บทที่ 54 ใช้ปิ่นทำร้ายคน

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 54 ใช้ปิ่นทำร้ายคน

“ท่านวางใจเถิด เรื่องใดที่ข้าตอบตกลงแล้วย่อมทำตามนั้น ท่านเพียงแต่จัดเตรียมงานให้พร้อมเท่านั้น ในวันพิธี ข้าจะมายังจวนแม่ทัพให้ทันเวลา”

วันพิธีเสกสมรส

วันนี้เป็นวันมงคลสมรสของหลานเยาเยาและท่านอ๋องสมญานามเทพแห่งสงครามผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือเย่แจ๋หยิ่ง ถนนทั่วทุกมุมในเมืองหลวงต่างประดับประดาด้วยโคมไฟหลากสี เป็นภาพแห่งความมงคลชื่นมื่นยินดี

นอกเหนือจากนั้น ยังมีการปูพรมสีแดงสดเริ่มจากประตูจวนแม่ทัพถึงประตูจวนทั้งอ๋องเย่

เหล่าประชาชนทั้งหลายต่างพากันมายังสองฝั่งฟากถนนชะเง้อคอเมียงมอง พวกเขาต่างได้ยินมาว่า ท่านอ๋องเย่จะมารับพระชายาของท่านด้วยตัวเองในวันนี้ ช่างเป็นเรื่องที่หาดูได้ยากนัก ร้อยวันพันปีจะมีครั้งหนึ่ง!

“ไอหยา!”

ภายในกำแพงจวนแม่ทัพด้านหลังจวน เสียงโอดครวญด้วยความเจ็บปวดลอยมาให้ได้ยิน หลานเยาเยาปีนจากพื้นขึ้นมา แล้วรีบผลุบลงไปในจวนอย่างรวดเร็ว

ต้องโทษตาเฒ่าเย่นนั่น จัดการหาที่พักให้นาง และยังหานางรับใช้มาปรนนิบัตินางอีกด้วย วันนี้เป็นวันเสกสมรสของนาง เป้าหมายอันยิ่งใหญ่จะสัมฤทธิ์ไปอีกหนึ่งอย่าง ตาเฒ่าเย่นนั่นยังจะพยายามรั้งนางเอาไว้ไม่ให้ออกมา

เหอะ!

สักวันนางจะดึงเคราขาวของเขาทิ้งให้เกลี้ยง

เมื่อนางมาถึงลานใหม่ของนางในอดีต ของข้างในห้องสะเปะสะปะรกไปหมด ราวกับเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

ภายในห้องมีสาวใช้เดินไปเดินมาอย่างรีบร้อน ราวกับกำลังจะมีมหันตภัยใหญ่กำลังกล้ำกรายเข้ามาอย่างไรอย่างนั้น

“ทำอย่างไรดี?ทำอย่างไรดี?หลานเยาเยาทำไมยังไม่มาอีก?ท่านอ๋องเย่กำลังจะมาสู่ขอแล้ว”

สาวใช้นางหนึ่งไม่หยุดที่จะพูดพร่ำ

“เหอะ นางหลานเยาเยา นางคนชั้นต่ำ ทำไมถึงเข้าตาท่านอ๋องเย่ที่ผู้คนเป็นหมื่นเป็นแสนต่างปรารถนาครอบครอง

ทำไมไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาอัปลักษณ์ของตัวเอง คืนเข้าหอคืนแรกอย่าคิดเลยว่าท่านอ๋องเย่จะมีอะไรกับนางหรือเปล่า เกรงว่าแม้แต่ประตูห้องหอคงไม่เข้าไปด้วยซ้ำ!” สาวใช้อีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นแน่อยู่แล้ว หากข้าเป็นท่านอ๋อง ข้าจะหนีนางไปไกลๆ เลย เหอะๆๆๆ!”

สาวใช้ที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันนินทาหลานเยาเยาอย่างออกรส ทั้งปากทั้งสายตาส่งประกายประชดประชันอย่างชัดเจน

ในห้องนั้นมีสาวใช้ติดตัวเจ้าสาวสี่คน มีแม่นมที่จะติดตามไปรับใช้อีกสองคน ทั้งหมดต่างได้รับการฝึกฝนจากนิ่งซื่อ

สาวใช้ติดตามตัวทั้งสี่ ต่างถูกเฟ้นหาเลือกสรรมาอย่างดี มีลักษณะท่าทางที่แตกต่างกันออกไป แต่ก็มีมาตรฐานที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือต่างมีรูปลักษณ์ที่นับว่างดงาม

เหอะ!

