บทที่ 35 เธอปิดบังอะไรไว้ใช่ไหม

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 35 เธอปิดบังอะไรไว้ใช่ไหม

บทที่ 35 เธอปิดบังอะไรไว้ใช่ไหม

ฉูรั่วฮวนซึ่งกำลังซ้อมเต้นไม่พอใจมากที่ถูกขัดจังหวะ แต่เธอก็ยังเดินตามโคโค่ไปที่ทางเดิน

“เกิดอะไรขึ้น?”

โคโค่ไม่ได้แสดงท่าทางเหมือนตอนที่เธออยู่ในคลาส C เลย ตรงกันข้ามโคโค่ดูให้เกียรติฉูรั่วฮวนมากกว่าแจ็คด้วยซ้ำ

คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เธอรู้เกี่ยวกับตระกูลของฉูรั่วฮวน ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบกลุ่มการเงินชั้นนำของจีน เธอเป็นลูกสาวคนโตของเฟิงกู่อิเล็กทรอนิกส์

เช่นเดียวกับฮันเอินจี เธอก็มาจากตระกูลชั้นสูงเช่นกัน แม้ว่าบริษัทเฟิงกู่อิเล็กทรอนิกส์ จะอยู่อันดับล่าง ๆ ของกลุ่มการเงินและมีแนวโน้มที่จะหลุดออกจากรายชื่อกลุ่มการเงินสิบอันดับแรก แต่ยังไงซะอูฐที่แม้จะผอมโซ ก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า*[1] ฉูรั่วฮวนยังห่างไกลจากคนธรรมดาเช่นพวกเธอ

และเมื่อได้ยินที่โคโค่เล่า ดวงตาของฉูรั่วฮวนก็เป็นประกาย

“ยัยนั่นบอกตกลงที่จะแข่งกับเธอ?”

โคโค่พยักหน้า “ฉันไม่จำเป็นต้องขัดขวางเธอตั้งแต่แรก แต่นึกขึ้นได้ว่าคุณไม่ชอบเธอ ฉันก็เลยทำ”

ฉูรั่วฮวนอยากจะสาปแช่งคนตรงหน้า แต่เพราะมีกล้องจำนวนมากเฝ้าดูอยู่ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ถูกจ้องมองอยู่ตลอด

เพราะอย่างนั้นเธอจึงทำได้เพียงชมว่า “เธอทำได้ดีมาก ยัยนั่นไม่มีพื้นฐานด้านการร้องแรปเลย ต้องแพ้การแข่งขันนี้แน่นอน พอเธอออกจากรายการไปแล้ว เราจะได้สบายหูสบายตาสักที”

เมื่อเห็นท่าทางของฉูรั่วฮวน โคโค่จึงใช้โอกาสนี้พูดว่า “ฉันทำให้อาจารย์ขุ่นเคืองใจแล้ว ฉันอยู่คลาส C ต่อไปไม่ได้แล้ว ฉันมาเรียนที่คลาส A ได้ไหม”

เนื่องจากมีกล้องอยู่ที่ทางเดินด้วย ชาวเน็ตจึงเห็นการสนทนาระหว่างพวกเขาจึงเริ่มวิเคราะห์

[ทำไมสองคนนี้ถึงอยู่ด้วยกัน]

[การเดิมพันมีส่วนเกี่ยวข้องกับฉูรั่วฮวนหรือไม่]

[ทุกคนสงสัยหรือไม่ว่าฉูรั่วฮวนเป็นผู้ยุยงให้เธอทำเช่นนั้น]

[ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยนะ คุณพูดเอง]

[พล่าม! ในฐานะลูกสาวคนโตของตระกูลฉู ฉูรั่วฮวนคงไม่ทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้]

[ใช่แล้ว โคโค่ต่างหากที่ต้องการบังคับ ฉูรั่วฮวนของเรา!]

[ฮวนฮวน อยู่ห่างจากคนร้ายกาจคนนี้!]

เมื่อได้ยินคำขอของโคโค่ ฉูรั่วฮวนก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “เราได้รับการประเมินเกรดไปแล้ว อย่างที่เธอพูด เธอควรที่จะได้เข้าเรียนในคลาส A ดังนั้นเธอก็ควรเตรียมตัวให้ดีและพยายามให้มากขึ้นในการประเมินครั้งแรก”

“งั้นฉันไปซ้อมก่อนนะ”

พูดจบเธอก็ทิ้งโคโค่ไว้คนเดียวที่ทางเดิน

[ดูสิ? ฉันบอกแล้วว่าฮวนฮวนของฉันไม่รู้เรื่อง!]

