ตอนที่ 71 คุณอา ฉันคิดถึงคุณแล้ว

รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ

บทที่ 71 คุณอา ฉันคิดถึงคุณแล้ว

แสงแดดในยามเช้าสาดส่องลงบนป้ายโฆษณานอกหน้าต่าง

มู่เทียนซิงเปิดตาขึ้น ก็มองเห็น

เธอเหยียดตัวออกจากผ้าห่ม แล้วพูดพร้อมกับยิ้มกับผู้ชายในภาพ “อรุณสวัสดิ์คุณอา”

หลังจากลุกขึ้นมาล้าง เธอก็ลงไปชั้นล่างและพบว่ามู่อี้เจ๋อและเมิ่งเสี่ยวหลง สองสามีภรรยาทานข้าวเช้าไปแล้วทั้งคู่ และกำลังนั่งรอเธออยู่บนโซฟา บันไดที่เธอเดินลงเป็นสีน้ำตาลทองอร่าม ให้ความรู้สึกที่ทั้งมั่นคงและโอ่อ่า ในขณะที่เธอเดินลงไป อีกด้านหนึ่งก็นึกไปถึงบันไดวนสีขาวในคฤหาสน์จื่อเวย ราวกับเทพนิยายในฝัน ที่เดินทางไปสู่ความสุข

มือเล็กๆสีชมพูอันไร้เรี่ยวแรงกำแน่นขึ้นมาเล็กน้อย

เธออยากจะคว้าความสุขนั้นเอาไว้

“เทียนซิง!” เจี่ยงซินไม่รู้ถึงบทสนทนาระหว่างสามีกับลูกสาวเมื่อคืนที่ผ่านมา เมื่อเห็นเธอลงมา เธอก็ลุกขึ้นพร้อมกับยิ้ม และหันไปพูดกับทางห้องครัว “ยกอาหารเช้าของคุณหนูใหญ่เข้ามา! เร็วเข้า!”

ดูเหมือนว่ามู่อี้เจ๋อกำลังสนทนากับเมิ่งเสี่ยวหลงอยู่ เมื่อเขาเห็นเธอลงมา การสนทนาทั้งหมดจึงหยุดลง

เมิ่งเสี่ยวหลงยืนขึ้นและมองเธอด้วยรอยยิ้ม “เทียนซิง เสี่ยวหวี่จะบินมาถึงที่นี่ในเช้าวันพรุ่งนี้ เราจะไปรับเธอพรุ่งนี้เช้า!”

“ดีค่ะ” เธอพยักหน้า

เจี่ยงซินดึงเธอเข้ามานั่งลงที่โซฟา มู่อี้เจ๋อรีบเสริมประโยคขึ้นมาอย่างรีบร้อน “พวกคุณลุงเมิ่งของเธอก็จะมาที่นี่พรุ่งนี้เย็นเช่นกัน ฉันได้เตรียมคนรับใช้ของฉันให้ทำความสะอาดห้องเอาไว้แล้ว ถ้าหากวันนี้เธอไม่มีธุระอะไร ก็ไปดูห้องและถือโอกาสไปช็อปปิ้งๆกับเสี่ยวหลงเถอะ ลองดูว่าห้องพักแขกยังขาดอะไรบ้าง จะได้ซื้อไปเติม”

“เรื่องนี้ฝากให้คุณอาฉีจัดการก็ได้แล้วไม่ใช่หรือคะ?”

คุณอาฉีที่เธอเอ่ยถึงก็คือฟางฉีพ่อบ้านของตระกูลมู่ พูดไปแล้วฟางฉีก็ถือเป็นคนกันเองของตระกูลมู่ เนื่องจากเขานั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของน้องเขยของเจี่ยงซิน ตอนที่เขาอยู่ในเมืองชิงเฉิง ก็ได้ติดตามมู่อี้เจ๋อสามีภรรยามานานหลายปี เขาเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบซื่อสัตย์ แต่ก็สนิทสนมรู้ร้อนรู้หนาว

มู่อี้เจ๋อหัวเราะ และเอ่ย “ช่างทำตัวเป็นเด็กๆ! ลุงเมิ่งถือเป็นว่าที่พ่อสามีของหนู หนูไปช่วยจัดการพวกสิ่งจำเป็นต่างๆในชีวิตประจำวันให้กับเขา แบบนี้เป็นการแสดงความจริงใจไปในตัวด้วยไม่ใช่หรือ?”

“ใช่เลย!”เจี่ยงซินหัวเราะไปด้วย “ที่จริงบ้านนั้นไม่ได้ขาดเหลืออะไร หนูกับเสี่ยวหลงออกไปดูๆสักหน่อย และถือโอกาสไปทานข้าว ดูหนังอะไรก็ว่าไป ตอนนี้เวลาคนหนุ่มสาวเดทกันไม่ใช่ต้องทำเรื่องพวกนี้หรอกหรือ? รอจนเสี่ยวหวี่มาถึงในวันพรุ่งนี้ พวกหนูก็ขลุกกันเป็นก้อน คิดอยากจะออกไปหาเวลาสู่โลกของสองเรา เกรงว่าคงไม่มีโอกาสแล้ว!”

