บทที่ 72 เหตุผลนี้ เพียงพอหรือไม่?
หลังจากส่งข้อความสั้นๆไปหาหลิงเล่ มู่เทียนซิงก็นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วถอดต่างหูลง จากนั้นจึงวางใส่กล่องเครื่องประดับอย่างระมัดระวัง
โทรศัพท์มือถือของเธอสั่น
หลิงเล่ตอบกลับเธอด้วยคำเดียว “เหมือนกัน” ”
เธอเบ้ปาก คิดถึงว่าตอนนี้เขาคงกำลังยุ่งอย่างมาก มิฉะนั้นเขาคงโทรมาหาเธอหรือไม่ก็ส่งข้อความกลับมายาวกว่านี้แน่
เหตุผลที่เธอส่งข้อความไปหาเขาก็คือ เธอกลัวว่าเขาจะกำลังยุ่ง อีกทั้งในใจของเธอก็ยังรู้สึกอายอยู่บ้าง ไม่อยากจะเป็นฝ่ายเริ่มโทรหาเขาก่อน ทำให้เขาได้ใจ
นึกถึงการต่อปากต่อคำกับหลิงเล่ จู่ๆเธอก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ “เวลาคุณอาพูดจาร้ายๆขึ้นมาแบบนั้น น่ารักมาก”
เธอส่ายหัวของตนไปมาอย่างแรง มู่เทียนซิงนึกว่าตนเองเป็นบ้าไปแล้ว!
จะมีผู้หญิงบ้านไหนกันที่ถูกด่าว่าหมดระดูก่อนเวลา แล้วยังคิดว่าอีกฝ่ายน่ารักได้?
เพ้ยเพ้ยเพ้ย!
หลังจากเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก็ตามมาด้วยเสียงเป็นกังวลของเมิ่งเสี่ยวหลง “เทียนซิง คุณเสร็จหรือยัง?”
มู่เทียนซิงดึงความคิดของเธอกลับคืน จากนั้นจึงหยิบกล่องแหวนที่เมิ่งเสี่ยวหลงให้ไว้ก่อนหน้านี้และเดินไปที่ประตู
ทันทีที่ประตูเปิดออก เมิ่งเสี่ยวหลงก็ยิ้มให้เธอ
เขาสวมเสื้อยืดสีเทาควันบุหรี่ กางเกงยีนสีซีด ดูแล้วสูงโปร่ง ดูดีมีออร่าอย่างยิ่ง
แต่ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ ในใจของมู่เทียนซิงก็ยิ่งเจ็บปวด
เธอไม่ได้เจ็บปวดแทนเขา แต่เจ็บปวดแทนหลิงเล่!
ผู้ชายคนนั้น ตั้งแต่ที่เขาอายุ 17 ปีก็ไม่ได้ยืนขึ้นอีก ซ้ำเสี่ยวหลงยังดูดีมีสง่าราศีอย่างยิ่ง ยิ่งเป็นการเน้นให้เห็นถึงความผิดปกติของคุณอามากยิ่งขึ้น
ฝ่ามือสีขาวยื่นออกไปหาเขา และแบออก
แหวนเพชรอันประณีตงดงามถูกวางเอาไว้อย่างเงียบๆในฝ่ามือของเธอ
เมิ่งเสี่ยวหลงมองดูขนตาของเธอที่กำลังสั่นไหวเบาๆ ในใจของเขาก็สั่นไหวขึ้นมาด้วยเช่นกัน “เทียนซิง?”
“เรื่องบางเรื่องฉันไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากมาย ฉันเชื่อว่าพี่เสี่ยวหลงเข้าใจสิ่งที่ฉันคิด” เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้น แต่กลับพูดอย่างจริงจัง “ครั้งที่แล้วที่ฉันไปคฤหาสน์จื่อเวย ครั้งแรกที่ฉันโทรหาที่บ้าน ฉันจำได้ว่าพี่เสี่ยวหลงเคยบอกไว้ ถ้าหากฉันต้องการพี่ชาย พี่จะต้องเลือกเป็นพี่ชายของฉันแน่นอน และคอยปกป้องฉันอย่างเงียบๆ อวยพรให้ฉันจากใจจริง”
เมิ่งเสี่ยวหลงเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นจึงหยิบแหวนจากฝ่ามือของเธอ
ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งยังคงลูบผมของเธออย่างอ่อนโยนตามปกติ เขาเอ่ย “เด็กน้อย พี่เสี่ยวหลงเคยพูดกับเธอเอาไว้ แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไป อย่าได้เป็นกังวล ไป พี่พาเธอไปทานข้าวช็อปปิ้ง ไปดูหนัง!”
