บทที่ 45 เขาเก่งกว่าฉัน!

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 45 เขาเก่งกว่าฉัน!

บทที่ 45 เขาเก่งกว่าฉัน!

บรรยากาศในห้องดูแปลกไปเล็กน้อย

หญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นผู้ป่วยกวาดสายตามองเมิ่งเหว่ยและเฉินเจี้ยนหรงเพื่อรอคำตอบจากพวกเขา

มีเพียงโจวอี้เท่านั้นที่ดูผ่อนคลายที่สุดในห้องนี้

ชายหนุ่มมีหน้าที่ให้คำปรึกษาและรักษา เขาไม่สนใจว่าโรงพยาบาลจะเรียกเก็บเงินอย่างไร?!

“แค่ก…!”

เมิ่งเหว่ยกระแอมไอสองสามครั้ง ก่อนจะมองไปที่โจวอี้และถามว่า “โจวอี้ คุณเป็นคนรักษาคนไข้ คุณคิดว่าควรจ่ายค่ารักษาเท่าไหร่?”

“ผู้อำนวยการเมิ่ง กฎของพวกเราคือต้องเก็บค่ารักษา ส่วนค่ารักษาเท่าไหร่นั้นไม่มีกฎตายตัว มันขึ้นอยู่กับอารมณ์และสภาพคนไข้ของเรา แต่ผมมาทำงานที่โรงพยาบาล ดังนั้นคุณสามารถตัดสินใจได้ว่าเราควรจะเรียกเก็บเงินเท่าไหร่?” โจวอี้ยิ้ม

ใช่ บอลถูกเตะเข้าที่ตัวเองอีกแล้ว!

เมิ่งเหว่ยยิ้มอย่างขมขื่น เขามองไปที่ซีชิงอิ่ง และหวางซิ่วหลาน

และหลังจากเงียบไปนานกว่าสิบวินาที เขาก็พูดขึ้นว่า “โจวอี้มาทำงานในโรงพยาบาลวันนี้เป็นวันแรก ในกรณีนี้ โรงพยาบาลของเราไม่มีมาตรฐานการเก็บเงินเฉพาะด้านนี้ ดังนั้น คุณจ่ายแค่คนละร้อยหยวน ซึ่งเป็นค่ารักษา”

“หนึ่งร้อยหยวน?”

มุมปากซีชิงอิ่งยกขึ้น รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ

หวางซิ่วหลานก็ดูแปลกใจเล็กน้อย แต่ความกังวลใจของเธอก็หายไป และเธอก็โชคดีที่ได้พบกับแพทย์ที่ดีอย่างโจวอี้

“ค่ารักษาคือหนึ่งร้อยหยวน แต่ค่ายาต้องไม่ต่ำกว่านี้แน่” เมิ่งเหว่ยรีบกล่าวเสริม

“ไม่เป็นไร”

ซีชิงอิ่งและหวางซิ่วหลานตอบตกลงอย่างรวดเร็ว

เมิ่งเหว่ยยกข้อมือขึ้นมองดูเวลาบนนาฬิกา และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “โจวอี้ ทำไมเราไม่ไปทานอาหารกลางวันด้วยกันล่ะ เชฟในโรงพยาบาลของเราฝีมือดีมากนะ”

“ได้ครับ” โจวอี้ยิ้มพลางพยักหน้า

เมื่อซีชิงอิ่งและหวางซิ่วหลานออกจากโรงพยาบาลแล้ว ช่วงเช้าอันยุ่งยากนี้ก็จบลง

เมิ่งเหว่ยและเฉินเจี้ยนหรงพาโจวอี้ไปที่ร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในโรงพยาบาล

แต่เหลียนซานไม่ได้ไป

ตอนนี้เธออับอายเกินกว่าที่จะเผชิญหน้ากับโจวอี้ เธอกลัวว่าจะต้องอายยิ่งกว่าเดิมหากต้องไปอยู่ที่นั่นด้วย

ณ โรงอาหารของโรงพยาบาล…

เหลียนซานยืนเข้าแถวเพื่อรับอาหาร เธอดูเหม่อลอยอย่างมากจนหลินเซียงเหลียน เพื่อนร่วมงานที่ดีที่สุดของเธอมายืนอยู่ข้างหลังเธอเป็นเวลานาน แต่เธอกลับไม่ได้สังเกต

ป้าบ…!

มือที่ตบลงบนไหล่ทำให้เหลียนซานถึงกับสะดุ้งโหยง

“เซียงเหลียน! เธอทำให้ฉันตกใจ!” เหลียนซานส่ายหัวและเอ่ยอย่างโกรธเคือง

“เกิดอะไรขึ้น? ปกติเธอเป็นคนที่กล้าหาญนี่นา ฉันแค่สะกิดเธอนิดหน่อยก็ทำเป็นตกอกตกใจไปได้” หลินเซียงเหลียนยิ้มและกอดไหล่ของเหลียนซานไว้ “เธอคิดอะไรอยู่? เธอดูเหม่อ ๆ นะ ไม่มีความสุขกับการได้รับมอบหมายให้ดูแลหมอโจวเหรอ?”

