บทที่ 22 ธุรกิจค้าชาด
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น รถม้าก็แล่นเข้ามาถึงในเมืองแล้ว
เหยาซูหัวเราะและไม่ได้พูดอะไรอีก หากแต่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด แม้ว่าพี่รองจะเป็นนักเลงอันธพาล แต่เขาจะต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในเหล่าอันธพาลอย่างแน่นอน
อีกทั้งพี่รองนั้นดูโดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน รวมทั้งมีอารมณ์ขัน ปกติแล้วพี่สะใภ้รองจะดูแลคนในครอบครัวมาตลอด คิดไปคิดมาพี่สะใภ้รองช่างเป็นผู้ชนะในชีวิตจริง
ร้านผ้าตระกูลเหยา ตั้งอยู่บนถนนที่คึกคักที่สุดในเมือง ปกติแล้วจะมีเถ้าแก่ร้านและคนงานอยู่ในร้าน เขาจะมาที่นี่ทุกครึ่งเดือนเพื่อที่จะตรวจสอบบัญชี
ปกติก็จะช่วยทำงานที่บ้าน
เมื่อเหยาเฉาและเหยาซูมาถึง พวกเขาเพิ่งเปิดประตูเข้าไปในร้าน คนงานที่กำลังทำความสะอาดอยู่หน้าร้านก็สังเกตเห็นพวกเขาทั้งสองคนจึงรีบตะโกนเข้าไปในร้าน “เถ้าแก่ นายน้อยรองมาแล้ว!”
หลังจากนั้นไม่นานชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มก็เดินออกมาต้อนรับพวกเขาและโค้งคำนับเหยาเฉา “โอ้ วันนี้นายน้อยรองว่างมาที่ร้านผ้าได้อย่างไร”
จากนั้นเขาก็มองไปที่เหยาซูและคารวะพร้อมกับพูดว่า “แม่นางผู้นี้คือคุณหนูใช่หรือไม่?”
เหยาเฉาพยักหน้าและแนะนำเหยาซูว่า “นี่คือเถ้าแก่หลิวของร้านผ้าของตระกูลเรา ตอนนี้ทั้งภายในและภายนอกล้วนแต่ต้องอาศัยเถ้าแก่หลิวคอยดูแลอย่างยากลำบาก”
เหยาซูยิ้มตอบ “เถ้าแก่หลิวช่างมีสายตาที่แหลมคม”
“นายน้อยรอง คุณหนู เชิญเข้ามาก่อน เข้ามานั่งคุยด้านในขอรับ!”
พูดจบเถ้าแก่หลิวก็เรียกคนงานให้ไปชงชาและก่อไฟ
เหยาเฉาเรียกคนขับม้าให้ย้ายกล่องบนรถม้าลงมาที่ร้านผ้า เนื่องจากกล่องใหญ่ กล่องเหล่านั้นไม่ได้ปิดฝาทำให้เถ้าแก่หลิวมองเห็นกล่องหลายกล่องเรียงรายภายใน
เขาทำธุรกิจมาหลายปีสายตาย่อมเฉียบคมและมองออกว่ากล่องเหล่านี้แตกต่างจากกล่องสามัญธรรมดาอย่างไร ทันใดนั้นเถ้าแก่หลิวก็ถามขึ้นว่า “กล่องพวกนี้คุณหนูเอามาจากที่ใดหรือ?”
เหยาซูเดินเข้าไปในห้องพลางพูดกับเถ้าแก่ว่า “ข้าเป็นคนจัดหาพวกมันมาเอง”
เถ้าแก่หลิวหยิบกล่องบรรจุชาดขึ้นมากล่องหนึ่ง พินิจพิเคราะห์กล่องเล็กเท่าขนาดฝ่ามืออย่างละเอียด จากนั้นก็กล่าวชมเชยว่า “กล่องไม้พบได้ทั่วไป ทว่าไม่เคยเห็นสีหรือสลักตัวอักษรมาก่อน ดูแล้วช่างไม้คนนี้คงเสียเวลาคิดไปหลายรอบทีเดียว”
เหยาซูเผยรอยยิ้ม นางไม่ได้บอกเจ้าของร้านว่านางยังมีกล่องที่แกะสลักงดงามมากกว่านี้มาด้วย
เมื่อทั้งสามนั่งลง กล่องบรรจุชาดก็ถูกจัดเก็บเรียบร้อย เหยาเฉาเอนหลังพิงพนักและจิบน้ำชาร้อน ๆ อย่างเกียจคร้าน ในขณะที่เหยาซูปรึกษาเถ้าแก่หลิวว่ากิจการนี้เป็นอย่างไร
“ตอนนี้เพิ่งเข้าสู่ฤดูหนาว พวกเราไม่จำเป็นต้องรีบขายมันออกไป เดือนแรกให้ขายเพียง 20 กล่องที่ร้านผ้า ขายได้ไม่ได้ก็ช่างมันเถิดขอให้เพียงลูกค้าได้เห็นพวกมันเท่านั้น”
เถ้าแก่หลิวเกิดความสงสัยในใจแต่ก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะขัดจังหวะ เขายังคงตั้งใจฟังเหยาซูพูดต่อไป
“การขายกล่องเหล่านั้นเพียงเท่านี้มีเหตุผลเช่นกัน ควรวางไว้เฉพาะบริเวณที่สะดุดตาที่สุดในร้านค้า เรียงรายกันเป็นแถว เมื่อคนรอบข้างมาดูผ้าที่ร้านของเรา ให้คนงานแนะนำกล่องเหล่านี้ว่าพวกมันถูกนำมาจากทางใต้ สินค้าในแต่ละครั้งมีไม่มาก ดังนั้นจึงมีเพียงแค่ 20 ชิ้นเท่านั้น และมีเพียงลูกค้าที่ซื้อผ้าครบหนึ่งพับเท่านั้นจึงจะสามารถซื้อกล่องนี้ได้”
เถ้าแก่หลิวพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ถามต่อว่า “กล่องแต่ละกล่องพวกนี้มีราคาเท่าไหร่หรือ?”
