิวกุ้ยอิงดี

ใช่แล้ว ไม่ว่าพ่อแม่ของใครก็ตาม ยิ่งลูกคนไหนขี้โรคตั้งแต่เด็ก พวกเขาจะลำเอียงเป็นพิเศษ เพราะรู้สึกว่าการช่วยชีวิตเด็กจนกว่าจะรอดมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงไม่เคยทุบตีหรือดุด่าพวกเขาแรง ๆ

หลินเซี่ยเข้าใจจุดสำคัญอีกประการหนึ่ง เสิ่นอวี้อิ๋งขี้โรคมาตั้งแต่เกิด ตอนแบเบาะหล่อนเกือบจะไม่รอดด้วยซ้ำ

“แม่ ถามหน่อยสิ ตั้งแต่เสิ่นอวี้อิ๋งเกิด หล่อนก็สุขภาพไม่แข็งแรงแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าคุณเสิ่นกับภรรยาของเขากลัวว่าตัวเองอาจจะไม่สามารถเลี้ยงดูหล่อนได้ ก็เลยสลับตัวเด็กซะเลย?”

หลิวกุ้ยอิงส่ายหัว “แม่ไม่รู้ แต่ถ้าเป็นแม่ แม่จะไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด”

หลินเซี่ยยังรู้สึกว่าเหตุผลนี้ไม่น่าเชื่อถือได้ เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว เสิ่นเถี่ยจวินและเซี่ยหลานอย่างน้อยก็มีสภาพและฐานะทางครอบครัวที่ดีกว่าหลิวกุ้ยอิง อะไรคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจสลับลูกสาวตัวเองกับลูกสาวของผู้หญิงบ้านนอกธรรมดา ๆ นี่ไม่เท่ากับเอาชีวิตของลูกตัวเองไปทิ้งหรอกเหรอ?

นอกจากนี้ เป็นไปไม่ได้ที่เซี่ยหลานจะคลอดทารกที่มีปัญหาสุขภาพ

เซี่ยหลานเป็นหมอ แน่นอนว่าย่อมมีสุขภาพแข็งแรงดีในทุก ๆ ด้าน เมื่อเธออายุได้สี่ขวบ อีกฝ่ายก็ให้กำเนิดเสิ่นอวี้หลงน้องชายของเธอที่แข็งแรงดี

เมื่อคิดเรื่องเสิ่นอวี้หลง หลินเซี่ยก็ยังรู้สึกสับสนไม่หาย

จนป่านนี้เสิ่นอวี้หลงก็ยังไม่ฟื้น นับตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์

เสิ่นอวี้หลงถูกรถชนขณะขี่จักรยาน เขาหมดสติเพราะเสียเลือดมากเกินไป ต้องการการรับบริจาคเลือดอย่างเร่งด่วน สมาชิกทั้งครอบครัวจึงไปตรวจกรุ๊ปเลือด ในฐานะที่เป็นหมอ เซี่ยหลานรู้ทันทีว่ากรุ๊ปเลือดของเธอไม่ตรงกับตนเองและสามี ความจริงจึงเปิดเผยว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริงของพวกเขา

ความจริงแล้ว แพทย์เจ้าของไข้ไม่ได้แนะนำเขาให้รับการถ่ายเลือดจากครอบครัว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทุกคนในครอบครัวไปตรวจเลือดในวันนั้นพร้อมกัน แล้วหมอก็ไม่ห้ามด้วย

บางที นั่นอาจเป็นเพราะโชคชะตากำหนดก็ได้

หลินเซี่ยนอนตะแคงข้างหันไปทางหลิวกุ้ยอิง ถามด้วยรอยยิ้มว่า “แม่คะ ฉันเดาว่าสมัยสาว ๆ แม่กับพ่อคงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ๆ เลย ถ้าอย่างนั้นแม่เคยคบกับใครก่อนจะมาคบกับพ่อไหม? เขาใช่รักแรกของแม่หรือเปล่า?”

“เซี่ยเซี่ย ทำไมถึงถามแบบนี้?” ร่างกายของหลิวกุ้ยอิงแข็งทื่อไปชั่วขณะ ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด สีหน้าของหล่อนกลับแปลกแปร่งผิดธรรมชาติ

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

อยากรู้อดีตของคุณแม่เลย สรุปเซี่ยเซี่ยเป็นลูกใครกันแน่

ไหหม่า(海馬)