บทที่ 23 ละอายใจตัวเอง

หลังจากที่เหยาซูคุยกับเถ้าแก่หลิวเกี่ยวกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของการขายชาดทาหน้าแล้ว เขาก็บอกให้เก็บกล่องทั้งหมดเอาไว้เหลือเพียงยี่สิบกล่องและตัวอย่างบางส่วนให้คนทดลองใช้เท่านั้น

เหยาเฉาฉวยโอกาสตอนที่เถ้าแก่หลิวยุ่งกับงาน จิบชาร้อน ๆ อย่างเชื่องช้า พลางประเมินเหยาซู ตั้งแต่หัวจรดเท้า

เหยาซูสัมผัสได้ถึงสายตาพิลึกพิลั่นของพี่รอง ทำให้นางรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก หญิงสาวซ่อนอารมณ์ภายใต้ดวงตา แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจก่อนที่จะมองไปที่พี่ชายคนรอง

เหยาเฉากล่าวเพียงว่า “ตอนนี้อาซูโตขึ้นไม่น้อย กลับทำให้ข้าต้องโดนท่านพ่อ ท่านแม่บ่นเป็นประจํา คงไม่ต้องห่วงเรื่องเจ้าจะลำบากอยู่ข้างนอกแล้ว”

ท่าทางของหญิงสาวเมื่อครู่แตกต่างออกไปจากเมื่อก่อนราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน เหยาซูรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่นางจะมีพฤติกรรมเหมือนกับเจ้าของร่างเดิม แต่นางก็ไม่กลัวการหยั่งเชิงของพี่รอง

นางยิ้มและกล่าวว่า “แต่ก่อนข้าไม่รู้ความ ทำให้ครอบครัวต้องเป็นกังวล เมื่อก่อนข้ามีแต่ท่านพ่อและพี่ชายรักใคร่เอ็นดู ทว่าตอนนี้มันแตกต่างออกไปแล้ว ข้ามีลูกสามคนแล้วจะให้ข้ารับการดูแลจากครอบครัวอย่างเดิมได้อย่างไร นอกจากนี้ตระกูลเหยาของเรายังมีแต่คนฉลาด เช่นพี่ใหญ่ทำการค้าและพี่รองอยู่ในวงราชการ ดังนั้นข้าจึงต้องทำตัวให้เหมือนกับคนตระกูลเหยามากกว่านี้”

เหยาเฉาได้ยินดังนั้น ดวงตาหงส์ของเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังและพยักหน้า “แม้ว่าพี่ใหญ่จะดูแลเรื่องกิจการค้าขายภายในบ้าน ทว่าก็ไม่ได้มีความคิดบ้าบออะไรมากมายเช่นเจ้า! เมื่อสักครู่ข้าสังเกตดูแล้วหากพูดตามความจริงเกรงว่าเจ้าทั้งสองคงอยู่ในระดับเดียวกัน”

ตอนแรกเขายังกังวลว่าชาดของน้องสาวจะขายไม่ได้ แต่ตอนนี้ดูแล้วเขาคงกังวลมากเกินไป

“เฮ้อ ได้รับบทเรียนและทรมานมามากแล้ว ก็ต้องรู้อยู่แล้วเจ้าค่ะ”

“ในอนาคตก็อย่ายอมแพ้ล่ะ หากใครรังแกเจ้า บอกพี่รองของเจ้ามาได้เลย”

“พี่รอง…”

ขณะที่พี่น้องกำลังคุยกัน เถ้าแก่หลิวก็ได้จัดการทุกอย่างตามคำขอของเหยาซูเป็นที่เรียบร้อยและเดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้ม “ตามคำแนะนำของคุณหนู โต๊ะพิเศษได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อวางชาดทาแก้มแล้ว ส่วนภาพแขวนได้แขวนไว้ตามที่คุณหนูสั่งเช่นกัน เชิญท่านไปตรวจสอบความเรียบร้อย”

เหยาซูส่ายหัว น้ำเสียงของนางดูวางใจมาก “เถ้าแก่หลิวมีประสบการณ์ในการทำการค้ามากกว่าข้า ข้าสามารถวางใจได้เมื่อท่านเป็นคนลงมือเอง”

เหยาเฉาพาน้องสาวไปดูที่พักของร้านผ้าแล้วกล่าวกับเหยาซูว่า “นี่ก็สายมากแล้ว ข้าจะไปตรวจตราที่จวนใต้เท้าก่อน แล้วมารับเจ้ากลับที่พักตอนเที่ยงดีหรือไม่?”