เหยาซูจึงกล่าวว่า “กล่องละ 500 เหรียญ”
เถ้าแก่หลิวขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า “ไม่แพงไปหน่อยหรือ”
เหยาซูยิ้มแล้วกางม้วนภาพในมือออก “สิ่งที่ขาดไม่ได้ในเมืองก็คือคนร่ำรวย ถึงแม้ราคาจะแพง แต่ขอเพียงมีวิธีการขายที่เหมาะสมก็จะมีคนมาซื้อมัน เถ้าแก่หลิวแค่จัดวางกล่องบรรจุชาดเหล่านี้แล้วแขวนภาพนี้เอาไว้”
เถ้าแก่หลิวเพ่งมองบนม้วนภาพอย่างตั้งใจ เป็นภาพเขียนภูเขาและสระน้ำจำลอง มีเหล่าดอกไม้ล้อมรอบและมีหญิงสาวสวมชุดหรูหรา
ใบหน้าของหญิงสาวดูราวกับดอกไห่ถังในฤดูใบไม้ผลิ นางดูมีเสน่ห์มากขึ้นเพราะสีแดง ๆ บนใบหน้าของนาง
ภาพที่แขวนนี้ต้องการจะบอกคนรอบข้างว่าใบหน้าขาวผ่องของหญิงสาวจะดูดีมีเสน่ห์ได้อย่างไร
เถ้าแก่หลิวตบมืออย่างอดไม่ได้ จึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “วาดได้ดี! มีความคิดดี!”
เหยาซูเก็บม้วนภาพกลับไปวางที่โต๊ะน้ำชาแล้วพูดกับเถ้าแก่หลิวว่า “ท่านแค่ค่อย ๆ ขายมัน หากมีลูกค้าประจำของร้านผ้า โดยเฉพาะเหล่าสตรี ที่ตระกูลไม่ขาดแคลนเงินและมีมนุษยสัมพันธ์กว้างขวางก็สามารถส่งให้นางทดลองได้หนึ่งกล่อง เพียงแต่ต้องระวัง ไม่ได้ให้ทุกคน เพียงให้หนึ่งหรือสองคนเท่านั้น”
ราชวงศ์เหยียนมีข้อจำกัดเกี่ยวกับสตรีไม่มากนัก ไม่ว่าจะแต่งงานแล้วหรือไม่จะไม่ผูกมัดสตรีให้ออกไปไหน พวกสตรีออกมาเดินซื้อของได้ แต่พอพูดถึงการทำการค้าบทบาทของสตรีก็จะน้อยลงไป
ก่อนหน้านี้เหยาเฟิงเคยบอกเถ้าแก่หลิวแล้วว่าน้องสาวของเขาต้องการทำการค้า แม้เถ้าแก่หลิวจะไม่ได้พูดอะไรออกมา ในใจของเขายังคงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก
ตอนนี้เมื่อได้ยินความคิดมากมายจากเหยาซู ยิ่งทำให้พ่อค้าอย่างเถ้าแก่หลิวตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
“นี่ดูเหมือนการแจกแต่จริง ๆ แล้วให้ลูกค้าช่วยแนะนำให้กับเราใช่หรือไม่? โดยเฉพาะสตรีที่คุ้นเคยกับร้านขายผ้า ท่านสามารถ…”
เมื่อพูดดังนั้นเหยาซูก็หยิบกล่องสีชาดขึ้นมาสองสามกล่อง เปิดออกและยื่นให้กับเถ้าแก่หลิวดู “กล่องบรรจุชาดเหล่านี้เถ้าแก่หลิวสามารถเปิดฝาให้แขกที่มาซื้อผ้าของตระกูลเราได้ลองใช้ หากลูกค้ารู้สึกดีก็ไม่ต้องกังวลว่าจะขายไม่ออก”
เถ้าแก่หลิวรับกล่องชาดทาหน้ามาโดยไม่รู้ตัว เขาเห็นเพียงสีที่บริสุทธิ์และเรียบเนียน แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายแต่เขาก็เคยเห็นชาดทาหน้าบนโต๊ะเครื่องแป้งของภรรยาของเขามาก่อน ทว่ามันดูด้อยกว่ากล่องที่อยู่ในมือของเขาในตอนนี้เป็นอย่างมาก
เขาเป็นคนที่เฉลียวฉลาด เขาถือชาดทาแก้มไว้ในมือและคิดตามวิธีที่เหยาซูพูดอย่างรวดเร็ว
“ดี! การค้านี้ย่อมสามารถกระตุ้นกิจการร้านผ้าของเราได้…”
เหยาซูได้แลกเปลี่ยนความคิดอื่นกับเถ้าแก่หลิว ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกถึงความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าแปลกประหลาดบนใบหน้าของเหยาเฉาที่อยู่ด้านข้างเลยแม้แต่น้อย ความคิดทางธุรกิจของเหยาซูนั้นฟังดูเหมือนทำสำเร็จแน่นอน แต่เขารู้จักน้องสาวของตัวเองดี นางไม่มีความสามารถแบบนั้น…จะต้องมีคนคอยชี้แนะจากด้านหลังเป็นแน่
…………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
การตลาดขนาดนี้ยังไม่ซื้อก็ให้รู้กันไปสิ มาทั้งเทสเตอร์ ทั้งใบปิดโฆษณา ทั้งโปรโมชันขนาดนี้
ไหหม่า(海馬)