แม่บ้านนำอาหารเช้ามาวางบนโต๊ะ พร้อมกับน้ำชาที่วางลงตรงหน้าของมู่เทียนซิง

เป็นรังนกตุ๋นเก๋ากี่ชามเล็กๆชามหนึ่ง และขนมฮวยซัวชิ้นเล็กๆ

เธอถือชามรังนก และจู่ๆก็นึกไปถึงเหวียนเซียวตุ๊นกับเหล้าที่เคยทานในบ้านตระกูลหนี แม้ว่าเธอจะเมา แต่ฝีมือของคุณหญิงหนีนั้นถือว่ายอดเยี่ยมจริงๆ “พรุ่งนี้ฉันอยากกินเหวียนเซียวตุ๊นกับเหล้าอ้อ ไวน์ข้าวดีกรีไม่ต้องสูงเกินไป ไม่อย่างนั้นฉันจะเมา”

“ทำไมจู่ๆถึงอยากกินมันขึ้นมา?”เจี่ยงซินหัวเราะ สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นเด็กคนหนึ่ง เดี๋ยวก็เรียกลมเรียกฝนขึ้นมา

มู่เทียนซิงเอ่ย “เมื่อวานซืนที่บ้านตระกูลแม่นมของคุณหญิงเยว่หยา คุณหญิงหนีลงมือทำด้วยตัวเอง อร่อยมาก”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เธอมองไปที่มู่อี้เจ๋อโดยไม่รู้ตัว “คุณอาก็ชอบกินเหมือนกัน เขาดื่มเข้าไปทีเดียวสามชาม แถมยังทานส่วนที่เหลือของหนูไปอีกด้วย คุณหญิงหนีรู้ว่าคุณอาจจะไป ดังนั้นก็เลยนำไวน์ข้าวออกมาล่วงหน้าก่อนหลายวัน จากนั้นจึงค่อยลงมือทำให้คุณอาทาน พวกเราที่ตามไปด้วยก็พลอยได้รับอานิสงส์จากคุณอาไปด้วย”

ทุกคนตกตะลึง!

เจี่ยงซินเพิ่งจะได้สติกลับมา เธอจ้องมองยังต่างหูไข่มุกทองคำคู่หนึ่งที่หูลูกสาวตนและเอ่ย “ที่หนูพูด เป็นเรื่องจริงหรือ?”

เธอคืนที่ผ่านมาเธอเห็นแล้ว ว่าลูกสาวของตนที่แต่ไหนแต่ไรไม่ชอบความหรูหรา อีกทั้งยังไม่ใช่คนฟุ้งเฟ้อ แม้ซือซ่าวจะให้อะไรเธอแต่เธอก็จะไม่แสดงออกมากนัก ดังนั้นเธอจึงคิดว่ามันเป็นของปลอม เป็นแค่เครื่องประดับชิ้นหนึ่งเท่านั้น!

ดวงตาของมู่อี้เจ๋อลึกซึ้งยิ่งขึ้นเช่นกัน “เป็นใครที่ให้มา?”

ผู้ชายมอบสิ่งต่างๆให้กับผู้หญิง คงไม่มีความคิดที่ลึกซึ้งเช่นนี้ การให้ต่างหูไข่มุกทองคำที่มีค่าล้ำเมืองขนาดนี้ แค่มองก็รู้ว่ามันเป็นของผู้อาวุโสหญิงที่มักจะส่งมอบมันให้กับหญิงสาวในรุ่นหลังเป็นของขวัญ ยกตัวอย่างเช่นบนหูของมู่เทียนซิง และยังมีของขวัญที่โดยปกติทั่วไปมักจะมอบให้อย่างเช่นพวกกำไลหยก

ดังนั้นมู่อี้เจ๋อสองสามีภรรยาจึงเชื่อมั่นว่านี่ไม่ใช่ของขวัญจากซือซ่าว

มู่เทียนซิงยกมือขึ้นแตะไข่มุกและปล่อยมัน จากนั้นจึงเอ่ยปากด้วยความเขินอายอยู่บ้าง “เป็นคุณหญิงเยว่หยาที่มอบให้หนู”

มู่อี้เจ๋อ “…”

มู่เทียนซิงกล่าวอย่างระมัดระวัง และเอ่ยถึงคำพูดที่คุณหญิงหนีได้บอกตอนที่นำไข่มุกทองคำออกมาเล่าอย่างละเอียด และเอ่ย”ดังนั้นคุณปู่หนีกำชับเอาไว้ว่าให้หนูเก็บเอาไว้ ต่อให้คิดจะคืน ก็ต้องรอจนกระทั่งเจอกับคุณหญิงเยว่หยาก่อน แล้วค่อยคืนด้วยตัวเอง”

พูดขนาดนี้ หลิงเล่ยังมีอำนาจของราชวงศ์คอยหนุนหลังอยู่อีกด้วย?