เมื่อเห็นเหยาซูพยักหน้าเขาก็ออกจากร้านผ้าและมุ่งไปยังด่านตรวจการณ์ของเมือง

เมืองชิงถงเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเจริญรุ่งเรืองที่สุดในอำเภอหลิวเฉิง อีกทั้งอยู่ติดกับชนกลุ่มน้อยตอนเหนือไม่ไกลจากเมืองหลวงจึงทำให้ประชาชนเปิดกว้างมาก

ในทางตรงกันข้ามมันต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการรักษาความสงบเรียบร้อยของเมือง

สิ่งที่เหยาเฉาทำในตอนนี้ก็คือช่วยตรวจตราและรักษาความสงบเรียบร้อยของเมืองชิงถง

เมื่อมาถึงด่านตรวจกลับเห็นทหารเดินมาอย่างเร่งรีบ เหยาเฉาจึงถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

ใบหน้าของทหารผู้นั้นกำลังตื่นตระหนก จึงกล่าวเพียงว่า “ปีนี้ราชสำนักพ่ายแพ้ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ทว่าตอนนี้มีข่าวว่ากันว่ามีทหารที่พ่ายแพ้ศึกกลุ่มหนึ่ง ไม่ใช่แค่ไม่โดนจับไปเป็นเชลย กลับยังหันมาโจมตีข้าศึกชาวทูเจวี๋ย*ที่ตามมาอีกด้วย…”

*ชาวเติร์ก

เหยาเฉาดูเหมือนจะนึกอะไรออก เขาขมวดคิ้ว ทหารประจำเห็นเขานิ่งเงียบไม่พูดไม่จาจึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านเหยาไม่ตามข้าไปถามสถานการณ์ในค่ายทหารหรือ”

ค่ายทหารในเมืองชิงถงอยู่ห่างไกลออกไปยี่สิบลี้ การเดินทางไปกลับอย่างน้อยต้องใช้เวลาครึ่งวัน เหยาซูยังคงอยู่ที่ร้านผ้า แน่นอนว่าเขาไม่อาจละทิ้งนางเอาไว้ได้

“ข้าจะไม่ไป” เหยาเฉาประสานมือและกล่าวว่า “หากน้องชายมีข่าวอื่นรบกวนแจ้งให้ข้าทราบด้วย ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นยิ่งนัก”

แม้ว่าเหยาเฉาจะไม่มีตำแหน่งใด แต่เขาก็เป็นคนใต้บังคับบัญชาของใต้เท้าผู้ตรวจการ ในอดีตมักทำคดีร่วมกันกับผู้ตรวจการ น้อยครั้งนักที่จะได้พูดกับทหารประจำจวนอย่างพวกเขา

เมื่อเห็นท่าทีสุภาพต่อเขาทหารของจวนก็รีบโบกมือ “นายท่านเกรงใจกันเกินไปแล้ว หากมีข่าวใดเพิ่มเติมข้าย่อมแจ้งท่านให้ทราบทันที!”

เหยาเฉายิ้มบาง ๆ “เช่นนั้นก็ลำบากท่านแล้ว”

ทหารของจวนหน้าแดงจนไม่รู้จะตอบอะไร ได้แต่พยักหน้าแล้ววิ่งไปยังสวนม้าที่ลานด้านข้าง

ในขณะที่เขาวิ่งก็ได้คิดถึงรอยยิ้มของเหยาเฉาในหัวของเขา…

ช่างงดงามยิ่งกว่าสาวงามที่เขาเคยพบเจอ..

เหยาเฉาค่อย ๆ เดินกลับเข้าไปในลานภายใน ทว่าในใจกลับเกิดการคาดเดาที่ไร้สาระขึ้นมา

ข่าวการตายของลูกชายคนโตตระกูลหลิน ที่ไปเป็นทหารสู้รบทางตะวันตกเฉียงเหนือเมื่อครึ่งปีก่อน เขาจะเป็นหนึ่งในทหารที่พ่ายแพ้กลับมาหรือไม่?

จวบจนกระทั่งบ่าย เหยาเฉาไปรับเหยาซูกลับไปยังบ้านพักที่อยู่ในเมืองหลวง ทว่าเหยาเฉายังคงคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ

เหยาซูอยู่ในร้านผ้ามาตั้งแต่เช้า ใครก็ตามที่เข้ามาในร้านไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงล้วนถูกดึงดูดด้วยภาพวาดของนางตั้งแต่แรกเห็น จากนั้นพวกเขาก็มองสิ่งของที่อยู่ใต้ภาพวาด

นั่งรอจนพี่รองกลับมาที่ร้านขายผ้าอีกครั้งจึงกลับไปด้วยกัน เหยาซูนั่งอยู่ในรถมาด้วยสีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อยก่อนจะกล่าวกับพี่รองว่า “พี่รองท่านลองคาดเดาดูสิเจ้าคะ ว่าในสองชั่วยามมานี้ ข้าขายได้กี่กล่อง?”

เหยาเฉาที่อยู่บนรถม้าพิงผนังรถและหยอกล้อกับนาง “เจ้าพูดว่ามีคนมาซื้ออย่างนั้นหรือ?”

