บทที่ 50 แหจับปลา

บทที่ 50 แหจับปลา

“เช่นนั้นเสี่ยวอี้จะทำอย่างไร?” เสี่ยวอี้ยังเด็กเกินไปหากจะทิ้งให้อยู่ในบ้านคนเดียว กู้เสี่ยวหวานไม่วางใจเลยสักนิด

“ท่านพี่ ข้าจะไปด้วย!” กู้หนิงผิงเอ่ยเสียงเบา

“ไม่ได้!”

“ไม่ได้!”

กู้เสี่ยวหวานกับกู้หนิงอันเอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน แม้พวกเขาจะไปกลับภูเขามาแล้วสองครั้ง และทั้งสองครั้งก็ไม่ได้พบสัตว์ดุร้ายอะไร แต่รับประกันไม่ได้ว่าครั้งที่สามนี้จะไม่พบเจออะไร หากเด็กทั้งสี่คนเข้าไปทั้งหมด อีกทั้งกู้เสี่ยวอี้ยังเด็กเพียงนี้ จะวิ่งก็วิ่งไม่ไหว ไม่วางใจได้เลยสักนิด

กู้หนิงผิงเห็นพี่ชายและพี่สาวห้ามไม่ให้ตัวเองไปโดยไม่ลังเล ก็อดเสียใจไม่ได้ ปากเล็กนั้นน่ารักเบะออกและไม่พูดอะไรอีก

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทางของกู้หนิงผิงแน่วแน่ที่จะตามนางเข้าภูเขาแล้ว จึงทำได้แค่เอ่ยขึ้นขึ้นมาว่า “ไม่เช่นนั้น หนิงอันเจ้าอยู่บ้านกับน้อง?”

“ไม่ได้!” กู้หนิงอันยังคงไม่เห็นด้วย “ท่านพี่ ท่านอยู่ที่บ้าน ข้าจะพาหนิงผิงเข้าไปเอง!”

“ไม่ได้!” กู้เสี่ยวหวานปฏิเสธอย่างไม่คิดต่อข้อเสนอนี้ของกู้หนิงอัน

แม้ว่าตอนนี้กู้เสี่ยวหวานอายุน้อย แต่เมื่อชาติปางก่อนนางมีชีวิตอยู่มาเกือบสามสิบปี ถือว่าเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว ถึงร่างจะเป็นเด็กแต่ก็มีความฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ สิ่งที่นางเคยพบเจอย่อมต้องมากกว่าเด็ก ๆ เหล่านี้อย่างแน่นอน เมื่อเจอเหตุการณ์อันตรายจะจัดการอย่างไร และเมื่อเจอสถานการณ์คับขันจะแก้ไขให้หมดไปได้อย่างไร ประสบการณ์ของนางย่อมมีมากกว่าเด็กเหล่านี้อย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้เมื่อได้ยินข้อเสนอของกู้หนิงอัน กู้เสี่ยวหวานจึงปฏิเสธไปทันทีโดยไม่ได้คิดอะไร

เมื่อเห็นเด็กทุกคนโต้เถียงว่าใครจะเข้าไปในภูเขาไม่หยุด กู้เสี่ยวหวานจึงถือความเป็นพี่ใหญ่ที่น่านับถือเอ่ยขึ้นมา “พอแล้ว อย่าทะเลาะกัน ครั้งนี้จะให้หนิงผิงเข้าไปกับข้า ส่วนหนิงอันอยู่ที่บ้านกับน้อง!”

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้เต็มใจต่อว่าน้องชาย อย่างไรเสียเขาก็หวังดีต่อนางที่เขาไม่ต้องการให้นางเข้าไปเสี่ยง แต่ว่านางเป็นเด็กที่โตสุดภายในบ้าน นางยิ่งไม่เต็มใจที่จะให้น้องชายเข้าไปเสี่ยงอันตราย!