นิ่งซื่อนับว่าวางแผนมาอย่างดีทีเดียว!

คาดการณ์จะให้สาวใช้ทั้งสี่นี้ถูกตาต้องใจกับเย่แจ๋หยิ่ง อนาคตข้างหน้าได้รับตำแหน่งขึ้นเป็นนางสนมหรือเป็นชายา ขึ้นมาเป็นปฏิปักษ์กับนาง!

เพียงแต่น่าเสียดายนัก หมากเกมนี้นางวางผิดไปเสียแล้ว

ดังนั้น!

มุมปากหลานเยาเยามีรอยยิ้มขึ้น ยกขาถีบประตูห้องที่ปิดไว้ครึ่งหนึ่งอย่างแรง ทำให้คนทั้งห้องสะตุ้งตกใจเด้งตัวขึ้นกันหมด พวกคนขี้ขลาดเมื่อเห็นนางเข้า ถึงกับหน้าซีด

“หลาน…คุณหนูหก ในที่สุดท่านก็มา จะถึงฤกษ์แล้ว มาเร็วมาเร็ว ต้องรีบทำผมสวมชุดแต่งงานแล้ว”

มีสาวในหนึ่งในนั้นมีสติกลับมาเร็วที่สุด รีบแสร้งเปลี่ยนสีหน้าท่าทาง พลางแย้มยิ้มหยาดเย้ม

พวกนางต่างไม่มีใครรู้

หลานเยาเยาได้ยินที่พวกนางกระซิบนินทามากน้อยเท่าไหร่

แต่แม้ว่านางจะได้ยินหรือไม่ พวกนางก็ไม่ได้สนใจ ยิ่งไปกว่านั้น หลานเยาเยาจะทำอะไรพวกนางได้?

นายท่านตัดสัมพันธ์พ่อลูกกับนางแล้ว นางไม่ได้เป็นคุณหญิงหกแห่งจวนแม่ทัพนานแล้ว ตอนนี้ยังกล้ากลับมาอย่างไร้ยางอาย ตัดสินใจแต่งออกจากจวนแม่ทัพ พวกนางยอมเรียกนางคุณหนูหก ก็นับว่าไว้หน้านางมากพอแล้ว

ต่อไปเมื่อไปถึงจวนอ๋องเย่แล้ว หลานเยาเยายังต้องพึ่งพวกนางอีก ยิ่งไปกว่านั้น นางก็ต้องพึ่งพาสาวใช้อย่างพวกนางนี้แหละ นางถึงจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ในจวนอ๋องเย่ได้

เพราะอย่างนั้นพวกนางต่างไม่เกรงกลัว!

“เอาสิ อย่างนั้นก็ทำเลย”

หลานเยาเยายังคงรอยยิ้มบนใบหน้า เดินทอดน่องไปนั่งบนเก้าอี้แต่งตัวตัวสูงหน้าโต๊ะแต่งตัว มือข้างหนึ่งวางบนโต๊ะแต่งตัวในท่าทีสบายๆ บังเอิญมือแตะเข้ากับปิ่นปักผมสีตั๋วเงินอันวิจิตร

“เพคะ คุณหนูหก”

สาวใช้ที่พูดขึ้นเมื่อครู่ขานรับ แววตาแวบแววรังเกียจขึ้นสายหนึ่ง แล้วจึงรุดเดินมายังข้างกายนาง พลางก็หวีผมให้นางอย่างไม่ได้ตั้งใจนัก ท่าทางไม่อยากทำอย่างเต็มประดา

เมื่อแต่งผมเสร็จ และกำลังแต่งผมด้วยเครื่องผมอยู่นั้น สาวใช้นางนั้นตั้งใจใช้ปลายแหลมของปิ่นปักลงบนศีรษะ โดยไม่คิดเลยว่าจะปักโดนหนังศีรษะนางหรือไม่

คิ้วของหลานเยาเยาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย!

