บทที่ 44 ความเจ็บปวดของหมอ
บทที่ 44 ความเจ็บปวดของหมอ
ภายในทำเนียบผู้อำนวยการ
เมิ่งเหว่ยคีบบุหรี่และยิ้มให้เฉินเจี้ยนหรงที่กำลังดื่มชา
ก่อนหน้านี้
แม้เขาจะรู้ว่าเฉินเจี้ยนหรงเป็นลูกศิษย์ของหยางเฉิงโซ่วผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีน แต่หยางเฉิงโซ่วไม่เคยพูดถึงเฉินเจี้ยนหรงในที่สาธารณะ เขาจึงไม่ได้จริงจังกับมันมากนัก
แต่จากเหตุการณ์มื้อค่ำเมื่อวันก่อน ทำให้เขาตระหนักได้ว่าเฉินเจี้ยนหรงมีอิทธิพลต่อหยางเฉิงโซ่ว
เขากำลังจะถูกย้าย มีผู้สมัครที่จะเข้ามาแทนที่ตำแหน่งผู้อำนวยการแล้ว แต่งานเลี้ยงอาหารค่ำในคราวนั้นทำให้เขาตระหนักว่าเฉินเจี้ยนหรงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะเข้ามาแทนที่ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล
เฉินเจี้ยนหรงไม่เพียงเป็นลูกศิษย์ของหยางเฉิงโซ่วเท่านั้น แต่เขายังมีความสัมพันธ์กับลูกศิษย์ของฉู่เทียนฮุ่ยซึ่งเป็นหมอผี
และที่สำคัญที่สุด เขาเกลี้ยกล่อมลูกศิษย์ของฉู่เทียนฮุ่ยให้มาทำงานในโรงพยาบาลได้สำเร็จ อีกทั้งการรักษายังยอดเยี่ยม และมันก็คุ้มค่ามาก
“เจี้ยนหรง ทีมวิจัยทางการแพทย์จากเมืองหลวงจะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้ คุณสามารถไปต้อนรับพวกเขาแทนผมได้!” เมิ่งเหว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผมเหรอ?” เฉินเจี้ยนหรงตกตะลึง
เมิ่งเหว่ยตั้งใจให้เขาปรับตัวเข้ากับตำแหน่งผู้อำนวยการใช่ไหม!
เขาจึงกล่าวด้วยความเคารพทันทีว่า “ไม่ต้องกังวล ผมจะทำหน้าที่แทนคุณอย่างดี จะไม่ทำให้คุณอับอายแน่นอน!”
เมิ่งเหว่ยยิ้มออกมาทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
กริ๊ง…!!!
โทรศัพท์มือถือของเฉินเจี้ยนหรงดังขึ้น เขามองไปที่เมิ่งเหว่ย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเหลือบมองที่หน้าจอ
“ผู้อำนวยการครับ ผู้ช่วยของโจวอี้ติดต่อมา”
“รับเถอะ!” เมิ่งเหว่ยพยักหน้า
เฉินเจี้ยนหรงรับสาย จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
หลังจากนั้น เขาก็พูดขึ้นว่า “รอเดี๋ยว! ผมจะไปที่นั่นทันที!”
“เกิดอะไรขึ้น?” เมิ่งเหว่ยถามด้วยความสงสัย
“ผู้อำนวยการครับ มีบางสิ่งที่สำคัญเกิดขึ้น คุณยังจำซีชิงอิ่งที่ร่างกายของเธอมีพลังงานหยินมากผิดปกติได้ไหม?”
“จำได้สิ เธอเป็นลูกสาวของซีกั๋วหัว” เมิ่งเหว่ยตอบพลางพยักหน้า
“โจวอี้รักษาเธอ เหลียนซานผู้ช่วยของเขาโทรมาถามผมว่าต้องคิดค่ารักษาให้เธอยังไง?”
“โจวอี้สามารถรักษาอาการพลังงานหยินที่มากเกินไปได้งั้นเหรอ?!” รอยยิ้มบนใบหน้าของเมิ่งเหว่ยแข็งค้าง ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้น
“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นครับ!”
“งั้นเราไปดูกันเถอะ!”
ณ ห้องที่ปรึกษา
โจวอี้เคลื่อนนิ้วของเขาออกจากจุดชีพจร เขามองไปที่ใบหน้าอันซีดเซียวและผอมแห้งของผู้ป่วย “คุณเริ่มมีอาการเมื่อไหร่?”
