มันยากเกินที่จะหายใจ หัวใจของเขาเต้นรัวมากราวกับจะระเบิดออกมา แขนและขาของเขาเริ่มรู้สึกหนักราวกับมันกลายเป็นตะกั่ว
แต่ชายคนนั้น ฮิวโก้ กราฟตัน ก็ไม่หยุดวิ่งแต่อย่างใด เนื่องจากสิ่งที่อยู่ด้านหลังของเขา มันคือเหตุผลที่ทำให้เขาหยุดไม่ได้
ฝูงตุ่นสว่านกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กรงเล็บของมันที่ตะกุยพื้นวิ่งตรงเข้ามาจนเศษฝุ่นคละคลุ้งไปทั่ว จำนวนของพวกมันมีไม่ต่ำกว่า 20 ตัว ถ้าพวกมันตัวเท่าฝ่ามือหรือแค่ตัว 2 ตัว ฮิวโก้คงหาทำทางพอทำอะไรได้บ้าง แต่ด้วยจำนวนขนาดนี้และเขาก็ไม่ได้เก่งกาจถึงขนาดจะรับมือกับจำนวนเท่านี้ไหว ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากใช้พลังทั้งหมดในการหนีอย่างเดียว เพราะถ้าหากพวกมันไล่ตามเขาทัน เขาคงได้ไปเข้าเฝ้าพระเจ้าอย่างแน่นอน
ขณะที่เขากำลังวิ่ง เขาทุ่มแรงทั้งหมดไปที่ขาที่กำลังสับตีนแตกราวกับพร้อมที่จะพันกันทุกเมื่อ แถมยังเหวี่ยงแขนอย่างบ้าคลั่งเพื่อเสริมแรงให้วิ่งได้ไวขึ้น
เอาจริงๆ ด้วยความเร็วของเขาตอนนี้ คงสลัดพวกมันหลุดได้ง่ายๆไปนานแล้ว ถ้าทางที่วิ่งเป็นเส้นตรงล่ะนะ แต่ด้วยเส้นทางที่ซิกแซกไปมามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะสามารถวิ่งได้อย่างคล่องตัวแถมเจ้าพวกที่ไล่ตามนั้นคุ้นชินกับสถานที่เป็นอย่างดี
ส่วนเหตุผลที่ทำให้ฮิวโก้ต้องมาตกอยู่ในสภานการณ์เช่นนี้นั้นเหตุเกิดเพราะความโลภของตัวเขาเองทั้งนั้น
ในส่วนลึกของซากปรักหักพังแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยห้องเล็กๆมากมายนับไม่ถ้วน บังเอิญว่าเขาพบห้องๆหนึ่งที่ภายในนั้นมีหีบสมบัติอยู่ และมอนเตอร์เพียงตัวเดียวที่อยู่ในห้องนั้นคือตุ่นสว่าน ซึ่งตอนนั้นเขาคิดว่าแค่ตัวเดียวไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แถมรางวัลก็อยู่ตรงหน้านั้นแล้ว เขาจึงไม่รอช้าลงมือทันที แต่ทว่าก่อนที่มอนเตอร์ตัวนั้นจะตาย มันได้ร้องเรียกเพื่อนของมัน และในตอนนั้นก็มีตุ่นสว่านปรากฎขึ้นอีก 3 ตัว
ถ้าฮิวโก้ตัดสินใจหนีไปตั้งแต่แรกเรื่องคงไม่ลงเอยแบบนี้
ความจริงคือตอนนี้ฮิวโก้ก็อยากจะหนีเต็มแก่แล้ว แต่ทว่า เจ้าพวกตุ่นสว่านที่โผล่เข้ามานั้นอยู่ระหว่างทางหนีออกจากห้องซึ่งเป็นทางออกเดียวของเขา ที่แย่ไปกว่านั้นดูเหมือนว่าพวกมันจะอยู่ในสภาพใกล้ที่จะคลุ้มคลั่ง นั้นหมายความว่าเวลาใกล้หมดลงแล้ว
ถึงกระนั้น ฮิวก็ก็สามารถจัดการพวกมัน 2 ตัวลงได้ แต่ในตอนที่ศัตรูเหลือเพียงตัวเดียว ฮิวโก้เขากลับลังเลและมีความคิดที่จะหนี นั้นเพราะในเวลานี้ตุ่นสว่านเหลือเพียงตัวเดียว แถมเขาก็บาดเจ็บ แม้จะไม่โดนเข้าจังๆ แต่เขาก็โดนพวกมันโจมตีไปหลายต่อหลายครั้ง แถมแรงก็ใกล้จะหมด เขาเลยคิดว่าถ้าหนีเสียตั้งแต่ตอนนี้อาจมีโอกาสรอดมากกว่า
เหตุผลอีกอย่าง เจ้าตุ่นสว่านตัวที่เหลืออยู่เข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่งไปแล้ว มีโอกาสสูงที่มันจะร้องเรียกพรรคพวก ซึ่งถ้ามันเกิดเรียกขึ้นมาจริงๆ ทั้งโอกาสชนะและโอกาสหนีรอดไปของเขาก็แทบจะเป็น 0 นี่คือเหตุผลทั้งหมดที่ฮิวโก้คิดว่าควรจะหนีดีกว่า แต่ในขณะที่เขากำลังลังเล เจ้าตุ่นสว่านก็ส่งเสียงร้องดังลั่น นั้นคือสัญญาณร้องเรียกพวกของมัน