[ดูจากสีหน้าของฮวนฮวนของฉัน ก็รู้แล้วว่าไม่ชอบผู้หญิงคนนี้!]

[ดูเหมือนเธอจะไม่เห็นด้วยกับโคโค่]

[น่าขยะแขยง ฮวนฮวนของเราเป็นคนดี อย่ามาใกล้]

เมื่อซูโย่วอี๋กลับไปที่คลาส B เธอก็ถูกห้อมล้อมจากทุกคนที่กระตือรือร้นทันที

“เป็นยังไงบ้าง อาจารย์แจ็คสอนอะไรบ้าง?”

“เธอเรียนอะไรมาบ้าง โอกาสแบบนี้หายากมากนะ”

“สอนเราเร็วเข้า”

มองไปที่เหล่าดวงตาที่เป็นมิตร ซูโย่วอี๋ก็รู้สึกอบอุ่นในใจ “ฉันกลับมาเพราะมีบางอย่างเกิดขึ้นน่ะ”

“ฉันไม่รู้ว่าตัวเองได้เรียนรู้อะไรบ้าง ขอฉันทำความคุ้นเคยกับมันก่อนนะ”

ซูโย่วอี๋ไปที่นั่นประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในทันที ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้คาดหวังมากเกินไป แต่ก็เป็นการดีที่เธอจะสอนเทคนิคและประสบการณ์บางอย่างให้กับพวกเธอ

เฉินซีซีจับมือซูโย่วอี๋แล้วพูดว่า “พี่สาว ดูแลตัวเองด้วยนะ”

เมื่อฝูงชนแยกย้ายกันไป เธอไปที่มุมห้องและหยิบเนื้อเพลงขึ้นมา

เนื้อเพลงที่เธอไม่เคยสนใจมาก่อนตอนนี้กลับดูคุ้นเคย

“เรียกฉันว่าอะไรก็ได้”

“มันมาจากดาวอังคารหรือโลก?”

“อยู่ในโลกมีแต่คมเขี้ยว”

“ฉันอยากจะสู้ให้ถึงที่สุด”

“อธิษฐานทุกวัน”

“มันทำให้ฉันกลายเป็นคนใจกว้าง”

“ฉันต้องการที่จะก้าวไปสู่ความแข็งแกร่ง”

“ดิ้นรนเพื่อให้เห็นทั่วทั้งจักรวาล”

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ เด็กฝึกที่กำลังซ้อมร้องและเต้นหรือกำลังพักผ่อนต่างมองซูโย่วอี๋ราวกับว่าพวกเขาเห็นผี

เมื่อกี้ใครเป็นคนแรป

ทุกคนมองหน้ากันอย่างไม่รู้สาเหตุและต่างจับจ้องไปที่ซูโย่วอี๋ในที่สุด

[อะไรกัน!]

[บ้าน่า!]

[จริงเหรอเนี่ย!]

[ฉันได้ยินผิดหรือเปล่า]

[นี่เธอเปิดเทปหรือเปล่า?]

[มันเป็นไปไม่ได้!]

[ได้โปรด บอกฉันที เธอเป็นคนร้องใช่ไหม?]

[นี่เธอไม่เคยแรปมาก่อนเหรอ?!]

[ท่านเทพ เอาลูกฉันคืนมา!]

หลังจากซูโย่วอี๋ร้องเพลงเสร็จ เฉินซีซีก็ดึงมือเธอแล้วพูดว่า “โอ้ พระเจ้า พี่สาว พี่สุดยอดมาก”

หลินเจี้ยนวางมือบนไหล่ของซูโย่วอี๋แล้วเขย่าอย่างแรง “อาจารย์ส่งต่อพลังทั้งหมดมาให้เธอหรือเปล่า”

“พูดมาตามตรง เธอปิดบังอะไรไว้ใช่ไหม”

นี่มันเกินไปแล้ว

พรสวรรค์นี้มันเกินคำจะบรรยาย!

แต่พอคิดดูอีกที ทำไมเธอถึงซ่อนความสามารถที่แท้จริงของเธอเอาไว้ในการแสดงครั้งแรก?