“หลายวันมานี้ ฉันคิดว่าไม่ค่อยอยากกินอะไร บางทีอาหารอาจไม่ย่อย ฉันเลยกินยาที่ช่วยย่อยอาหาร แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล เมื่อวานฉันรู้สึกไม่สบาย อาเจียน ท้องอืด ก็เลยมาที่นี่ในวันนี้” หญิงวัยกลางคนในชุดธรรมดากล่าว
“ยกแขนขวาขึ้นหน่อย”
โจวอี้พูดจบ ก็เห็นว่าอีกฝ่ายทำตามที่เขาบอกทันที จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปแตะลงที่ซี่โครงขวาของอีกฝ่าย
มีก้อนเนื้อบางอย่าง แต่มันมีขนาดเล็กมาก…
“หมอคะ ฉันเป็นอะไร?” หญิงวัยกลางคนถามอย่างประหม่า
“น่าจะเป็นมะเร็งตับ ผมเคยเจอเคสนี้มาก่อน แต่อาการของคุณยังไม่รุนแรง” เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าของอีกฝ่าย เขาก็โบกมือและพูดต่ออีกว่า “ผมไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก ดังนั้นผมขอแนะนำให้คุณตรวจด้วยเครื่องมือแพทย์อย่างละเอียดมากขึ้น เมื่อผลลัพธ์ออกมา ผมจะทำแผนการรักษาให้คุณ”
จากนั้นเหลียนซานก็เปิดรายการตรวจสอบขึ้นมาทันที
เมื่อหญิงวัยกลางคนไปจ่ายค่าตรวจร่างกาย โจวอี้ก็ดึงบุหรี่ออกมาอย่างเงียบ ๆ
“หมอโจว คุณจะสูบบุหรี่ในห้องนี้ไม่ได้” เหลียนซานกล่าวเตือน
“โอเคครับ!”
โจวอี้ต้องเก็บบุหรี่ลงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
อารมณ์ของเขาไม่ค่อยดีนัก
ในยุคของ ‘มะเร็ง’ เช่นนี้ แม้แต่หมอผีที่เป็นอาจารย์ของเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าจะรักษามะเร็งที่อยู่ในระยะกลางและระยะสุดท้ายได้ แล้วนับประสาอะไรกับเขาที่เป็นแค่ลูกศิษย์กันล่ะ!
ในฐานะแพทย์ อะไรคือสิ่งที่หมดหนทางและเจ็บปวดที่สุด?
แม้พวกเขาจะมีทักษะทางการแพทย์ทุกประเภท แต่ก็ไม่สามารถรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้ายได้ ทำได้แค่เฝ้าดูเวลาแห่งชีวิตของผู้ป่วยที่เริ่มนับถอยหลัง
เหลียนซานสัมผัสได้ถึงความเศร้าของโจวอี้ เช่นเดียวกับซีชิงอิ่งที่ยังไม่ได้ออกจากห้องไป
“หมอโจว มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ” ซีชิงอิ่งพูดขึ้น
“แน่นอนว่าไม่ใช่ความผิดของผม ผู้ป่วยเป็นมะเร็งตับในระยะเริ่มต้นเท่านั้น ผมมั่นใจว่าผมจะรักษาเธอให้หายได้…”
โจวอี้ส่ายหัวแล้วพูดต่ออีกว่า “แต่ผมไม่สามารช่วยผู้ป่วยมะเร็งในระยะกลางและระยะสุดท้ายได้ แม้แต่อาจารย์ของผมและผู้อาวุโสก็ทำอะไรไม่ได้ นี่คือความเจ็บปวดในใจของพวกเรา”
ความเจ็บปวดในหัวใจของคุณ?
จากหมอ?
ซีชิงอิ่งเงียบ และเหลียนซานเองก็เงียบ
ปัญหาทางการแพทย์ที่ไม่ได้รับการแก้ไขนี้ เป็นความเจ็บปวดในหัวใจของแพทย์ทุกคน ซีชิงอิ่งยังไม่เข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง แต่เหลียนซานนั้นเข้าใจดี
ไม่นานนัก เมิ่งเหว่ยและเฉินเจี้ยนหรงก็มาที่นี่
เฉินเจี้ยนหรงมาถึงห้องของโจวอี้แล้วก็ถามขึ้นอย่างเร่งรีบ
“โจวอี้ คุณแน่ใจเหรอว่าคุณสามารถรักษาโรคชีพจรหยินที่มากเกินไปของคุณซีได้?”
