บทที่ 71 ข้อสันนิษฐานของเหล่าเด็กสาว

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 71 ข้อสันนิษฐานของเหล่าเด็กสาว

บทที่ 71 ข้อสันนิษฐานของเหล่าเด็กสาว

“อร่อยมาก! รสชาติน่าทึ่ง!”

“ใช่แล้ว ต้องพูดเลยว่าวัตถุดิบกับเครื่องเทศของเถ้าแก่ไม่มีปัญหาอะไรแม้แต่น้อย”

“พวกคนที่จงเกลียดจงชังก็เหลือเกิน ทำบาร์บีคิวไม่อร่อยเท่าเอง ก็ยังพยายามใส่ร้ายเถ้าแก่ นิสัยไม่ดีจริง!”

“ถูกต้องแล้ว นิสัยไม่ดีของจริง ต่อจากนี้ไม่ขอไปซื้อร้านของพวกเขาอีก!”

“ฉันด้วย! ถ้าถัดจากนี้จะซื้อบาร์บีคิวกิน ก็ต้องร้านนี้เท่านั้น!”

บรรดาผู้โชคดีที่ได้รับบาร์บีคิวซึ่งหลิวอี้เตานำไปแจกจ่าย ต่างก็เอ่ยคำชมต่อฝีมือของอู๋ฝาน รสชาติของบาร์บีคิวเหล่านี้ มันไม่มีอะไรแตกต่างไปจากก่อนหน้า

กระบวนการทำบาร์บีคิวของอู๋ฝานเมื่อครู่ ทั้งหมดอยู่ภายใต้ประสาทสัมผัสของฝูงชนทั้งสิ้น และวัตถุดิบกับเครื่องเทศก็มาจากร้านของเถ้าแก่คนอื่น ด้วยเหตุนี้ มันจึงยืนยันอย่างสมบูรณ์ว่าอู๋ฝานคือผู้บริสุทธิ์

ส่วนเถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิวเหล่านั้น ต่างเกิดความรู้สึกอันซับซ้อนยากจะอธิบาย ภายหลังได้ทานบาร์บีคิวของอู๋ฝาน พวกเขาก็มีสภาพไม่ต่างจากนกแตกรังกลับไปยังร้านของตัวเอง เพราะผลลัพธ์ทราบกันดีแล้ว และพวกเขายังได้ทราบ ว่าหลังจากนี้ลูกค้าอีกหลายคนจะพูดถึงตัวเองกันอย่างไร หากอยู่ที่นี่ต่อก็มีแต่จะยิ่งอับอาย

เพียงแต่ภายหลังยืนยันได้ว่าความสามารถของอู๋ฝานเป็นของจริง เถ้าแก่เหล่านั้นก็ยิ่งมีความแน่วแน่ประการหนึ่งในใจ นั่นคือการหาวิธีอื่นบีบบังคับให้อู๋ฝานออกไปจากตลาดแห่งนี้

เพราะได้พิสูจน์ฝีมือของตัวเองแล้ว ขณะเดียวกันก็ได้เป็นการยืนยันตัวตนของหลิวอี้เตาไปด้วย ถัดจากนี้ อู๋ฝานจึงขอให้หลิวอี้เตาช่วยเหลือ ลูกค้าคนอื่นก็ไม่มีข้อโต้แย้งแต่อย่างใด

เพียงแต่ ฝีมือการทำบาร์บีคิวของหลิวอี้เตายังด้อยกว่าอู๋ฝานจริง เขายอมรับว่าด้อยกว่าอู๋ฝาน นอกจากนี้ เขาก็ยังไม่เคยเรียนวิธีการทำบาร์บีคิวมาก่อนด้วย ไม่แปลกหากว่าฝีมือจะแย่กว่าไปบ้าง แต่หากเทียบเปรียบกับฝีมือการทำบาร์บีคิวของเถ้าแก่ร้านอื่นใกล้เคียง ระดับของหลิวอี้เตาย่อมสูงกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ภายหลังได้ตระหนักถึงความต่างทางฝีมือระหว่างอู๋ฝานและหลิวอี้เตา ทุกคนจึงยิ่งนับถือฝีมือของอู๋ฝานมากยิ่งขึ้น

ฝีมือเชฟของคัลเลอร์แมน กลับยังไม่ดีเท่าอู๋ฝาน เห็นได้ชัดว่าฝีมือของอู๋ฝานระดับสูงล้ำเพียงใด คนฝีมือระดับนี้จะมาทำบาร์บีคิวขายที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายพบเจอ ส่วนใหญ่มักจะอยู่ตามภัตตาคารใหญ่ ดังนั้นทุกคนจึงแทบไม่อาจอดใจรอคอย คิดอยากมาที่นี่เพื่อได้ทานบาร์บีคิวก่อนจะถึงเวลานั้น

ตามปกติหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ไม่คิดทานบาร์บีคิว เพราะเธอมองว่าไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่นัก แต่วันนี้เธอได้ตั้งข้อยกเว้นกับตัวเอง ว่าจะทานสักจำนวนหนึ่ง แน่นอนว่าเธอและรูมเมทต่างยืนรอส่วนที่อู๋ฝานปิ้งด้วยตนเอง เพราะในแง่ของรสชาติ มันดีกว่าของหลิวอี้เตา

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์และกลุ่มเด็กสาวอยู่ไม่นานก็กลับไป เหมือนกับว่าเธอเพียงแค่ผ่านมาจริง ๆ

แท้จริงแล้ว รูทเมทของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์รู้ดีว่ามันไม่ใช่แบบนั้น เพราะภายหลังหลิ่วเหยียนเอ๋อออกจากหน้าร้านของอู๋ฝาน ก็มุ่งตรงกลับมหาวิทยาลัยเพียงลำพัง ไม่อยู่เดินเล่นต่อกับพวกเธอแต่อย่างใด

“พวกเธอว่าสัมพันธ์ระหว่างเทพธิดาหลิ่วกับเถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิวเป็นยังไง?”

ภายหลังหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กลับไปแล้ว รูมเมททั้งสามคนของเธอจึงเริ่มซุบซิบ การซุบซิบถือเป็นเรื่องที่เหล่าเด็กสาวชื่นชอบ โดยเฉพาะกับท่าทีที่ผิดปกติของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ในวันนี้ มันยิ่งกระตุ้นต่อมความสงสัยของรูมเมทเธอให้มากยิ่งขึ้น

“น่าจะเป็นเพื่อนกัน ถ้าไม่แบบนั้น ก็คงไม่แวะเวียนมาดูหรอก”

“เพื่อนธรรมดา หรือเพื่อนกันแบบแฟน?”

“ก็ต้องเป็นเพื่อนกันธรรมดาสิ คิดว่าคนอย่างเหยียนเอ๋อร์จะชอบคนทำบาร์บีคิวหรือยังไง? คิดถึงความเป็นจริงบ้าง ไม่ใช่โลกในเทพนิยาย”

“มันก็จริง ระหว่างทั้งสองมีช่องว่างใหญ่เกินไป เห็นชัดว่าเหยียนเอ๋อร์เป็นสาวรวยขาวสวย แม้ว่าเถ้าแก่ร้านบาร์บีคิวไม่ได้ยากไร้ แต่ก็ไม่อาจดีเทียบเท่ากับเหยียนเอ๋อร์”

“แต่ว่านะ ต่อให้เป็นเพื่อนธรรมดาก็ยังยากเลย ถ้าหากเรื่องนี้แพร่ออกไป ในมหาวิทยาลัยได้เกิดความฮือฮาครั้งใหญ่แน่ มีหลายคนพยายามไล่ตามจีบเหยียนเอ๋อร์ แต่ก็ไม่เคยมีคนไหนที่เธอจะพูดตอบแม้สักคำ นับประสาอะไรกับการได้เป็นเพื่อน”

“ที่พูดก็ไม่ผิด แต่ว่านะ เมื่อกี้มีนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกับเราอยู่หน้าร้านไม่ใช่น้อย เรื่องราวของเหยียนเอ๋อร์กับเถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิว คงไม่แพร่กระจายไปอย่างผิดที่ผิดทางหรอกมั้ง”

“ไม่น่ามีอะไร ยกเว้นไม่กี่คำแรกที่เหยียนเอ๋อร์พูดแทนให้ นอกนั้นเธอก็ไม่ได้พูดอะไรแทนอีกเลย”

“ก็ได้ ไม่คิดให้มากแล้ว ต่อให้หลุดรั่วออกไปจริง ด้วยนิสัยอย่างเหยียนเอ๋อร์ก็คงไม่คิดสนใจ พวกเราจะคิดเล็กคิดน้อยไปทำอะไรกัน?”