คุณหญิงเยว่หยาสูงส่งอย่างยิ่ง เธอลงมือทำอาหารให้หลิงเล่ทานด้วยตนเอง ซ้ำคุณหญิงเยว่หยายังวานให้มารดามอบของขวัญให้กับมู่เทียนซิงอีกด้วย!

ใบหน้าของมู่อี้เจ๋อปั้นยากขึ้นมาหลายส่วน

เมิ่งเสี่ยวหลงเห็นว่ามู่อี้เจ๋อดูเหมือนจะกำลังถอยลำกลับ จึงเอ่ยพูดขึ้นทันที “คุณหญิงเยว่หยาเป็นผู้หญิงที่สง่าใจดี ต่อให้มีความมิตรไมตรีต่อหลิงเล่ แต่ก็คงไม่มาช่วยหลิงเล่แย่งชิงลูกสะใภ้หรอกมั้งครับ?”

ประโยคนี้ ช่วยขจัดข้อสงสัยภายในใจของมู่อี้เจ๋อไป แม้กระทั่งเจี่ยงซินก็ถอนหายใจโล่งอกด้วยเช่นกัน “เสี่ยวหลงพูดถูก ลูกรีบทานเถอะ รีบทาน ทานเสร็จแล้วไปช็อปปิ้ง”

มู่เทียนซิงเดาะลิ้น ท่าทางผิดหวังอยู่บ้าง

เธอไม่ใช่คนประเภทบูชาของมีค่า ต่างหูมุกทองคำคู่นี้ เมื่อคืน ก่อนที่เธอจะอาบน้ำเธอถอดมันออกและวางลงไปในกล่องแต่จู่ๆก็คิดขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน บางทีหากเล่าถึงคำพูดของคุณหญิงเยว่หยาออกไป มู่อี้เจ๋ออาจรู้สึกกดดัน และไม่แสดงท่าทีสนับสนุนให้เธอหมั้นกับเมิ่งเสี่ยวหลงอีก!

ตอนแรกเธอเห็นแล้วว่ามู่อี้เจ๋อมีท่าทียอมแพ้ แต่กลับถูกคำพูดของเมิ่งเสี่ยวหลงกระตุ้นขึ้นมาใหม่

เธอดื่มรังนกลงไปในสามคำ จากนั้นจึงเม้มปากและลุกขึ้นเดินไปชั้นบน

จู่ๆข้อมือของเธอก็ถูกจับแน่น เธอมองลงมาและเห็นว่าเป็นเมิ่งเสี่ยวหลงที่กำลังจับข้อมือของเธอ “ประโยคที่ฉันพูด ฉันไม่ได้ตั้งใจ เธออย่าโมโห”

“เธอกล้า!” มู่อี้เจ๋อปลอบใจเมิ่งเสี่ยวหลงทันที “เสี่ยวหลง เธออย่าคิดมาก ในใจของเทียนซิงนั้นใสบริสุทธิ์ เหมือนกับเธอ!”

เมิ่งเสี่ยวหลงเอ่ยเสริม “ฉันแค่อยากให้เธอมีความสุข”

เจี่ยงซินก็หัวเราะขึ้นมาเช่นกัน “ฉันรู้ ว่าผู้ชายบนโลกนี้ที่ดีกับเทียนซิงที่สุด นอกเสียจากสามีของฉัน ก็มีแค่คุณเสี่ยวหลง”

เมิ่งเสี่ยวหลงหัวเราะอย่างอายๆ แต่เขาก็ยังมองที่เจี่ยงซินอย่างจริงจัง “น้าซิน ผมจริงใจกับเทียนซิง เธอเป็นคนที่ดีขนาดนี้ เหมาะสมแล้วที่ผมจะทำดีกับเธอไปทั้งชีวิต”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เทียนซิง ฟังดูสิ เสี่ยวหลงเป็นเด็กดีขนาดไหน หนูรีบขึ้นไป ไปเอาของลงมา ออกไปกับเสี่ยวหลงได้แล้ว!”

มู่เทียนซิงสูดลมหายใจลึก ๆ

ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่เป็นเวลาสองปี และได้ทำความรู้จักกับคนอายุ 18 ปี จู่ๆก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมาอย่างยิ่ง บรรยากาศแบบนี้ดูเหมือนจะมีอะไรบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป อีกทั้งยังมีอะไรสักอย่างที่เกินออกมา สรุปก็คือ มันไม่เหมือนกับเมื่อก่อน

ดูเหมือนว่าเธอจะกลับไปไม่ได้อีกแล้ว อีกทั้งยังไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป

เธอคิดถึงคฤหาสน์จื่อเวยสีน้ำทะเลหลังนั้น และนึกไปถึงโคมไฟด้านใน แล้วก็เริ่มคิดถึงเจินเจิน

หลังกลับมาที่ห้อง มู่เทียนซิงก็ยืนอยู่หน้าหน้าต่างและหันหน้าเผชิญกับใบหน้าของหลิงเล่ เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย และส่งข้อความไปหาเขา “คุณอา ฉันคิดถึงคุณแล้ว”