เมื่อเห็นท่าทางมีความสุขของนาง ความกังวลใจที่ปกคลุมหัวใจของเหยาเฉาก็ลดลงไปไม่น้อย น้องสาวคนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อน ต่อให้ลูกชายคนโตของตระกูลหลินยังมีชีวิตอยู่และกลับมาบ้านจริง ๆ นางก็จะไม่ถูกรังแกเหมือนแต่ก่อน

เหยาซูพยักหน้า “3 กล่องเจ้าค่ะ ถูกขายออกไปแล้ว 3 กล่อง ตราบใดที่เกิดความสนใจและได้ทดลองใช้ก็ย่อมต้องซื้อมัน”

“พี่รอง” วันนี้เหยาซูช่างมีความสุขจริง ๆ ราวกับภาระที่กดทับอยู่บนบ่านางมาตลอดได้ผ่อนคลายลงมาก

นางดึงแขนเสื้อของเหยาเฉาและกล่าวว่า “ต้องขอบคุณท่านกับพี่ใหญ่ ยังมีพี่สะใภ้ทั้งสองที่ช่วยข้า… หากขายดี ข้าและลูก ๆ จะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นเร็ว ๆ นี้!”

เหยาเฉาได้ยินดังนั้นสีหน้าก็พลันอ่อนลง เขาลูบศีรษะของเหยาซูเบา ๆ “ต่อให้เกิดเรื่องอันใดขึ้น พี่ใหญ่และพี่รองจะช่วยเจ้า คอยสนับสนุนเจ้าอยู่ อาซูเจ้าแค่ทำตัวให้มีความสุขและดูแลตัวเองให้ดี”

หลายวันมานี้เหยาซูอาศัยอยู่ในบ้านพักในเมืองตลอด วันไหนที่ไม่มีอะไรทำก็จะไปที่ร้านผ้า เพียงไม่กี่วันกล่องชาดที่นางวางขายก็แพร่กระจายไปทั่วบริเวณ กล่องชาดยี่สิบกล่องที่นางเตรียมมาถูกขายจนหมดเกลี้ยง

ขณะที่นางกำลังคิดจะกลับบ้านไปเยี่ยมลูกทั้งสามคน กลับมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญ

“ข้าได้ยินมาว่าร้านผ้าตระกูลเหยาขายชาดอย่างนั้นหรือ? ไหนเอาออกมาให้ฮูหยินข้าดูหน่อยว่ามันเป็นอย่างไร จนต้องตั้งราคาสูงถึง 500 เหรียญ!”

เถ้าแก่หลิวเห็นผู้มาใหม่จึงยิ้มและออกไปต้อนรับทันที “โอ้ นี่ไม่ใช่ฮูหยินนายอำเภอหรอกหรือ? วันนี้ว่างมาเดินเที่ยวเล่นร้านเล็ก ๆ ได้อย่างไรขอรับ?”

อำเภอหลิวเฉิงไม่ใหญ่นัก ชาวบ้านก็น้อย ไม่อาจสู้ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองชิงถงด้วยซ้ำ

เสื้อผ้าเครื่องประดับที่ได้รับความนิยมจำนวนมากส่วนใหญ่ขายในเมืองชิงถงที่เดินทางสะดวก อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกล มีฮูหยินและคุณหนูที่อาศัยอยู่ในอำเภอเป็นจำนวนมาก เวลาไม่มีอะไรทำพวกนางชอบออกมาเดินเล่นที่เมืองชิงถง

เหตุที่ฮูหยินนายอำเภอมาในวันนี้ เป็นเพราะได้ยินว่าร้านผ้าตระกูลเหยามีชาดที่ส่งมาจากทางใต้สีสันงดงามยิ่งนัก

ทว่าชาดเพียงกล่องเดียวคงไม่ควรค่าแก่การมาที่นี่ของนาง แต่เป็นเพราะชาดที่วางขายนี้มีคุณหนูของตระกูลเหยาเป็นเจ้าของ

“เถ้าแก่หลิว คนดูแลร้านผ้าของเจ้าอยู่ที่ไหน? พานางออกมาพบข้า”

เมื่อเห็นนางทำหน้าไม่เป็นมิตร เถ้าแก่หลิวก้มลงแล้วพูดว่า “ร้านผ้านี้ไม่ใช่ว่าเป็นข้าน้อยหรอกหรือขอรับที่ดูแลอยู่! วันนี้ฮูหยินอยากได้สิ่งใด? จริงสิ ที่นี่มีชาดทาแก้มสินค้าใหม่อยู่ ท่านอยากดูหรือไม่?

ฮูหยินนายอำเภอเชิดคางขึ้น ยิ้มเยาะไม่สนใจเถ้าแก่หลิว นางก้าวเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ตะโกนเสียงดังว่า

“ในเมื่อข้ามาแล้วก็จงโผล่หน้าออกมา เหตุใดถึงยังไม่ออกมาอีก?”

………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แสดงว่าพี่รองต้องเป็นผู้ชายหน้าสวยคนหนึ่งแน่ ๆ ถึงได้มีเสน่ห์ดึงดูดทั้งชายทั้งหญิง

ฮูหยินนายอำเภอมาหาเรื่องถึงร้านเลยเหรอคะ ควรไปจัดการกับสามีตัวเองก่อนไหม

ไหหม่า(海馬)