“ไม่” เหลียนซานสั่นศีรษะทันที

หลังจากนั้น พวกเธอก็มานั่งลงที่มุมหนึ่งใกล้หน้าต่างภายในโรงอาหาร

“เหลียนซาน ฉันรู้ว่าเธอกำลังลังเล แต่เธอทนได้! รองผู้อำนวยการเฉินเคยใจดีกับเธอมาก่อน ฉันคิดว่าการที่เขาขอให้เธอไปเป็นผู้ช่วยหมอโจวในครั้งนี้…เขาจะไม่ทำร้ายเธอ บางทีเขาอาจมีเจตนาอื่น!” หลินเซียงเหลียนแนะนำอย่างระมัดระวัง

“อืม รองผู้อำนวยการเฉินไม่ได้ต้องการทำร้ายฉัน ฉันรู้เจตนาของเขาดี” เหลียนซานยิ้มอย่างขมขื่น

“แล้วเธอรู้หรือยังว่าเขามีจุดประสงค์อะไร?” หลินเซียงเหลียนถามด้วยความประหลาดใจ

“เซียงเหลียน เธอคิดว่ามันน่าอายไหมที่ฉันถูกย้ายไปเป็นผู้ช่วยหมอหนุ่มในฐานะแพทย์แผนจีน?” เหลียนซานวางตะเกียบลงและถามอย่างจริงจัง

“มันก็จริง…” หลินเซียงเหลียนกล่าวพลางยิ้มแห้ง

“เมื่อสองชั่วโมงก่อน ฉันก็รู้สึกแบบนี้แหละ แต่ตอนนี้ แทนที่จะรู้สึกอับอาย ฉันกลับดีใจที่ได้ย้ายไปเป็นผู้ช่วยหมอโจว”

“เธอหมายความว่ายังไง?” หลินเซียงเหลียนถึงกับสงสัย

“แม้ว่าจะยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่ฉันเดาได้คร่าว ๆ ถึงตัวตนของหมอโจว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือถึงแม้เขาจะอายุน้อย แต่ทักษะทางการแพทย์ของเขาดีกว่าฉันมาก!” เหลียนซานกล่าวอย่างจริงจัง

“เธอล้อเล่นหรือเปล่า? เขาอายุน้อยกว่าเราอย่างน้อยหกเจ็ดปีเลยนะ ทักษะทางการแพทย์ของเขาจะเทียบทักษะของเธอได้ยังไง?!” หลินเซียงเหลียนถามอย่างเหลือเชื่อ

เหลียนซานไม่คิดปิดบังอีกต่อไป เธอเล่าเรื่องเกี่ยวกับการรักษาของเขาที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้

ครั้นเหลียนซานหยิบตะเกียบขึ้นมา เธอก็สรุปอีกครั้งว่า “เขามีพลังมากกว่าฉัน และแข็งแกร่งกว่าฉันนิดหน่อย ดังนั้นถ้าฉันอยู่ใกล้ ๆ เขา ฉันก็จะไม่รู้สึกอาย และฉันยังรู้สึกขอบคุณรองผู้อำนวยการเฉินสำหรับข้อตกลงนี้ มันทำให้ฉันมีโอกาสเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ อีกมาก”

หลินเซียงเหลียนได้ยินแล้วก็ตกใจจนพูดไม่ออก

เธอจ้องเหลียนซานราวกับว่ากำลังได้ยินเรื่องอันน่าเหลือเชื่อ!!

เธอไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับผู้ป่วยมะเร็งตับ แต่ซีชิงอิ่งกำลังทุกข์ทรมานจากโรคพลังงานหยินที่มากเกินไป หมอทุกคนในโรงพยาบาลรับรู้กันเกือบหมด

เธอเคยได้ยินมาว่า แม้แต่แพทย์ประจำชาติในเมืองหลวงก็ยังไม่สามารถรักษาโรคของซีชิงอิ่งได้ แต่โจวอี้กลับสามารถรักษาได้ และนั่นทำให้เธอตกใจมาก

ณ ชั้นสองของโรงอาหาร…

เมิ่งเหว่ยเชิญโจวอี้มาร่วมมื้ออาหาร บัดนี้บนโต๊ะจึงแน่นไปด้วยอาหารสี่เซ็ต และซุปหม้อใหญ่อีกหนึ่งเซ็ต

จากนั้นเขาจึงถามโจวอี้ว่าได้รักษาซีชิงอิ่งอย่างไรบ้าง? และคำตอบที่ได้รับนั้นทำให้เขาถึงกับตกใจ

เขาพบขุมทรัพย์แล้ว!

