บทที่ 48 การเติบโตของปลาเกล็ดขาว[รีไรท์]
หลังจากอาบน้ำเสร็จ และเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่ซักแห้งดีแล้ว ฉู่เหินก็บิดขี้เกียจอย่างสบายตัว เขารู้ว่าสักวันหนึ่งเขาก็ต้องบอกผู้หญิงทั้งสองคนเกี่ยวกับเจ้าระบบ ถ้ารอนานกว่านี้ มันอาจทำให้เธอทั้งสองคนตกใจกลัวเอาได้
“เธอทั้งสองคนฝึกวิทยายุทธกับพี่มา 2-3 วันแล้ว พี่ว่าพวกเธอน่าจะเดากันได้ ทักษะที่พี่สอน ถ้าฝึกถึงระดับหนึ่ง เธอจะกลายเป็นจอมยุทธไร้เทียมทาน จนถึงกับได้เป็นเทพยุทธแห่งยุคเลยก็ได้”
“อ้อ แล้วก็ฉันมีที่เก็บของส่วนตัว มันเรียกว่าแหวนมิติ ฉันเอาของที่ตกได้จากทะเลใส่ไว้ในนั้น เพราะฉะนั้น ถ้าฉันหยิบอะไรดี ๆ ออกมา พวกเธอก็อย่าตกใจล่ะ”
ฉู่เหินต้องเตือนทั้งสองสาวก่อน ถ้าในบ้านมีเพียงเขาคนเดียวก็คงไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไร แต่ตอนนี้ครอบครัวไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว เขาต้องคิดถึงความรู้สึกคนอื่นด้วย
เพราะถ้าสองสาวตกใจขึ้นมา เขาคงจะรู้สึกผิดและอีกอย่างเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่แล้ว เขาควรบอกตั้งแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า อย่างน้อยมันก็อาจช่วยให้สองสาวเตรียมใจเอาไว้ได้ ว่าแล้วเขาก็ปล่อยกุ้งมังกรยาวกว่า 10 เมตรออกมา พร้อมกับคิดว่าจะเอาตัวของมันมากินก่อนแค่ 1 เมตร แล้วเก็บส่วนที่เหลือเอาไว้
แค่สิ่งนี้สิ่งเดียวก็ทำให้ทั้งสองสาวตะลึงตาค้าง กุ้งมังกรที่ไหนจะยาว 10 เมตร นึกยังไงก็นึกไม่ออก หลังเอาเนื้อกุ้งส่วนหนึ่งให้สองสาวกิน ฉู่เหินก็กลับไปศึกษาเรื่องหุ่นและกลไกที่ห้อง
ระหว่างที่เขาอ่านอยู่นั้น ฉู่เหินรู้ว่าการสร้างกลไกเป็นเพียงหลุมลึกอันดำมืด สิ่งเหล่านี้สามารถใช้ป้องกันหรือโจมตีก็ได้ และเมื่อเขานำมันมาเปรียบกับศิลปะป้องกันตัวของเขา มันก็ทำให้เขาเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ หลังจากทำการค้นคว้าอย่างต่อเนื่อง ฉู่เหินก็เข้าใจกลไกของหุ่นเชิดแล้ว หนึ่งในความรู้นั้นคือวิธีการขัดเกลา เพียงแค่นี้ก็ทำให้เขาดีใจเป็นอย่างมากแล้ว เพราะนั่นทำให้ตอนนี้เขามีวิธีทำหุ่นเชิดถึงสองวิธีด้วยกัน
วิธีที่หนึ่งคือการใช้วัสดุมีค่าหลายอย่าง เมื่อทำเสร็จ มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ส่วน คล้ายกับลูกอ๊อดที่สามารถเปลี่ยนเป็นรูปร่างคน สัตว์หรือพืชนานาชนิดได้ แต่ถ้าต้องการให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัว แบบนั้นก็ต้องใช้ศพ
ส่วนจะเลือกศพอะไรนั้น ศพคนหรือสัตว์ประหลาดก็ใช้ได้ เมื่อสร้างออกมาแล้ว หุ่นเชิดที่ได้จะสามารถแบ่งออกเป็น 4 ขั้น ทอง เงิน ทองแดงและเหล็ก
