บทที่ 51 เหลียงต้าเปา

บทที่ 51 เหลียงต้าเปา

“ดี เช่นนั้นพวกเรารีบลงมือกันเถอะ เจ้ายืดแหจับปลานี้ออกมา ข้าจะไปตัดกิ่งไม้มาสักหน่อย” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยขึ้นมา ในฤดูหนาวปลาจะอยู่ก้นสระไม่ยอมขยับไปไหน ใช้กิ่งไม้ยาวก่อกวนมันสักครู่ กวนจนปลาเหล่านั้นเกิดการเคลื่อนไหว

สองพี่น้องร่วมมือกันทำงาน ชั่วครู่หนึ่งทั้งสองก็ทำงานเสร็จ และเตรียมหว่านแหจับปลา

กู้เสี่ยวหวานนำแหจับปลากางออกให้กว้างเท่าที่เป็นไปได้ กางออกเป็นวงกลม ประหนึ่งตาข่ายเงินงดงามกองหนึ่งปกคลุมเต็มท้องฟ้า ราวกับมือขนาดใหญ่มือหนึ่งที่คว้าไปทางผิวทะเลสาบ

กู้หนิงผิงไม่เคยเจอคนใช้ชีวิตเป็นชาวประมงเลยสักนิด จึงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงโห่ร้องดีใจขึ้นมาอย่างกับกระต่ายตื่นตูม

“ท่านพี่ ท่านเยี่ยมจริง ๆ!”

กู้เสี่ยวหวานยิ้มอย่างภาคภูมิใจ นี่ต้องขอบคุณเมื่อก่อนที่คุณปู่ของนางชื่นชอบการตกปลาเป็นชีวิตจิตใจ

กู้เสี่ยวหวานดึงแหจับปลาไว้ ส่วนกู้หนิงผิงใช้กิ่งไม้ยาวตีวัชพืชที่อยู่ในน้ำไม่หยุด ขณะนี้ท้องฟ้านิ่งสงบ ปลาจะซ่อนตัวอยู่ในกอพืชน้ำไม่เคลื่อนไหวไปไหน ใช้ไม้ตีสักครู่ ไม่แน่ว่าปลาเหล่านั้นอาจจะหนีเพ่นพ่านเข้าไปในแหก็เป็นไปได้

รอสักพักหนึ่ง กู้เสี่ยวหวานจึงยกแหช้า ๆ ผิวน้ำกระเพื่อมขึ้นมาเป็นระลอกคลื่น หัวใจอัดแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังยามเห็นระลอกคลื่นสีเขียวแก่ของผิวน้ำทะเลสาบ

สองพี่น้องร่วมแรงกันดึงแหจับปลาขึ้นมา ปลาตัวอ้วนใหญ่สมบูรณ์สองตัวดีดดิ้นไปมาอยู่ครู่ใหญ่ เกล็ดปลาที่อยู่ภายใต้แสงแดดสะท้อนแสงเป็นประกายแวววาวงดงาม

กู้เสี่ยวหวานกลืนน้ำลาย ปลาอ้วนใหญ่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ หากตุ๋นเป็นน้ำแกงปลาขาวข้นในหม้อแล้วก็จะเป็นรสชาติที่อร่อยล้ำโลกาเชียวล่ะ

กู้หนิงผิงเห็นแหจับปลาขึ้นมาแล้วก็มีความสุขจนส่งเสียงร้องอุทานออกมาพร้อมกับก้าวเท้าไปข้างหน้า จับปลาออกมาจากแหจับปลา หางปลายังคงดีดดิ้นไปมา กู้หนิงผิงจึงจับพวกมันไว้อย่างตื่นเต้น และโยนใส่เข้าไปในกระบุง

ชัยชนะครั้งแรกนี้ กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าใช้แรงไปไม่น้อยเลย แต่ในตอนเย็นก็สามารถทำน้ำแกงปลารสชาติเข้มข้นให้กับพวกน้อง ๆ ดื่มได้

น้ำตกแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาล กู้เสี่ยวหวานหว่านแหลงไปอีกไม่กี่ครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่ได้โชคดีเหมือนกับครั้งแรก เพราะได้เก็บแหเปล่าติดต่อกันสองสามครั้ง