“จริงด้วย ไปเดินเล่นกันต่อดีกว่า”

“ไปกัน”

แม้ว่ากลุ่มเด็กสาวจะสงสัยต่อความสัมพันธ์ระหว่างหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และอู๋ฝาน แต่พวกเธอไม่ได้คิดถึงเรื่องการเป็นแฟนกันแต่อย่างใด อย่างไรแล้ว ในสายตาของพวกเธอ คนทั้งสองก็แตกต่างจนเกินไป ดังนั้นจึงสมควรเป็นเพียงเพื่อนธรรมดา แม้ว่าจะดูเกินเชื่อได้ไปบ้าง แต่การเป็นแฟนกันนั้น ในมุมมองของพวกเธอ มันยิ่งกว่าเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ

หากอู๋ฝานรู้ข้อสันนิษฐานของพวกเธอ เขาคงบอกตามตรงว่าที่พวกเธอคิดนั้นผิดทั้งหมด เพราะเขาและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่อาจนับได้ว่าเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ ต่อให้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์รู้ข้อสันนิษฐานเหล่านี้ เธอก็คงมีท่าทีเฉยชาเหมือนดังเคย โดยไม่ตอบแม้ครึ่งคำด้วยซ้ำ

กิจการของอู๋ฝานในช่วงมืดค่อนข้างคึกคัก เพราะก่อนหน้านี้มีการแสดงฉากใหญ่ ลูกค้าจึงยิ่งมีความเชื่อใจ กิจการจึงดีเสียยิ่งกว่าก่อนหน้า นับเป็นโชคดีที่วันนี้มีหลิวอี้เตาช่วยเหลือ ถ้าไม่ใช่เขาคงหมดเรี่ยวแรง เพราะหลิวอี้เตาคอยช่วยเหลือไม่ขาด เขาจึงผ่อนคลายไปได้มาก

ศิษย์คนนี้ไม่ใช่เสียเปล่า อย่าน้อยก็ช่วยแบ่งเบาแรงกดดันให้เขาได้

ท่าทีของหลิวอี้เตาก็ดีเยี่ยม แม้ตั้งแต่ต้นจนจบงานยุ่งวุ่นวายตลอด แต่ก็ไม่มีบ่นแม้ครึ่งคำ ดังทราบว่าครั้งที่อยู่คัลเลอร์แมน เขาเป็นถึงเชฟใหญ่ ทำอาหารก็เพียงน้อยจาน เพราะอาหารส่วนใหญ่ทำโดยเชฟคนอื่น มีหรือจะเหนื่อยล้าเหมือนดังวันนี้ แต่แม้วันนี้เหนื่อยล้าเหงื่อท้วมกาย เขาก็ไม่ปริปากบ่นแม้ครึ่งคำ แต่พยายามอย่างตั้งใจ แบกรับภาระการทำงานอันหนักหน่วง อู๋ฝานจึงค่อนข้างประทับใจ

“อาจารย์ ให้ผมไปส่งแล้วกัน” ภายหลังเก็บของเรียบร้อย หลิวอี้เตาจึงบอกกับอู๋ฝาน “ผมเอารถมาน่ะ”

อู๋ฝานทำบาร์บีคิวขายที่นี่ สภาพคล่องการค้าไม่น่าจะดีนัก แม้ว่าหลิวอี้เตาสงสัย ว่าทำไมอู๋ฝานจึงมาตั้งร้านแผงลอยขายบาร์บีคิวด้วยฝีมือทำอาหารเลิศล้ำ แต่เขาก็ไม่ได้ถามออกไป และเลือกที่จะเสนอตัวไปส่งอู๋ฝาน

“ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ คุณกลับไปก่อนได้เลยครับ คืนนี้เหนื่อยหน่อยนะครับ” อู๋ฝานปฏิเสธ

ลูกศิษย์ยังมีรถ ส่วนตัวเขาไม่มีรถ นับเป็นเรื่องน่าอับอาย!

อู๋ฝานจึงตัดสินใจว่าเมื่อไรได้รับเงินมา เมื่อนั้นจะต้องซื้อรถคันหนึ่ง ไม่ใช่เพื่อรักษาหน้าตาหรืออะไร แต่เพราะมันจะช่วยให้การเดินทางสะดวกมากขึ้น

“ไม่ได้เหนื่อยเลย ตอนเรียนทำอาหารช่วงแรกยังเหนื่อยกว่านี้ด้วยซ้ำไป” หลิวอี้เตาตอบกลับ

ไม่ว่าจะโลกแห่งความเป็นจริง หรือว่าเป็นอีกโลกหนึ่ง ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะก้าวหน้าขึ้นไปทำงานที่ดีได้โดยไม่ต้องลงทุน ดังนั้นแล้วอู๋ฝานจึงถือได้ว่าโชคดี เพราะความสะดวกของผู้เล่นจึงช่วยพัฒนาทักษะของตัวเขา อีกทั้งทักษะทั้งหลายยังเป็นระดับสูงตั้งแต่เริ่มแรกด้วยซ้ำ เรียกได้ว่ามีจุดเริ่มต้นที่ดีกว่าคนอื่น