แล้วทำไมเธอถึงแสดงความสามารถที่แท้จริงของเธอตอนนี้

เด็กฝึกในคลาส B ไม่สนใจเรื่องนั้น พวกเธอเข้ามามุงซูโย่วอี๋และขอคำแนะนำจากเธอ

ในวันนั้น ข่าวทั้งสองแพร่สะพัดไปทั่วเกาะ หนึ่งคือซูโย่วอี๋และโคโค่จะแข่งขันกันร้องแรปและเดิมพันทำข้อตกลงกัน และอีกอย่างคือคนจากคลาส B คุยโวไปทุกหนทุกแห่งเรื่องความสามารถในการแรปของซูโย่วอี๋

เรื่องแรก ทุกคนต่างไม่ขอออกความคิดเห็น แต่เรื่องที่สองถูกมองว่าเป็นข่าวลือที่คลาส B สร้างขึ้นเพื่อปกป้องซูโย่วอี๋

ในคืนก่อนการสอบเพลงธีมรายการที่ทุกคนกังวลมากขึ้นและตั้งตารอ

การร้องเพลงของซูโย่วอี๋นั้นถึงระดับที่สมบูรณ์แบบแล้วเหลือเพียงการเต้นเท่านั้น

เธอจึงฝึกซ้อมทั้งวัน

ไม่รู้หรอกว่าเธอเหนื่อยแค่ไหน

[ฉันได้เห็นตอนจบของเรื่องแล้ว!]

[มุมมองของพระเจ้าแบบนี้ที่มีแต่เราเท่านั้นที่รู้ มันยอดเยี่ยมจนอธิบายไม่ถูก]

[เข้าแถวนัดฉากอายพรุ่งนี้!]

[ใครก็ได้โทรหาโคโค่ให้เธอจองตั๋วรถไฟได้เลย]”

[เสียหน้าแน่!]

[ฉันเต็มไปด้วยความคาดหวัง]

[ไอ้หนู แกมีอะไรอีกเยอะที่ฉันไม่รู้ (เสียง CEO ที่ครอบงำ)]

ในที่สุดวันนั้นก็มาถึง เฉินซีซีนอนอยู่บนเตียง ถามอย่างสับสนว่า “พี่สาว ทำไมจู่ ๆ พี่ถึงร้องแรปเก่งจัง”

“ถ้าฉันบอกเธอว่าเมื่อวานฉันร้องแรปไม่ได้จริง ๆ เธอจะเชื่อฉันไหม”

เฉินซีซีขมวดคิ้วและคิดว่ามันฟังดูคุ้น ๆ?

แต่ถึงยังไงมันก็เป็นการตัดสินใจของพี่สาว เธอสามารถทำอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ

……

เช้าวันรุ่งขึ้นเนื่องจากเป็นวันประเมิน ซูโยว่อี๋จึงตื่นเร็วกว่าปกติและพาเฉินซีซีไปรอที่สตูดิโอล่วงหน้า

ทันทีที่เธอเข้ามา โคโค่ก็ประจำที่แล้ว เธอยืนอยู่ที่นั่นและชูนิ้วกลางขึ้นอย่างยั่วยุ

ซูโย่วอี๋แสร้งทำเป็นไม่เห็นและนั่งบนที่นั่งของเธอ พูดคุยและหัวเราะกับเฉินซีซีราวกับว่าเธอไม่กังวลเกี่ยวกับการสอบในวันนี้เลย

โคโค่กำหมัดแน่น เธอหวังว่าเธอจะพูดคุยและหัวเราะแบบนี้ได้ในภายหลัง

ทุกคนในคลาส B ให้กำลังใจเธอ “สู้ ๆ”

คนในคลาส C ที่ไม่ค่อยได้พูดคุยกัน เมื่อเทียบกันแล้ว พวกเขาดูน่าสมเพชยิ่งกว่า

และเมื่อฉูรั่วฮวนมาถึง โคโค่ก็ทักทายเธออย่างกระตือรือร้น แต่ฉูรั่วฮวนแสร้งทำเป็นคุยกับคนข้าง ๆ และไม่สนใจเธอ

ช่างน่าตลก! ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเธอต่างก็เบือนหน้าหนี

เมื่อพวกเขามาที่เกาะ ทีมงานของรายการได้เอาโทรศัพท์มือถือของพวกเธอไป แต่พวกนั้นไม่ได้ตรวจสอบกระเป๋าเดินทางของพวกเธอ ฉูรั่วฮวนแอบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ และได้เห็นหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการเดิมพันและการร้องแรปของซูโย่วอี๋เมื่อคืนก่อน

ซึ่งซูโย่วอี๋ร้องแรปเก่งจริง ๆ

เมื่อรู้ความจริงแล้ว ฉูรั่วฮวนจึงตัดสินใจละทิ้งตัวหมากนี้ทันที