หุ่นเหล็กคือขั้นที่ต่ำที่สุดจากทั้งหมด มันสามารถใช้กำลังได้เพียง 1 ใน 10 ส่วนที่เจ้าของร่างเดิมมีก่อนกลายเป็นศพ ต้องนำหุ่นเหล็กไปขัดเกลาถึงจะดึงพลังต่อสู้ของหุ่นออกมาได้ 100%
สำหรับศพทอง มันมีจริงแค่ในตำนาน ว่ากันว่าเมื่อขัดเกลาจนได้เป็นศพทองแล้ว ประสิทธิภาพในการต่อสู้จะพัฒนาขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับอายุขัยของมัน หากได้รับแสงอาทิตย์และแสงจันทร์อย่างต่อเนื่อง ศพสีทองจะค่อย ๆ เติบโตและกลายร่าง แต่นั่นก็ยังถือว่าช้าอยู่ดี
ฉู่เหินดีใจเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้เขามีศพจอมยุทธในแหวน ซึ่งศพดังกล่าวก็อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ถ้านำมาศพมาใช้ทำหุ่นเชิดละก็ อย่างน้อยก็ต้องได้ระดับเหล็ก
ฉู่เหินคิดเอาไว้ในใจว่าศพเหล็กควรหน้าตาเป็นอย่างไรหลังจากขัดเกลาแล้ว แต่เมื่อเขาทำการค้นคว้าอย่างลึกซึ้ง มันก็มีของสองอย่างที่จำเป็นสำหรับการสร้างหุ่นเชิด สิ่งหนึ่งคือเปลวเพลิงอันร้อนระอุ อีกสิ่งหนึ่งคือปากกาเขียนอักขระวิเศษ
ข้อสำคัญสุดท้ายของการขัดเกลาคือสร้างอักขระไว้ที่ศพ ฉู่เหินมีทางออกสำหรับเรื่องนี้ เขาสามารถใช้หางเสือเขี้ยวดาบที่เขาจับได้ก่อนหน้านี้มาใช้เป็นปากกาเขียนอักขระได้
ส่วนขั้นตอนการทำปากกามันก็ง่ายมาก แค่ปราดตามอง ฉู่เหินก็รู้แล้วว่ามันคล้ายกับการทำแปรง แต่เรื่องเปลวเพลิงนี่ซิที่เขายังกลุ้มใจอยู่ เพราะถ้าอยากให้ได้มาตรฐานการขัดเกลาขั้นต่ำสุด อุณหภูมิของเปลวเพลิงต้องสูงถึงหมื่น ๆ องศาเลยทีเดียว
แม้จะยังไม่มีวิธีแก้ไขปัญหา แต่ฉู่เหินก็เชื่อว่าเปลวเพลิงที่ความร้อนสูงเป็นแสน ๆ องศาไม่น่าจะมีปัญหาถ้าเขาตกลงกับกองทัพได้ จากนั้นเขาก็ตั้งใจอ่านต่อ จนหวงลี่ลี่ตะโกนจากนอกห้องให้ฉู่เหินเลิกอ่านได้แล้ว
“รีบมากินสิพี่” เมื่อได้ยินเสียงสาวน้อย ฉู่เหินก็ต้องส่ายหัวอย่างอดไม่ได้ เป็นผู้หญิงทั้งคู่ แต่เสี่ยวชิงไม่ใช่คนที่มาตะโกนอะไรแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนมีบุคลิกที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เมื่อฉู่เหินออกมาจากห้อง เสี่ยวชิงได้เตรียมมื้อเย็นแสนโอชะเอาไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเนื้อกุ้งมังกรนึ่ง ซาชิมิ เนื้อเสือตุ๋น ผัดหน่อไม้ดำ และซุปเต่ายักษ์ กับข้าวสี่จาน ซุปหนึ่งชาม เมนูอาหารมื้อนี้นี่ทำให้ชีวิตน้อย ๆ ของชายคนนี้มีความสุขมาก หลังการฝึกไม่กี่วัน ฝีมือการทำกับข้าวของเสี่ยวชิงพัฒนาขึ้นมาก แม้แต่หวงลี่ลี่เองก็ถึงกับต้องหรี่ตามองตอนกินข้าว
หลังจากทานอาหารมื้อใหญ่ ทุกคนก็มีเรี่ยวมีแรง ต่างคนต่างเริ่มฝึกวิทยายุทธกันเงียบ ๆ และหลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ดูดซับพลังงานของมื้ออาหารมื้อใหญ่นี้ได้อย่างเต็มที่
