บทที่ 56 โกรธจนหัวแทบระเบิด (ปลาย)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 56 โกรธจนหัวแทบระเบิด (ปลาย)

“ทั้งชีวิตของข้ามีงานอดิเรกแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็คือการสะสมชุดชั้นในของหญิงสาวที่โด่งดังทั้งหลาย…” แต่แล้วก่อนที่หมอเทวะจี้จะพูดจบ ซูอันก็ยกนิ้วกลางขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาลและตวาดกลับว่า

“นะ…นะ…นี่…เจ้านี่แม่งโคตรจะโรคจิตเลย เจ้ารู้ตัวไหม ไอ้เฒ่าโรคจิต!!”

“เจ้าไม่ต้องการที่จะได้รับการรักษางั้นเหรอ?” หมอเทวะจี้ ไม่โกรธแถมยังหัวเราะอย่างชั่วร้ายต่อหน้า

ซูอัน

ซูอันถอนหายใจแรงและสงบอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็วและถามต่อ “ก็ได้ ๆ เอาล่ะท่านหมอ

เทวะจี้ที่เคารพ โปรดพูดความต้องการของท่านต่อไป!”

“แบบนี้สิถึงคุยกันรู้เรื่องหน่อย! เอาล่ะหากเจ้าสามารถไปเอาชุดชั้นในของอวี้เหยียนลั่ว ภรรยาม่ายของอ๋องอวิ๋นจง มาได้…” หมอเทวะจี้ ส่ายหัวอย่างรวดเร็วเมื่อพูดถึงจุดนี้ “ช่างเถอะ ๆ เงื่อนไขนี้เจ้าทำไม่ได้แน่ คนอย่างเจ้าคงไม่เคยก้าวออกจากเมืองจันทร์กระจ่างมาก่อน ดังนั้นเจ้าจะไปมีโอกาสพบเจอกับบุคคลระดับนั้น

ได้ยังไง? งั้นเอาเป็น…ของ…ภรรยาของอ๋องฉู่ก็แล้วกันฉินว่านหรู หรือไม่ก็อาจารย์ที่งดงามที่สุดในสถาบัน

จันทร์กระจ่างซางหลิวอวี้ หรือนางคณิกาอันดับหนึ่งของ หอสุขนิรันดร์ชิวฮัวเล่ย ก็ได้! ถ้าเจ้าสามารถไปเอา

ชุดชั้นในของหนึ่งในรายชื่อที่ข้าพูดขึ้นมาได้ ข้าจะช่วยรักษาให้เจ้าทันที!”

ดวงตาของซูอันเบิกกว้างด้วยความสยองขวัญ เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสองคนหลัง แต่เขารู้จัก

ฉินว่านหรูดีเลยทีเดียว ชายหนุ่มกลืนน้ำลายหนึ่งอึกแล้วพูดว่า “นี่ท่านไม่กลัวว่าอ๋องฉู่จะมาถลกหนังหัวท่านหรือไง ถ้าเขาดันรู้เรื่องนี้เข้า? ข้ามั่นใจว่าถ้าเขารู้สภาพศพของท่านดูไม่จืดแน่ ๆ!”

“ต่อให้รู้แล้วไง? ดูเหมือนข้ากลัวอ๋องฉู่อะไรนั่นนักเหรอ?” หมอเทวะจี้ ตอบอย่างไม่แยแส

“เหอะ ๆ ถ้าท่านแข็งแกร่งมากจนไม่กลัวใคร ทำไมท่านไม่ไปเอาด้วยตัวเองให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยเล่า ท่านมาใช้ข้าให้มันยุ่งยากแบบนี้ไปเพื่ออะไร?” ซูอันเยาะเย้ย

หมอเทวะจี้ไอเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “เจ้านี่มันโง่จริง ๆ ข้าเป็นถึงหมอเทวะที่มีผู้คนนับหน้าถือตามากมาย ขืนข้าลงมือด้วยตัวเองชื่อเสียงของข้าก็ป่นปี้หมดน่ะสิ! เอาล่ะฟังให้ดี! เรื่องนี้เจ้าห้ามไปบอกใครเด็ดขาด หากเจ้าเอาเรื่องไปป่าวประกาศ ไม่เพียงแต่ข้าจะไม่ยอมรับ แต่ข้าจะประจานให้คนรู้กันทั่วเมืองเลย

ว่านกเขาของเจ้าไม่ขัน!”

ซูอัน ดวงตาเบิกโพลงไปด้วยความเดือดดาลทันที “โว้ยยย! ไอ้หมอวิตถาร นกเขาของข้าไม่ใช่ไม่ขัน

สักหน่อยโว้ย!!”

หมอเทวะจี้ ชำเลืองมองไปที่หว่างขาของซูอันและพูดขึ้นด้วยสีหน้าขบขันว่า “โอ้ ถ้างั้นเจ้าลองทำให้มันโด่ขึ้นมาหน่อยสิพ่อยอดชาย?”