หลังจากรับประทานอาหาร เมิ่งเหว่ยไม่เพียงได้สนิทกับโจวอี้มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีทัศนคติที่ดีต่อเฉินเจี้ยนหรง มากขึ้นด้วย

เวลาบ่าย…

โจวอี้ใช้เวลาสองชั่วโมงในโรงพยาบาล แต่มีผู้ป่วยที่ลงทะเบียนเข้ามามากขึ้น สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยคือผู้ป่วยมีโรคที่หลากหลาย และส่วนใหญ่ได้รับการตัดสินจากเวชระเบียนมาแล้ว

ดังนั้นเมื่อเขาไม่แน่ใจ เขาก็มักจะขอให้เหลียนซานปรึกษาผู้ป่วย

ในตอนแรก เขาไม่รู้สึกอึดอัดกับท่าทีของเธอ แต่หลังจากนั้น เธอกลับให้ความช่วยเหลือเขาอย่างมาก

ณ อาคารหมิงติ้ง สำนักงานผู้อำนวยการ ฮวนหยิงเอนเตอร์เทนเมนต์

เฉินอ้ายหลินกำลังนั่งบนโซฟาและมองไปยังหลิวจงฉวน ผู้กำกับที่ยังคงยิ้มแต่ไม่พูด ทำให้เธอค่อนข้างทำอะไรไม่ถูก

ความดื้อรั้นของถังหว่าน ทำให้ผู้บริหารระดับสูงในบริษัทหลายคนไม่พอใจอย่างมาก และทรัพยากรของเธอก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบทางอ้อมต่อผลประโยชน์ของเฉินอ้ายหลินไปด้วย

แน่นอนว่าถังหว่านก็ย่อมไม่พอใจเช่นกัน เธอจึงมีความคิดที่จะไม่ต่อสัญญา

“ผู้กำกับหลิว อัลบั้มของถังหว่านยังขาดเพลงหลักอยู่ ดังนั้นบริษัทก็ควรทำอะไรสักอย่างกับมัน เพราะยังไงเธอก็ยังเป็นนักร้องแนวหน้าของเราอยู่ ถ้าทรัพยากรของเธอถูกตัดมากเกินไป และเป็นสาเหตุให้เธอเกิดความไม่พอใจ ฉันเกรงว่าเธอจะไม่ต่อสัญญากับเรา”

เฉินอ้ายหลินยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดต่ออีกว่า “คุณต้องรู้ว่าสัญญาของเธอมีอายุเพียงครึ่งปีเท่านั้น ถ้าเธอไม่ต่อสัญญากับบริษัท บริษัทเพลงรายใหญ่ทั้งหมดในประเทศจีนจะพากันเสนอหน้ามาขอเซ็นสัญญากับเธอ”

“อะไรนะ เธอต้องการเปลี่ยนงานเหรอ?” หลิวจงฉวนเลิกคิ้วขึ้น

“เธอยังไม่พูดออกมาตรง ๆ แต่ถ้าเสียเธอไป พวกเราก็แย่แน่” เฉินอ้ายหลินพยายามโน้มน้าว

“ก็ได้! ฉันจะคิดหาทางและพยายามหาเพลงดี ๆ ให้เธอ!” หลิวจงฉวนพยักหน้า

เขารู้ว่าด้วยชื่อเสียงและความสามารถในการร้องเพลงของถังหว่าน ถ้าเธอออกจากฮวนหยิงเอนเตอร์เทนเมนท์ไปจริง ๆ เกรงว่าจะมีบริษัทเพลงมากมายที่จะเสนอเงื่อนไขอันเอื้อเฟื้อเพื่อแข่งขัน

แม้แต่บริษัทเพลงที่ใหญ่ที่สุดสามแห่งในจีนก็จะทุ่มทิ้งกิ่งมะกอกมาที่เธอ

บริษัทสามารถบังคับถังหว่านได้ แต่ต้องไม่หักหาญน้ำใจเธอ มิฉะนั้นผู้อำนวยการฝ่ายดนตรีจะต้องรับผิดชอบ

“ขอบคุณค่ะผู้กำกับหลิว” เฉินอ้ายหลินกล่าวอย่างยินดี

“อย่าพูดแบบนั้นเลย ทั้งหมดก็เพื่อบริษัท”

เวลานั้นเอง ประตูสำนักงานก็ถูกเคาะ ก่อนจะเป็นถังหว่านที่ดันประตูเข้ามา

“ถังหว่าน คุณมาถูกเวลาแล้ว เราเพิ่งพูดถึงคุณพอดี!” หลิวจงฉวนและเฉินอ้ายหลินลุกขึ้นยืนทันใด

“พูดถึงฉัน?” ถังหว่านถาม

“ใช่ คุณกำลังเตรียมอัลบั้มใหม่! บริษัทจะจ่ายเงินให้คุณจำนวนมากเพื่อซื้อเพลงหลัก” เฉินอ้ายหลินกล่าวอย่างเร่งรีบ

“ขอบคุณพี่อ้ายหลิน ขอบคุณผู้อำนวยการหลิว” ถังหว่านพยักหน้า แล้วพูดต่ออีกว่า “ฉันมีบางอย่างจะขอความยินยอมจากคุณในครั้งนี้”

“เรื่องอะไร?” หลิวจงฉวนถาม

“อู๋หมินหรูกำลังจะไปจัดคอนเสิร์ตที่เมืองจินหลิง เมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากเธอ และเธอขอให้ฉันไปเป็นนักร้องรับเชิญ ฉันจึงมาที่นี่เพื่อขอความคิดเห็นจากพวกคุณ”