บทที่ 21 พี่ชายคนรองที่ดูแตกต่างจากภายนอก

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 21 พี่ชายคนรองที่ดูแตกต่างจากภายนอก

หญิงสาวมีกำหนดการขายชาดทาหน้าที่ร้านผ้าของตระกูลเพียงชั่วคราวเท่านั้น ทั้งภายในและภายนอกล้วนแต่ต้องการให้เหยาซูไปจัดการ นางจึงปรึกษาแม่เฒ่าเหยาว่าจะขอพักอยู่ในเมืองสักสองวัน

ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงของเหยาซู ทำให้หญิงชรารู้สึกโล่งใจไปกับนางไม่น้อย แต่แล้วมารดาผู้ใจดีก็ยังเก็บข้าวของให้ลูกสาวพลางบ่นไปมา

“หากไปอยู่ในเมืองก็ย่อมได้ พี่รองของเจ้ามักทำงานอยู่ในเมืองและมีบ้านหลังเล็กอยู่หลังหนึ่ง เพียงแต่เขาเป็นผู้ชายจะดูแลเจ้าได้อย่างไร”

เมื่อต้าเป่าและเอ้อเป่ารู้ว่าท่านแม่ของพวกเขาต้องออกจากบ้านไปหลายวันจึงพากันมายืนเฝ้าเหยาซู และเล่นกลปริศนาเก้าห่วงอยู่ข้างกายไม่ห่าง

เหยาซูที่กำลังเล่นกับลูกน้อยทั้งสองคนได้ยินดังนั้นก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “ท่านไม่จำเป็นต้องให้พี่รองมาดูแล ข้าเคยไปในเมืองมาก่อนทุกอย่างสะดวกมาก ท่านแม่ได้โปรดไว้ใจเถอะ ข้าดูแลตัวเองได้”

เมื่อได้ยินเหยาซูพูดดังนี้ ต้าเป่าก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านแม่วางใจเถอะ ข้าสามารถดูแลตัวเองได้ และยังดูแลมีน้องชายและน้องสาวได้ด้วย”

ต้าเป่าพยักหน้าอย่างหนักแน่น

ตอนนี้ลูกทั้งสองของนางได้โตขึ้นแล้ว พวกเขารู้ว่านางต้องทำการค้าขายเพื่อเลี้ยงดูพวกเขา แม้ว่าในใจพวกเขาจะไม่เต็มใจที่ต้องอยู่ห่างกับมารดา แต่พวกเขาก็รู้ว่าควรปฏิบัติตนอย่างไร

เหยาซูกอดลูกทั้งสองเอาไว้สูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ บนเสื้อผ้าของพวกเขา มันทำให้นางรู้สึกสงบและเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนออกมาว่า “แน่นอน ต้าเป่าและเอ้อเป่าเป็นเด็กดีที่สุด ไม่มีทางที่ทำให้แม่ต้องกังวลแน่นอน”

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเหยาซูจัดการเกี่ยวกับลูกทั้งสามคนเรียบร้อย นางได้อำลาพ่อแม่ พี่ชายและพี่สะใภ้ก่อนที่จะตามพี่รองเหยาเฉาเข้าไปในเมือง

เหยาเฉาเมื่อรู้ว่าน้องสาวของเขากำลังเข้าไปในเมือง เขาจึงไปหาคนขับรถม้าล่วงหน้า หนึ่งวันและสั่งให้มารับนางที่บ้านตระกูลเหยา เดิมทีเขาเองก็ขี่ม้าได้แต่กลัวว่าน้องสาวจะเบื่อเมื่อต้องนั่งเดินทางอยู่คนเดียว จึงขึ้นไปนั่งบนรถม้าด้วยกัน

เหยาเฉามักแต่งกายด้วยชุดชาวบ้านชนบท แต่เนื่องจากวันนี้ยังต้องทำงานอยู่ที่อำเภอ จึงสวมเสื้อสีขาวพระจันทร์เพิ่มความรู้สึกให้เหมือนคุณชายหน้าหยกเข้าไปอีกหลายส่วน

เหยาซูมองพี่ชายของนางหลายรอบก่อนจะหาหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว “พี่รองหลายวันมานี้ข้าไม่เคยเห็นท่านกลับบ้านเลย ในเมืองมีเรื่องยุ่งยากอย่างนั้นหรือ?