ทว่ากู้เสี่ยวหวานก็ไม่ถอดใจ กลับมีกำลังใจยิ่งเพิ่มขึ้น นางหว่านแหได้ปลามาสองตัวแล้ว ก็ไม่ต้องกลับไปมือเปล่า ปลาสองตัวนี้มีขนาดใหญ่และค่อนข้างหนัก แต่ละตัวมีน้ำหนักหลายชั่ง หากวันหนึ่งกินชิ้นเล็กชิ้นหนึ่งล่ะก็ ปลาสองตัวนี้คงกินได้ถึงปีใหม่เลยล่ะ

กู้เสี่ยวหวานและกู้หนิงผิงหว่านแหอยู่ที่น้ำตกมาครึ่งค่อนวัน นอกจากชัยชนะแรกที่จับปลาได้สองตัว หลังจากหว่านได้แหเปล่าสองสามครั้ง พวกเขาก็ยังหว่านต่ออีกหลายครั้ง

ทั้งสองคนหว่านแหอีกไม่กี่ครั้ง เผชิญโชคดีบ้าง โชคไม่ดีบ้าง บางครั้งก็จับปลาขึ้นมาได้สองตัว กู้หนิงผิงหัวเราะลั่นออกมาอย่างมีความสุข ส่วนกู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกสนใจยิ่ง

เมื่อประเมินดูว่าจับได้พอสมควรแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็นำปลาแบ่งใส่ในกระบุงทั้งสอง จนเต็ม พลางนึกภาคภูมิใจในชัยชนะครั้งแรก!

“ไป หนิงผิง พวกเรากลับบ้านกัน!” กู้เสี่ยวหวานอยากจะแสดงฝีมือไม่ไหวแล้ว

ปลาราดพริก ปลาเปรี้ยวหวาน น้ำแกงปลาขาวข้น ปลาแห้ง ทุกครั้งที่นึกถึงก็ทำให้นางอดน้ำลายสอไม่ได้

ทั้งสองคนแบกกระบุงคนละหนึ่งกระบุงรีบมุ่งกลับไปบ้าน เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว กู้หนิงอันและกู้เสี่ยวอี้ก็คงรู้สึกดีใจอย่างมากที่เห็นพี่สาวกลับมา

ครั้นกู้หนิงอันมองเห็นปลาในกระบุงอย่างชัดเจน เขาก็พลันขมวดคิ้ว “ท่านพี่ ปลาเหล่านี้ทั้งมีกลิ่นคาวและกลิ่นโคลน ไม่อร่อยสักนิด!”

เนื่องจากตอนนั้นทางบ้านไม่มีอะไรจะกิน ท่านพ่อกับท่านแม่จึงออกไปจับปลา แต่บ่อยครั้งที่ได้ปลากลับมา ทุกคนก็จะหลับหูหลับตากลืนลงไปอย่างยากลำบาก เพราะรสชาติของปลาเหล่านี้มันค่อนข้างจะเกินทนจริง ๆ

เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ไม่มีความสุขในครั้งที่เคยกินปลา กู้หนิงอันก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

เมื่อเห็นอาการขมวดคิ้วแน่นของกู้หนิงอัน กู้เสี่ยวหวานก็เอ่ยขึ้นมาอย่างมั่นใจว่า “เจ้าวางใจเถิด พี่จะปรุงปลาตัวหนึ่งให้พวกเจ้า จะทำให้พวกเจ้ากินจนวางถ้วยไม่ลงอย่างแน่นอน!”

นางหมายมั่นปั้นมือว่าเย็นวันนี้จะทำปลาตุ๋นหัวไชเท้า

กู้เสี่ยวหวานที่แบกตะกร้าไม้ไผ่อยู่ยิ้มกริ่ม ปลาที่อยู่ข้างในหนักมากจริง ๆ เกรงว่าจะมีน้ำหนักหลายชั่ง และนางก็ไม่ได้ใช้สิ่งของอะไรมาคลุมไว้ หลังได้ยินว่าคนในหมู่บ้านอู๋ซีไม่กินปลาที่ทั้งขมทั้งมีกลิ่นคาวและกลิ่นสาบโคลน

ก็มีแค่คนที่หาอะไรกินไม่ได้เลยจริง ๆ ถึงจะนำมันมากินบ้าง และรสชาติที่กินยากนั่นก็ทำให้รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน!

กู้เสี่ยวหวานครวญเพลงพื้นเมืองเบา ๆ ดูเหมือนว่า เมื่อนางมาถึงต่างโลกนี้ ก็ยังมีพื้นที่ให้แสดงความสามารถอีกมาก!