“แน่นอน!” โจวอี้พยักหน้า
“เยี่ยมมาก! แพทย์ที่มีชื่อเสียงหลายคนในประเทศของเราช่วยอะไรคุณซีไม่ได้เลย ผมไม่คิดว่าคุณจะสามารถรักษาเธอได้ ดูเหมือนว่าผมจะมองการณ์ไกลที่ให้คุณมาที่โรงพยาบาลของเรา คิดถูกจริง ๆ!” เฉินเจี้ยนหรงกล่าวด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
“รองผู้อำนวยการเฉิน คุณกำลังประจบผมมากเกินไปแล้ว!” โจวอี้ยิ้ม
“โจวอี้ ผมขอแนะนำคุณให้รู้จักกับผู้อำนวยการเมิ่งแห่งโรงพยาบาลของเรา” เฉินเจี้ยนหรงกล่าวแนะนำชายอีกคนด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีครับ ผู้อำนวยการเมิ่ง” โจวอี้กล่าวทักทาย
“ใช่ มันดีมาก! สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดจากอาจารย์ฉู่ ตราบใดที่คุณสามารถรักษาซีชิงอิ่งได้ ผมว่าชื่อเสียงของคุณจะโด่งดังไปทั่วโลกการแพทย์แน่นอน!” เมิ่งเหว่ยยิ้ม
“ผมไม่ต้องการที่จะมีชื่อเสียง ดังนั้นได้โปรดเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วยครับ” โจวอี้กล่าว
ไม่ต้องการที่จะมีชื่อเสียง?
ทุกคนในห้องถึงกับตกตะลึง
คนหนุ่มสาวย่อมต้องการได้รับทั้งชื่อเสียงและความมั่งคั่ง แล้วเขามีความคิดแบบนี้ได้อย่างไร?
โจวอี้ไม่ได้อธิบาย
เขาไม่ต้องการที่จะมีชื่อเสียง เพราะแม่ของลูกเขาเป็นดาราดังอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคือการที่ลูกสาวของเขาจะไม่มีชีวิตส่วนตัวอีกต่อไป
ถ้าเขามีชื่อเสียงไปอีกคน มันก็จะยิ่งกลายเป็นเรื่องใหญ่
ระหว่างการสนทนานี้เอง หญิงวัยกลางคนก็กลับมาที่ห้อง
ผลการตรวจเลือดและการตรวจด้วยคลื่นสนามแม่เหล็กพบว่าการทำงานของตับนั้นมีอาการของมะเร็ง แต่โชคดีที่มะเร็งยังอยู่ในระยะเริ่มต้น
เมื่อเหลียนซานรับแบบฟอร์มรายงานจากผู้ป่วย สายตาของเธอที่มองโจวอี้ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เธอไม่กล้าสรุปว่าผู้ป่วยเป็นมะเร็งจนกว่าผู้ป่วยจะเข้ารับการตรวจสอบด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย
แต่โจวอี้กลับวินิจฉัยได้ทันที!
สิ่งนี้หมายความว่า?
ทักษะทางการแพทย์ของโจวอี้ดีกว่าเธอ!
“หวางซิ่วหลาน ไปชำระค่าธรรมเนียม! ผมจะรักษาให้คุณโดยการฝังเข็มครั้งแรก จากนั้นผมจะให้ใบสั่งยา คุณควรกินยาจีนให้ตรงเวลาทุกวัน มาที่โรงพยาบาลทุกวันอังคารเพื่อรับการฝังเข็ม ซึ่งการรักษานี้จะทำสัปดาห์ละครั้ง ส่วนจำนวนครั้งในการฝังเข็มนั้นขึ้นอยู่กับผลการรักษาที่ตามมา” โจวอี้อธิบาย
“คุณหมอโจว มะเร็งรักษาด้วยการฝังเข็มได้เหรอ?” เสียงของหวางซิ่วหลานสั่นเล็กน้อย เพราะเมื่อเธอกลับมาพร้อมกับรายงานผลการตรวจ เธอก็พร้อมที่จะเลิกรักษาทันที เพราะไม่อาจจ่ายค่ารักษาที่สูงเกินไปได้
“ไม่ต้องกังวลไป คุณเป็นเพียงมะเร็งตับระยะเริ่มต้น การฝังเข็มและการรักษาด้วยยาจะสามารถรักษาเนื้อร้ายได้อย่างสมบูรณ์”
“แล้วคือ…ค่ารักษาสูงหรือเปล่า ฉัน…” หวางซิ่วหลานลังเล
“รองผู้อำนวยการเฉิน ทางโรงพยาบาลคิดค่าใช้จ่ายอย่างไร?” โจวอี้หันไปถามเฉินเจี้ยนหรง
“เอิ่ม…” เฉินเจี้ยนหรงมองไปยังเมิ่งเหว่ยที่กำลังกระดากอาย
โรงพยาบาลการแพทย์แผนจีนจินหลิงได้รับผู้ป่วยโรคมะเร็งมานับไม่ถ้วน แต่ไม่มีแพทย์ชาวจีนคนใดที่สามารถรักษามะเร็งด้วยการฝังเข็มได้ ดังนั้นจึงไม่มีมาตรฐานด้านค่ารักษาที่เฉพาะเจาะจงในเรื่องนี้
และวันนี้โจวอี้กลับพบปัญหาเรื่องนี้ถึงสองครั้ง!