มู่เทียนซิงเงยหน้ามองดูเขา
ดวงตากระจ่างใสของเขาไม่มีอะไรมาแปดเปื้อน และยิ้มกว้างให้เธอ แต่เธอกลับรู้สึกมองไม่ออกอยู่บ้าง “พี่เสี่ยวหลง ดูเหมือนว่านับวันฉันยิ่งไม่รู้จักพี่มากขึ้นทุกที”
หากพูดถึงเรื่องแผนการ บางทีเมิ่งเสี่ยวหลงอาจยังเทียบไม่ได้กับหลิงเล่
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าเมิ่งเสี่ยวหลงไม่มีแผนการอะไรในใจ
เมิงเสี่ยวหลงยิ้มน้อยๆ และมองเธอราวกับจนปัญญา “เทียนซิง เธออย่าได้ใจดำกับฉันจนเกินไปเลย เธอเอาแหวนมาคืนให้ฉัน เพื่อที่จะให้เธอสบายใจฉันแกล้งทำเป็นไม่เป็นอะไร แต่เธออย่าได้คิดมากเกินไป ที่ผ่านมาฉันเป็นแบบนี้กับเธอมาโดยตลอด”
“แต่ฉันไม่ต้องการออกไปข้างนอก”
“เด็กดี เธอต้องออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้าง ผ่อนคลายสักหน่อย”
“ฉันเล่นคอมพิวเตอร์ในห้อง และดูเว็บไซต์ ก็เหมือนกันนี่”
“จะเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร? เธอลืมแล้วหรือว่าก่อนหน้านี้คุณลุงมู่สั่งเธอไว้ว่าอะไร? รีบไปเถอะ!”
เขาจูงมือเธอเอาไว้และกำลังจะออกไปข้างนอก แต่เสียงโทรศัพท์ที่ฟังแล้วรื่นหูก็ดังขึ้นมาจากห้องด้านหลัง มู่เทียนซิงไม่เคยปรับแต่งเสียงเรียกเข้าของหลิงเล่ให้เป็นพิเศษ แต่ว่า พอมันส่งเสียงขึ้นมา ในใจของเธอก็เดาได้ทันทีว่าต้องเป็นเขา!
ทันใดนั้นเธอก็สลัดมือของเมิ่งเสี่ยวหลงออก จากนั้นจึงรีบหมุนตัวกลับเข้าไป
ก่อนที่เธอจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา จู่ๆก็มีมือใหญ่มือหนึ่งคว้าโทรศัพท์ของเธอไป และรับสายไว้ที่หู!
ไม่มีการส่งเสียงจากด้านนี้ และมีเสียงน่าฟังของผู้ชายดังขึ้นจากอีกฝั่ง “กำลังทำอะไรอยู่?”
เมิ่งเสี่ยวหลงยืนอยู่ที่นั่นราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมา เขาแทบไม่เชื่อตนเอง “นาย! นายคือซือซ่าว? นายพูดได้ยังไง?”
“เอาโทรศัพท์มือถือคืนให้ฉัน!”
มู่เทียนซิงโกรธ เธอรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อคว้ามันไว้ แต่เมิ่งเสี่ยวหลงสูงกว่าเธอ แข็งแกร่งกว่าเธอ อีกทั้งยังศึกษาจากสถาบันการทหาร แล้วเด็กผู้หญิงอย่างมู่เทียนซิงจะไปสู้เขาได้อย่างไร?
เมิ่งเสี่ยวหลงผลักมู่เทียนซิงลงบนเตียง จากนั้นจึงหันตัวไปยังนอกหน้าต่างด้วยสายตาดุร้าย ดวงตาจ้องมองดูดวงตาอันอ่อนโยนของหลิงเล่บนป้ายโฆษณา “ที่แท้นายก็สามารถพูดได้ นายแกล้งทำเป็นใบ้! นายมันผู้ชายเจ้าแผนการ นายพยายามหลอกล่อมู่เทียนซิงมาโดยตลอด นายโอบอุ้มเธอไว้ไม่ยอมปล่อยไปแบบนี้ที่แท้มีความตั้งใจอะไร?”
“เมิ่งเสี่ยวหลง! คนชั่ว! เอาโทรศัพท์คืนมาเดี๋ยวนี้! นี่ไม่ใช่คุณอาที่เป็นคนพูด ! เป็นจั๋วหรันหรือก็จั๋วซีที่เอ่ยพูด!”