“เจ้าไม่ใช่นางฟ้าสักหน่อย ข้าจะโด่ต่อหน้าเจ้าได้ยังไง!? !” ซูอันตวาดกลับด้วยสีหน้าเดือดดาล

แต่ก่อนที่ซูอันจะได้ทันพูดอะไรต่อ หมอเทวะจี้เดินเข้ามาตบไหล่ของเขาไว้และพูดว่า “เอาล่ะ ๆ หยุดทำตัวดื้อรั้นได้แล้ว ทำสิ่งที่ข้าขอจากเจ้าให้สำเร็จ แล้วข้าจะทำให้เจ้ากลับมาเป็นชายเต็มตัวอีกครั้ง”

อารมณ์ของซูอันในตอนนี้ผสมปนเปไปหมด ทั้งเดือดดาล ทั้งมีความหวัง ทั้งกระวนกระวาย แต่

ในท้ายที่สุด เขาก็ต้องตอบรับอย่างไม่เต็มใจนัก “โธ่เว้ยก็ได้ ข้าทำก็ได้!”

เพื่อความสุขของเขา เขาทำได้แค่ยอมรับภารกิจจากชายวิตถารคนนี้เท่านั้น!

ในระหว่างที่เดินออกจากบ้านตระกูลจี้ซูอันเอาแต่หมกหมุ่นอยู่กับภารกิจระดับนรกที่เขาเพิ่งได้รับ

จนลืมบอกลาจี้เสี่ยวซี

เขาไม่เคยได้ยินชื่อซางหลิวอวี้หรือชิวฮัวเล่ยมาก่อน แต่ฉินว่านหรู…

เฮ้อ…

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องโถงบรรพบุรุษในช่วงเช้าของวัน เขาเริ่มสาปแช่งความคิดวิปริต

ของของจี้เติ้งถู

ถึงแม้ว่าฉินว่านหรูจะสวยแต่อารมณ์ของนางนั้นนับว่าร้ายเหลือจะรับที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น ฉินว่านหรูเป็นแม่ยายของเขา ถ้าเขาถูกจับได้ว่าขโมยชุดชั้นในของนาง จุดจบของเขาคงไม่พ้นโดนคนของทั้งตระกูลฉู่ถลกหนังทั้งเป็นแน่!

แค่จินตนาการถึงภาพอันน่าสะพรึงกลัวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาขจัดความคิดขโมยชุดชั้นในของ

ฉินว่านหรูออกไป

ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเหลือตัวเลือกเดียวคืออวี้เหยียนลั่ว ซึ่งมันเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ที่เขาช่วยนางเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่ว่าถึงแม้ว่าเขาจะช่วยนางไว้ ถ้าเขาเคาะประตูบ้านของนางและขอชุดชั้นในของนาง เขาคงจะโดนโยนออกนอกบ้านของนางทันทีใช่รึเปล่า?

ไม่นานหลังจากที่ซูอันจากไป ในที่สุดจี้เสี่ยวซีก็เสร็จสิ้นการรักษาผู้ป่วยทั้งหมดของนางและรีบกลับเข้าไปในบ้านของนาง แต่แล้วเมื่อนางเข้าไปแล้วเห็นว่ามีเพียงแค่พ่อของนางเท่านั้นที่นั่งอยู่คนเดียว นางจึงถามไปว่า “เขาอยู่ที่ไหน?”

“ใคร?” หมอเทวะจี้ ถามกลับ

“ซูอัน เขาไม่เข้ามาเหรอ?” จี้เสี่ยวซีถามอย่างกังวล

“เอ่อ…ผู้ชายคนนั้น ข้าส่งเขาไปแล้ว” หมอเทวะจี้ มองลูกสาวของเขาอย่างสงสัย “เจ้ารู้จักเขา?”

“ใช่ ข้าพบเขาที่นอกเมือง เขาช่วยข้าเอาไว้” จีเสี่ยวซีตอบ

หมอเทวะจี้ ขมวดคิ้วแน่นทันทีพร้อมกับพูดว่า “นับจากนี้จงอยู่ห่างจากเขาเอาไว้ให้มากที่สุด คนดีไม่มีในโลก ข้ารู้ดีว่าความคิดสกปรกแบบไหนที่วิ่งเข้ามาในหัวของเขา”

ใบหน้าของจี้เสี่ยวซีแดงขึ้น “เขาไม่เหมือนผู้ชายคนอื่น”

หมอเทวะจี้ หัวเราะ “ใช่ เขาแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นจริง ๆ ซึ่งข้าเองก็คิดว่ามันดีเหมือนกัน เจ้าจะ

ไม่เสียหายแน่นอนต่อให้เจ้าอยู่กับเขาตามลำพัง ฮ่าฮ่าฮ่า”

จากคำพูดของพ่อของนางจี้เสี่ยวซีตระหนักว่าซูอันได้รับการวินิจฉัยแล้ว นางถามอย่างกังวลว่า “ท่านสามารถรักษาเขาให้หายได้รึเปล่า?”