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ฉู่เหินก็อยากไปที่บ่อปลา เขาอยากเห็นว่าปลาเกล็ดขาวจะเป็นอย่างไรเมื่อกินสาหร่ายทะเลเข้าไป เมื่อเสี่ยวชิงกับลี่ลี่ได้ยินว่าฉู่เหินจะไปบ่อปลา พวกเธอก็ขอติดสอยห้อยตามไปด้วย ฉู่เหินไม่ได้พูดอะไร พวกเขาจึงออกไปด้วยกัน
อีกอย่างที่น้องสาวของเขาไปด้วยนั่นก็เพื่อช่วยเขาวางแผน ฉู่เหินกำลังวางแผนจะสร้างบ้านใหม่ พอพี่ชายออกจากโรงพยาบาล ก็จะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน อากาศที่นี่สดชื่น เงียบสงบ น่าจะเหมาะสำหรับการพักฟื้นมากกว่า
ทั้งสามเดินไปตลอดทาง ไม่นานพวกเขาก็มาถึงบ่อปลา เนินเขาทางตะวันออกของบ่อปลาเกือบราบไปหมดแล้ว คนงานนับไม่ถ้วนเดินวนไปเวียนมาขณะกำลังง่วนทำงานล่วงเวลาทั้งวันทั้งคืน ฉู่เหินรู้สึกว่าอีกไม่นาน บ่อปลาก็จะเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
บ่อปลาของฉู่เหินโอ่อ่าและสวยงามจริง ๆ ตอนนี้ทั้งสามคนเงยหน้ามองอยู่กลางที่โล่ง บ่อปลาพื้นที่กว่า 30 เอเคอร์ดูเงียบสงบและหรูหราภายใต้แสงอาทิตย์ ปลาเกล็ดขาวโผล่ขึ้นมาโต้คลื่นบนผิวน้ำเป็นระยะ ๆ
มีนกทะเลบินอยู่หลายตัวเหนือบ่อปลา ท้องฟ้าโดนแต่งแต้มประปรายด้วยเมฆสีขาวที่สะท้อนเป็นเงาอยู่ในน้ำ ต้นไม้ทั้งสองริมฝั่งบ่อปลาลู่ล้อไปตามลม นกกางเขนร้องเป็นระยะอยู่บนต้นไม้ ดูเหมือนมันจะกำลังบอกข่าวดีหรือบอกอะไรสักอย่าง
ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่มีแปลงดอกไม้ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงจากเวลายามว่างของฉู่เหิน ตอนนี้ดอกไม้พวกนั้นแข่งกันเบ่งบานในแปลง เพราะความสวยของมัน จึงทำให้มีผีเสื้อโบยบินขึ้นลงท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้เหล่านั้น
พวกเขายืนหลับตาเงียบ ๆ เสียงของคลื่นกระทบฝั่งใกล้ ๆ ทำให้รู้สึกเหมือนกลายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ความงดงามนี้สามารถบรรยายได้ในคำเดียวนั่นคือสวรรค์ จะได้ยินคำนี้สักกี่ครั้งในโลกใบนี้
เมื่อตื่นขึ้นมาจากภวังค์ ฉู่เหินก็เริ่มสังเกตบ่อปลาอย่างตั้งใจ อีกไม่นานมันก็จะมีการเวนคืนที่ดิน ถึงตอนนั้นถ้ามีการสร้างสะพาน มันก็จะเชื่อมบ่อปลาทั้งสองเข้าด้วยกัน
แต่นั่นมันก็ยังไม่ถึง เพราะงั้นจึงเลิกที่คิดจะคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไปก่อน เมื่อมาถึงบ่อปลาฉู่เหินก็รีบเอาสาหร่ายออกมาจากแหวน แล้วทั้งสามก็เริ่มโรยสาหร่ายลงในบ่อ
ปลาที่ตัวขนาดเท่าฝ่ามือตื่นเต้นมากที่ได้เห็นสาหร่าย จากนั้นพวกเขาทั้งสามก็เห็นปลาเกล็ดขาวทำอย่างกับได้รับของวิเศษเลิศเลอยังไงยังงั้น พวกมันทุกตัวรีบว่ายน้ำมากินสาหร่ายลงท้องกันชุลมุน
Next