เมื่อมองไปยังสาวใช้ที่แต่งผมให้นางอยู่นั้น ท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว ราวกับคิดว่านางไม่กล้าลงมือทำอะไร

ใครจะรู้…

หลานเยาเยารีบคว้าปิ่นตั๋วเงินที่อยู่ข้างกาย ปักลงทางด้านหลังสุดแรง บังเอิญปักลงตรงต้นขาของสาวใช้ที่ทำผมให้นางพอดี

“อ้ากก…”

เสียงร้อยอันเจ็บปวดดังขึ้น สาวใช้ที่ถูกปิ่นปักก็ทรุดลงบนพื้นทันที กอดขาที่เลือดไหลอยู่อย่างเจ็บปวด

คนอื่นๆ ในห้องต่างหยุดสิ่งที่ทำอยู่ แต่ละคนต่างมองมายังพวกนาง เมื่อเห็นว่าคนเจ็บคือสาวใช้ สีหน้าท่าทางพวกนางต่างเปลี่ยนไปตามๆ กัน

มองเห็นแววคล้ายจะหัวเราะแต่นิ่งงันของหลานเยาเยา และมองไปยังปิ่นตั๋วเงินที่มีรอยเลือดสดในมือนาง แต่ละคนต่างขนลุกขนพองด้วยความหวาดกลัว

“หลานเยาเยา เจ้ากล้าทำร้ายข้า?”

สาวใช้ที่บาดเจ็บขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถามขึ้น ราวกับหลานเยาเยาใช้ปิ่นปักนางเนื่องเพราะนางทำโทษผิดมหันต์

“ช่วยไม้ได้ หนังศีรษะข้าไม่พอใจเสียแล้ว”

ปกติแล้วนางไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องคนอื่นก่อน แต่ก็ช่วยไม่ได้!ในเมื่อมักจะมีคนทำอะไรให้นางไม่ประทับใจ นางก็เพียงแค่ดีมาดีกลับ ร้ายมาก็ร้ายกลับเพียงเท่านั้น

“เจ้า…”

สาวใช้นางนั้นยังอยากจะพูดอะไรไม่น่าฟังออกมาอีก กลับถูกแม่นมผู้โชกโชนที่ยืนอยู่ข้างๆ ดึงนางไว้ ราวกับจะให้นางหยุดพูด

แล้วก็พูดขึ้นกับหลานเยาเยาด้วยรอยยิ้ม

“คุณหนูหก ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ข้าน้อยต้องขออภัยแทนชิวซวนด้วยเพคะ ชิวซวนนิสัยรีบร้อนไปบ้าง แต่ไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณหนูหกเจ็บปวดจริงๆ นะเพคะ หวังว่าคุณหนูหกจะไม่เอาเรื่องกับนาง เพื่อให้ทันเวลาฤกษ์นะเพคะ”

โอ้

ใช้ได้เลย ที่นี่นับว่ามีคนรู้จักพูดอยู่คนหนึ่ง

มีคำกล่าวว่ารอยยิ้มเอาชนะความผิดได้ ทว่าแววตาดูถูกเย้ยหยันชั่ววูบหนึ่งที่ปราดออกมาจากสายตาแม่นม นางก็เห็นอย่างชัดเจนผ่านกระจกทองเหลือง

อยากเล่นละครหรือ?งั้นก็เล่นดีๆ เสียหล่ะ

“ที่ทำเสียเวลาก็คือพวกเจ้า หรือมิใช่?”

นางมานั่งอยู่ก่อนแล้ว เพียงแค่สาวใช้ที่ชื่อชิวซวนนั่น แต่งผมให้นางเลิ่กลั่ก ไม่เต็มใจ จึงทำให้เสียเวลาอยู่นาน

“ใช่แล้วเพคะ ตอนนี้ก็ให้ข้ารับใช้คุณหนูแทนเพคะ”

“ดีสิ”

หลานเยาเยาตอบในทันที

แม่นมนางนี้ก็ไม่เลอะเลือน รีบตั้งใจแต่งผมให้นางใหม่ แม้ตอนติดเครื่องทรงผมก็ประดับให้นางอย่างระมัดระวังนัก

เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แม่นมจึงส่งสายตาไปยังสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ

“รีบนำน้ำสะอาดเข้ามา ให้คุณหนูหกบ้วนปาก”

ก่อนจะแต่งออกไปต้องบ้วนปาก อาบน้ำและยังมีพิธียุ่งยากอื่นๆ อีก แต่หลานเยาเยาต่างก็ละเสียทั้งหมด

ยิ่งไปกว่านั้น!

จวนแม่ทัพมิได้ให้ความสำคัญกับงานมงคลสมรสนี้เท่าใดนัก

“เจ้าค่ะ!”

สาวใช้ตอบรับคำหนึ่ง และน้ำน้ำสะอาดที่เตรียมไว้ด้านข้างยกมา

“คุณหนูหกเชิญบ้วนปาก”