มู่เทียนซิงลุกขึ้นจากเตียง และรีบพุ่งเข้าไปหาเมิ่งเสี่ยวหลงจากนั้นจึงเตะเขาอย่างแรง!
เมิ่งเสี่ยวหลงตกตะลึงกับท่าทีอันรุนแรงมู่เทียนซิง!
พวกเขาโตมาด้วยกัน เขาเคยเห็นท่าทางโกรธเกรี้ยวจนอยากลงไม้ลงมือของมู่เทียนซิงแบบนี้หรือ?
ไม่เคย!
“คุณลุงเป็นใบ้มาตั้งหลายปี ถ้าหากเขาเอ่ยพูดได้จริง เขาจะยังถูกครอบครัวทอดทิ้งหรือ? นายโง่หรือเปล่า? นั่นเป็นเสียงของจั่วหรันไม่ก็จั๋วซี”
มู่เทียนซิงกระแทกไหล่ของเขาอย่างรุนแรง ท่าทางดุร้ายราวกับจะกินเมิ่งเสี่ยวหลงลงไปทั้งตัว!
เมิ่งเสี่ยวหลงรู้สึกตกใจ แต่เขาก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว
ใช่สิ ถ้าหากหลิงเล่ไม่มีปัญหา เขาก็คงจะไม่ถูกทอดทิ้ง กลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คน อีกทั้งหลิงเล่ก็ไม่ใช่คนโง่ จะยอมปล่อยตำแหน่งผู้สืบทอดอันสูงส่งและมาทำตัวให้เป็นที่หัวเราะเยาะได้อย่างไรกัน?
มู่เทียนซิงคว้าโทรศัพท์กลับมา น้ำเสียงกระวนกระวายอีกทั้งยังสั่นอยู่บ้างเล็กน้อย “จั๋วซีหรือ? คุณช่วยพูดกับคุณอาหน่อย ว่าฉันสบายดี ฉันไม่เป็นอะไร เดี๋ยวฉันค่อยโทรกลับหาคุณในภายหลัง!”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
มู่เทียนซิงก็ไม่รออีกต่อไป เธอรีบวางสายลงอย่างรวดเร็ว!
เธอนั่งลงที่ขอบเตียงอย่างหมดแรง เธอคอตกและหลับตาลง
เธอกลัวแทบตาย!
อีกนิดเดียวเมิ่งเสี่ยวหลงก็จะค้นพบแล้วว่าคุณอาสามารถพูดได้!
ห้องพักเงียบมาก เงียบอย่างยิ่งจนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ!
เมิ่งเสี่ยวหลงเงียบมาเป็นเวลานาน เขาเอ่ยคำสองคำเล็กๆออกมาอย่างระมัดระวัง “เทียนซิง~”
“พี่เสี่ยวหลง คุณเปลี่ยนไปแล้ว” มู่เทียนซิงเอ่ยปากอย่างเศร้าใจอยู่บ้าง “หรือว่าบางทีคุณอาจจะเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาสได้เปิดเผย และฉันก็ไม่เคยได้พบ”
“เทียนซิง!”
เมิ่งเสี่ยวหลงตกตะลึง!
เขารู้สึกว่าหลังจากที่เธอเอ่ยคำเหล่านี้ออกมา พวกเขาก็จะไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกต่อไปแล้ว!
มู่เทียนชิงยืนขึ้น และเดินไปที่ประตูห้องอย่างใจร้อน ร่างอ่อนนุ่มของเธอยืนอยู่ที่ประตู แต่น้ำเสียงกลับแข็งกระด้าง “พี่เสี่ยวหลง ฉันเหนื่อยมาก ฉันอยากนอนแล้ว คุณไปช็อปปิ้งเองเถอะ!”
เขารีบก้าวตามมา “ทำไม? เห็นๆอยู่ว่าเมื่อกี้นี้เธอยังอยากไปกับฉัน ฉันก็แค่แย่งรับสายของเขามาแค่นั้นเอง!”
เธอขมวดคิ้วและเอ่ยเสียงดัง “เพราะฉันไม่ต้องการทำให้เขาเศร้าอีกต่อไป!”
เมิ่งเสี่ยวหลงตกตะลึง
เทียนซิงจ้องมองเขา และเอ่ยทีละคำ “ฉันชอบเขา ฉันไม่ต้องการที่จะเห็นคนที่ฉันชอบไม่มีความสุข ดังนั้น ฉันจึงไม่สามารถไปช้อปปิ้งกับคุณได้! พี่เสี่ยวหลง เหตุผลนี้ เพียงพอหรือไม่?”