เหยาเฉาส่ายหน้าแล้วเอนหลังพิงกับรถม้า ให้ภาพลักษณ์ของคุณชายผู้สง่างามแฝงไปด้วยความสงบ

“ไม่ใช่ว่ายุ่ง… แต่ตอนนี้ผู้ตรวจการอายุมากแล้ว ไม่ค่อยมีกำลัง ดังนั้นจึงอาศัยคนรอบข้างเสนอความคิดให้กับเขา”

เหยาซูเห็นท่าทีโอหังของเขา พลันรู้สึกว่าเมื่อครู่นี้นางคงสายตาไม่ดีเป็นแน่ที่รู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปเป็นคุณชายที่อ่อนโยน จึงหัวเราะและอดส่ายหน้าไม่ได้

“พี่รองคิดอย่างไรกับใต้เท้าผู้ตรวจการงั้นเหรอ?”

เมื่อได้ยินคำถามจากผู้ที่เป็นน้องสาว เหยาเฉาจึงกล่าวว่า “เมืองชิงถงของเรานับว่าเป็นพื้นที่สำคัญทางการทหาร ปกติท่านผู้ตรวจการจะยุ่งอยู่กับการฝึกทหาร เรื่องโจรขโมยไก่ หรือเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเมืองจึงไม่มีเวลามาดูแล เช่นนี้ไม่จำเป็นต้องให้คนมาทำงานแทนเขาหรอกหรือ? สมองเหมือนปลาตายของนักปราชญ์กลุ่มนั้นจะจัดการพวกอันธพาลในเมืองได้อย่างไร?”

คำพูดหยอกล้อของเหยาเฉาเกือบทำให้เหยาซูต้องหงายหลัง แล้วพูดออกมาว่า “พี่รองท่านเองก็อ่านหนังสือมาไม่น้อย ยังต้องการไปสอบบัณฑิตอีกหรือ”

เหยาเฉาหัวเราะ “แต่พี่รองของเจ้านั้นมีความสามารถทั้งด้านบุ๋นและด้านบู๊ จริง ๆ แล้วแข็งแกร่งกว่านักปราชญ์ที่น่าเบื่อเหล่านั้นอยู่เล็กน้อย”

คนตระกูลเหยานั้นมีรูปลักษณ์ที่ดี เหยาซูรู้ตลอดว่าพี่ชายคนรองของนางมีวรยุทธ ทว่านึกไม่ถึงเมื่อเขาพูดและหัวเราะจะมีเสียงใสกังวานดังหญ้าไผ่เสียดสี ฟ้าใสไร้หิมะ อีกทั้งดวงตาหงส์ของเขายังหยีขึ้นจนดูน่าหลงใหล

“พี่รอง” เหยาซูกลืนน้ำลายลงคอแล้วพึมพำในใจ นี่คือพี่ชายแท้ ๆ ของนางจึงค่อย ๆ พูดอย่างช้า ๆ “ข้านึกภาพไม่ออกจริง ๆ ว่าหากท่านเข้าร่วมกับพวกอันธพาล…”

นั่นคงเปรียบเสมือนวางไข่มุกไว้ในกองมูลเหม็นไม่ใช่หรือ?

รอยยิ้มของเหยาเฉาลึกซึ้งยิ่งขึ้น เขาฉวยโอกาสนี้สั่งสอนเหยาซูว่า “การจะดูคนจะมองเพียงแค่ผิวเผินไม่ได้ ในโลกนี้มีแต่ขาวและดำอยู่มากมาย เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าพี่รองไม่ใช่อันธพาลที่เป็นลูกพี่ใหญ่ในเมืองชิงถง?”

……………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

คนตระกูลนี้พันธุกรรมดีกันทั้งบ้านเลยค่ะ แต่แต่งงานกันหมดแล้ว เสียดายตรงนี้แหละ

งานเสริมของพี่รองคืออะไรหว่า

ไหหม่า(海馬)