เมื่อมองสีหน้าไม่เห็นด้วยของกู้หนิงอันแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ไม่สนใจเขาอีก ยิ่งเข้าไปในภูเขาเร็วเท่าไรก็ยิ่งออกมาเร็วเท่านั้น

ตอนที่กู้เสี่ยวหวานคิดจะไปจับปลาเหล่านั้น นางก็พบว่าทางบ้านยังมีแหจับปลาอยู่หนึ่งปาก ซึ่งอาจจะเป็นของท่านพ่อกู้ที่เมื่อก่อนเคยไปจับปลาบ่อย ๆ แม้ว่าจะชำรุด แต่ยังคงสามารถใช้ได้ ทำให้นางพอใจเป็นอย่างมาก

เมื่อนำแหจับปลายัดใส่ในกระบุง พร้อมกับหยิบเชือกมาสองฟ่อน กู้เสี่ยวหวานและกู้หนิงผิงก็เดินเข้าไปในภูเขาลึกท่ามกลางสายตาของอีกสองคน

นี่คือการเข้ามาในภูเขาลึกครั้งที่สามของกู้เสี่ยวหวาน นางคุ้นเคยเส้นทางเป็นอย่างดีจึงไม่มีอะไรผิดปกติ ส่วนกู้หนิงผิงเดินตามหลังพี่สามมาติด ๆ ไม่กล้าถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว

การเข้าไปในภูเขาในครั้งนี้ กู้เสี่ยวหวานตั้งใจจะจับปลากลับไปไม่กี่ตัว ถ้าไม่นำไปหมักก็ต้มเป็นน้ำแกงปลาให้กับพวกน้อง ๆ เพื่อทำเป็นอาหารบำรุงร่างกายโดยเฉพาะ

การเข้าไปภูเขาในครั้งนี้ กู้หนิงผิงล้วนมีความอยากรู้อยากเห็นต่อทุกสิ่ง โดยเฉพาะหลังจากเข้าไปในภูเขาลึกแล้ว เขาเบิกตากว้างมองทุกสิ่งรอบ ๆ ตัว ทั้งตื่นเต้นและกังวล ป่าไม้ที่แน่นขนัดนี้ หากเดินไปทั่วทุกที่ก็ไม่รู้ว่าจะเดินไปถึงไหน เขาเห็นพี่สาวคุ้นเคยเส้นทางเป็นอย่างดี ก็อดไม่ได้ที่จะสับสนเล็กน้อย “ท่านพี่ ในป่าลึกรกทึบเพียงนี้ พี่รู้สถานที่ที่เคยไปครั้งนั้นได้อย่างไร?”

กู้เสี่ยวหวานยิ้มออกมา “หากเป็นครั้งแรกที่เข้ามา จริง ๆ แล้วพี่ก็แค่คลำหาทางมา ต่อมาก็พบว่า เมื่อเข้ามาในสถานที่เดียวกันเป็นครั้งที่สอง แค่ใช้เคียวบากทำเครื่องหมายเป็นรอยไว้บนต้นไม้ที่อยู่ตามทางก็ใช้ได้แล้ว เจ้าดูสิ!”

เมื่อมองไปทางที่กู้เสี่ยวหวานชี้ กู้หนิงผิงก็เห็นรอยขีดหนึ่งที่ไม่ลึกไม่ตื้น และเมื่อมองไปข้างหน้า ก็ยังมีรอยที่กู้เสี่ยวหวานทำไว้ตามทางที่เดินไป ช่างราบรื่นเป็นอย่างมาก

กู้หนิงผิงเห็นแล้วอดคารวะต่อพี่สาวอยู่ในใจไม่ได้ พี่สาวฉลาดมากจริง ๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็คงประหยัดเวลาได้ อีกทั้งยังปลอดภัยมากด้วย ป่าลึกกว้างใหญ่เช่นนี้ ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าหากเดินพลาดไปเพียงเล็กน้อยแล้วจะเดินหลงไปถึงที่ใด

กู้หนิงผิงเร่งฝีเท้า พร้อมจำเครื่องหมายที่พี่สาวทำไว้ในใจอย่างถี่ถ้วน

ทั้งสองเดิมตามเครื่องหมายไปอย่างรวดเร็ว ชั่วครู่หนึ่งก็ถึงที่หมาย และเมื่อมาถึงข้างล่างน้ำตก ก็ได้ยินเสียงของน้ำตกโจนสาดลงมาเป็นสาย เมื่อออกมาจากป่าทึบที่แน่นขนัดได้ สิ่งแรกที่กู้หนิงผิงได้เห็นก็คือภาพน้ำตกอันงดงามชวนให้ตกตะลึงจนอ้าปากค้างเหมือนกับกู้หนิงอัน กู้เสี่ยวหวานจึงทำได้แค่เผยแพร่ความรู้ให้อีกครั้ง ทำให้กู้หนิงผิงถึงกับอัศจรรย์ใจกับสิ่งที่นางพูด

“ท่านพี่ ท่านนี่สุดยอดจริง ๆ ทำอย่างไรถึงรู้มากมายเช่นนี้?” กู้หนิงผิงถามออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาโตมาในครอบครัวเดียวกัน และพี่สาวก็โตกว่าพวกเขาสองปี เหตุใดพี่สาวถึงได้รู้เรื่องมากกว่าพวกเขาเช่นนี้ล่ะ!