ที่ปลามีรสขม ต้องเป็นเพราะทำถุงน้ำดีปลาแตกอย่างแน่นอน ส่วนที่ปลามีกลิ่นคาวและกลิ่นโคลน นั่นก็เพราะปรุงปลาไม่เป็น

ตอนนี้ทางบ้านยังขาดของบางอย่าง เช่น ต้นหอม ขิง กระเทียม หากไม่จัดการปลาให้ดีก่อนนำไปต้มล่ะก็ จะต้องมีกลิ่นคาวปลามากเป็นแน่

ดังนั้น กู้เสี่ยวหวานจะต้องกำจัดกลิ่นคาวปลาและกลิ่นสาบโคลนทิ้งไปเท่าที่จะเป็นไปได้

ในตอนที่กู้เสี่ยวหวานและกู้หนิงผิงแบกกระบุงออกจากภูเขาอย่างร่าเริง ก็ได้เจอกับคนผู้หนึ่งโดยไม่ได้คาดคิด

คนนั้นชื่อว่าเหลียงต้าเปา เป็นหลานรักของหลี่เจิ้งคนในหมู่บ้าน ที่ปีนี้มีอายุสิบเอ็ดปี เนื่องจากมีฐานะดีตลอดทั้งปี ถึงมีรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง และชอบพอกู้ซินเถามาก

ตอนที่กู้ซินเถาผลักกู้เสี่ยวหวานลงไปในแม่น้ำ คนที่ก่อความวุ่นวายมากที่สุดก็คือเหลียงต้าเปา เพราะถูกคนในบ้านรักมากตั้งแต่เด็กจนติดเป็นนิสัย อีกทั้งยังถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กจึงเป็นคนที่น่ารำคาญมากในหมู่บ้าน

เด็กที่ครอบครัวยากจนบางส่วน ไม่มีใครสักคนที่รับการข่มเหงจากเขาได้

กู้หนิงผิงจำได้ว่าครั้งหนึ่งท่านป้าจางได้ให้ลูกกวาดแก่เขา เขายังไม่ทันได้กินและตั้งใจจะนำกลับไปให้น้องก็ถูกเหลียงต้าเปาคนนี้แย่งไป

เมื่อเห็นใบหน้าเหลียงต้าเปาคนนั้นเต็มไปด้วยเนื้อหนัง และท่าทางเย่อหยิ่ง ทำชั่วโดยไม่สนกฎบ้านเมือง กู้เสี่ยวหวานก็ถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ เขาก็เป็นแค่เด็กที่ทางบ้านปล่อยตามอำเภอใจจนเสียคน นางคร้านจะโต้เถียงกับเขาแล้ว

“โอ้โฮ พวกเจ้ากลับมาจากที่ไหนกัน ด้านหลังนี้มีของดีอะไรอยู่นะ?” เหลียงต้าเปาชะเง้อมองไปในกระบุงของพวกเขา

“จะเป็นของอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า” กู้หนิงผิงไม่ชอบเขามาก ๆ และเข้ามาขวางคนเจตนาร้ายไม่ให้เดินเข้ามาใกล้ กู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้กังวลที่เหลียงต้าเปาคนนั้นมองกระบุงของตน ทำเพียงยืนมองเหลียงต้าเปาผู้เย่อหยิ่งอยู่ตรงนั้นและไม่พูดอะไร

เมื่อเหลียงต้าเปาคนนั้นเห็นท่าทางปกป้องอย่างแข็งขันของกู้หนิงผิงแล้วก็อารมณ์ไม่ดีเล็กน้อย ทันใดนั้นก็สูดจมูกเหมือนกับสุนัข ก่อนกระโดดออกไปสองสามก้าว ใช้มือปิดจมูกเอาไว้ ชี้ไปทางกู้หนิงผิงพร้อมเอ่ยขึ้นมาเสียงอู้อี้ “เจ้า…เจ้า ของที่เจ้าแบกอยู่คืออะไร เหตุใดจึงมีกลิ่นคาวเช่นนี้!”

“เหม็นจะตายอยู่แล้ว!”

“เจ้าไม่ต้องยุ่ง!” กู้หนิงผิงก็เอ่ยเสียงแข็งไม่ด้อยไปกว่าเขา

…………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

อย่ามากวนเชียวนะถ้าไม่อยากตัวเหม็นคาวปลา

ไหหม่า(海馬)