“แน่นอน! เจ้าคิดว่าพ่อของเจ้าเป็นใคร?” หมอเทวะจี้ กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจในขณะที่เขา

ลูบเคราของเขา “อย่างไรก็ตาม ปัญหาของเขาค่อนข้างยุ่งยากอยู่เหมือนกัน การจะรักษาเขาให้หายมันคงต้องใช้เวลาอยู่สักหน่อย”

รอยยิ้มเบ่งบานบนริมฝีปากของจี้เสี่ยวซี “อืมข้าเชื่อในความสามารถของพ่อ อ้อเกือบลืมไปเลย ข้าเห็นว่าก่อนหน้านี้ท่านกำลังหาโก๋วเป่าจากหมาป่ากระซวกทวารอยู่ใช่ไหม ข้าเพิ่งได้มันมาก 12 อัน ท่านลองมาดูหน่อยว่าพวกมันใช้ได้รึเปล่า”

หมอเทวะจี้ ผงะไปครู่หนึ่ง เขารีบเดินมาหาจี้เสี่ยวซีและคว้าเอาถุงที่บรรจุโก๋วเป่าไปตรวจสอบทันที ซึ่งหลังจากที่เขายืนยันแล้วว่ามันเป็นโก๋วเป่าจากหมาป่ากระซวกทวารจริง ๆ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาวอย่างกระทันหันและตวาดไปที่ลูกสาวของเขาทันที “นะ…นะ…นี่เจ้าเข้าไปที่ หุบเขาหมาป่า มางั้นเหรอ? นี่เจ้าคิดบ้าอะไรของเจ้ากัน? เจ้าไม่ควรเอาตัวเองไปเสี่ยงกับเรื่องแบบนี้!”

ถึงแม้ว่าเขาจะมอบบางสิ่งให้ลูกสาวของเขาใช้เพื่อขับไล่สัตว์ป่า แต่ถ้านางไปกระตุ้นพวกหมาป่ากระซวกทวารจนบ้าคลั่งเมื่อไหร่ พวกมันทั้งฝูงจะไม่ใส่ใจกับอะไรอีกต่อไปซึ่งนั่นอาจทำให้นางตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงได้ง่าย ๆ!

จี้เสี่ยวซีหัวเราะและตอบกลับด้วยท่าทางใจเย็น “ท่านพ่อไม่ต้องกังวลหรอกข้าไม่ได้ล่าหมาป่ากระซวกทวารพวกนั้น ข้าซื้อโก๋วเป่าพวกนี้มาจากคนอื่น”

หมอเทวะจี้ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาก็ถามด้วยความสงสัย “ใครกันที่มีความสามารถรวบรวมโก๋วเป่าได้มากมายขนาดนี้?”

“ก็พี่ซูอัน ที่ท่านเพิ่งคุยด้วยเมื่อกี้นั่นแหละที่เป็นคนล่าพวกมัน เอ๊ะ? เขาไม่ได้บอกท่านงั้นเหรอ?”

จี้เสี่ยวซีถามกลับด้วยสีหน้างุนงง

“เจ้าซื้อมันมาจากซูอัน?” หมอเทวะจี้ เริ่มได้กลิ่นตุ ๆ แล้วว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากล เขารีบหยิบเอาตำลึงเงินที่ซูอันเพิ่งมอบให้มาตรวจสอบทันทีพลางถามจี้เสี่ยวซี “เจ้าจ่ายเขาไปเท่าไหร่?”

“เอ่อ…อันละ 12 ตำลึงเงิน…” จีเสี่ยวซี ตอบกลับด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

“นี่เจ้า นี่เจ้า! ไอ้เด็กเวรนั่นมันขายให้เจ้าด้วยราคาที่สูงขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?” ตอนนี้หมอเทวะจี้รู้สึกเหมือนเงินที่เขาถืออยู่กำลังหัวเราะเยาะเขา เหยี่ยวอย่างเขาถูกหนอนปล้นรังแบบนี้ได้ยังไงกัน!

“อันที่จริง มันก็เป็นราคาที่สมเหตุสมผลไม่ใช่เหรอท่านพ่อ ของพวกนี้หาซื้อไม่ได้ง่าย ๆ ในตลาดนี่นาเรื่องนี้ท่านน่าจะรู้ดี” จีเสี่ยวซีตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำ นางดีใจที่นางรายงานราคาที่ต่ำกว่าเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นพ่อของนางคงจะยิ่งโมโหมากกว่านี้แน่นอน

“โธ่สวรรค์! ทำไมลูกสาวคนเดียวของข้าถึงได้โง่เง่าได้ขนาดนี้กัน!” หมอเทวะจี้กู่ร้องออกมา จากนั้นเขาเดินกลับเข้าไปที่ห้องของเขาทันที

แค่เห็นใบหน้าอันไร้เดียงสาของลูกสาวของเขามันก็ทำให้เขาโมโหจนแทบจะหัวระเบิดแล้ว!