กู้เสี่ยวหวานกล่าวประโยคโดยไม่หยุดพักว่า “ท่านพ่อบอกพี่ ตอนนั้นพวกเจ้ายังเด็กนัก บอกไปแล้วพวกเจ้าก็จำไม่ได้”

“อ๋อ ข้ารู้แล้ว” กู้หนิงผิงร้องอ๋อออกมา เพื่อแสดงออกว่ารู้แล้ว กู้เสี่ยวหวานเห็นสีหน้าเชื่อถืออย่างหมดใจของกู้หนิงผิง ในใจก็ปล่อยผ่าน ต่อจากนี้ไปหากพวกเขายังถามอยู่ หรือมีเรื่องอะไรก็บอกพวกเขาเช่นนี้แล้วกัน!

กู้เสี่ยวหวานมาครั้งนี้ก็เพื่อจับปลาเท่านั้น นางปลดกระบุงที่อยู่บนหลังลงมา พร้อมกับนำแหจับปลาข้างในออกมาวางไว้บนพื้น

เมื่อกู้หนิงผิงเห็นพี่สาวนำแหจับปลาออกมา ก็ชะงักไปชั่วครู่หนึ่งและถามขึ้นมา “ท่านพี่ ท่านจะทำอะไร?”

กู้เสี่ยวหวานถูกคำพูดของเขารั้งเอาไว้ ก็ถามกลับไป “ข้านำแหจับปลามาเพราะต้องการจับปลา เจ้าไม่รู้หรอกหรือ?”

“ท่านพี่ พี่สือโถวบอกว่าปลาไม่อร่อย มีทั้งกลิ่นคาวปลาและกลิ่นโคลน! คนในหมู่บ้านก็ล้วนไม่กินปลากัน!” กู้หนิงผิงเคยกินปลาที่บ้านท่านป้าจาง ตอนนั้นไม่มีสิ่งอื่นให้กินจริง ๆ จึงได้กินปลา แต่รสชาติของมันไม่อร่อยเลย จึงทำให้กู้หนิงผิงจำฝังใจมาโดยตลอด

กู้เสี่ยวหวานชะงัก

อะไรนะ? ปลาไม่อร่อย?

มีกลิ่นคาวปลาและกลิ่นโคลน?

เมื่อได้ฟังสิ่งที่กู้หนิงผิงเอ่ยออกมา กู้เสี่ยวหวานเพียงแค่ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นในใจก็เกิดความดีอกดีใจ

ปลาคืออาหารที่มีโปรตีนสูง แต่กลับไม่เป็นที่แพร่หลายเมื่ออยู่ที่นี่ พวกชาวไร่ชาวนาไม่รู้ว่ากินปลาอย่างไร นี่คือช่องทางร่ำรวยอย่างหนึ่งจริง ๆ

กู้เสี่ยวหวานระงับความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ มองน้ำในน้ำตกที่ลึกจนไม่เห็นข้างล่างนั่น และแอบดีใจอยู่ภายในใจทันที

“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้ารับรองว่าจะทำให้พวกเจ้ารู้สึกอร่อยจนวางถ้วยไม่ลงเลยล่ะ” ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานเป็นประกาย มือก็ขยับแหจับปลานั้นไปมาไม่หยุด

กู้หนิงผิงเห็นท่าทางที่จริงใจของพี่สาวแล้ว ในใจก็เชื่อมั่นและเชื่อถือโดยไม่มีเงื่อนไข “อืม ท่านพี่ ข้าเชื่อท่าน!”

กู้เสี่ยวหวานอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นดวงตาที่เปล่งประกายออกมาด้วยความชื่นชมของน้องชายจ้องมองมาที่นาง ก็ไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกเลยว่ามันจะน่าภูมิใจมากเท่าใด

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ในเมื่อคนอื่นทำปลาแล้วไม่อร่อย เสี่ยวหวานก็จะทำให้มันอร่อยและขายเสียเลย

ไหหม่า(海馬)