[ ชิบหาย! นี่ตูมัวลังเลอะไรฟร่ะ ? หนีสิวะหนีโว้ยยย!!!!! ] – ฮิวโก้
แม้ฮิวโก้จะพูดขึ้นมีเสียงดังเพื่อเรียกสติตัวเอง แต่มันก็สายเกินไปแล้ว นั้นเพราะทันทีที่เขาออกมาจากห้องเล็กนั้นได้ ตุ่นสว่านจำนวนมากมายก็โผล่ออกมาจากทุกทิศทุกทาง และตั้งแต่ฉากนี้เป็นต้นไป สถานการณ์ก็กลายเป็นเกมแห่งการไล่ล่า โดยมีชีวิตของฮิวโก้เป็นเดิมพัน
ในขณะที่สามารถเอาฝ่าฟันตัวรอดจากการถูกเล่นงานโดยเหล่ามอนเตอร์ ในที่สุดเขาก็พบกับทางออกที่พาเขาไปสู่พื้นที่เปิดโล่ง
[ โอ้ววววววววววววววว! ] – ฮิวโก้
ด้วยระยะห่างเพียงเส้นผม กรงเล็บที่โจมตีเข้ามานั้นเขาหลบมันไปได้อย่างเฉียดฉิวด้วยการพุ่งทะยานออกไปยังทางออก และกลิ้งคลุ้กๆลงที่พื้น
เขากลิ้งไปตามพื้นที่ดูเหมือนจะมีหินโผล่ยื่นออกมาจากบนพื้นดินหลายต่อหลายจุด ทำให้เกิดบาดแผลไปทั่วทั้งแขนและขาของเขา และในที่สุดร่างของเขาก็หยุดลงเมื่อกลิ้งไปชนกับก้อนหินขนาดใหญ่นก้อนหนึ่งที่บริเวณท้องของเขา
[ อั๊กก ] – ฮิวโก้
แรงกระแทกนั้นแทบจะทำให้อากาศภายในปอดของเขาถูกดันออกจนหมดในคราวเดียว และด้วยความเจ็บปวดที่ได้รับ ทำให้ลมหายใจของเขาติดๆขัดๆ เขาเริ่มมึนหัว การมองเห็นของเขาเริ่มพร่ามัวเนื่องมาจากสมองเริ่มขาดอ๊อกซิเจน ร่างกายก็แทบจะไม่มีแรงเหลือ แต่ว่าเขาต้องรีบลุกขึ้น รีบหนีทันที แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น
เขาฮึดสู้จนสามารถพยุงร่างขึ้นมานั่งได้ แต่ภาพที่ฮิวโก้เห็นกลับเป็นเหล่าตุ่นสว่านที่อยู่ล้อมรอบตัวเขา และกำลังเยอะขึ้นเรื่อยๆ
[ บ้าเอ๊ย … ] – ฮิวโก้
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถเอาชนะหรือหนีรอดไปได้
เขารู้ดีว่างานของนักผจญภัยนั้นเต็มไปด้วยอันตราย และเขาเองก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่เขาก็ไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงจริงๆ เขาไม่คิดว่าความตายจะมาเยือนเขาเร็วถึงเพียงนี้
และนั้นคือตอนที่ฮิวโก้กำลังจะตัดใจยอมแพ้
ทันใดนั้นก็มีแสงวาบเป็นเส้นตรงตัดผ่านภายใต้บรรยากาศมืดสลัวๆของซากปรักหักพัง มันไม่ได้ฉูดฉาดแต่อย่างใด มันเป็นแสงสีขาวที่รวดเร็ว คมชัด และเพียงแว๊บเดียวเท่านั้น
หลังจากแสงนั้นหายไป มีเพียงสิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงนั้นคือที่ที่เคยว่างตรงหน้าของเขากับเจ้าพวกตุ่นสว่านกับมีร่างๆหนึ่งปรากฎ คนๆหนึ่งที่กำลังสวมอยู่ในชุดผ้าคลุมทั้งตัวและหันหลังให้กับเขา นั้นเลยทำให้ฮิวโก้ไม่สามารถเห็นใบหน้าของคนๆนั้นว่าเป็นอย่างไร แต่หากดูๆจากรูปร่าง เขาพอเดาๆได้ว่าคนๆนี้เป็นผู้ชาย
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เวลาที่เขามัวแต่คิดกับเรื่องไร้สาระเหล่านี้
แต่ทันใดนั้นเอง หัวของตุ่นสว่านตัวหนึ่งที่จู่ๆก็เข้ามาโจมตีชายคนนั้นก็ถูกตัดออกและปลิวออกไป ร่างของมันล้มลงพร้อมกับเลือดที่พุ่งโปรยไปทั่วบริเวณ แต่ชายคนนั้นกลับไม่ขยับร่างเลยสักนิด เขายืนอาบฝนเลือดโดยไม่ขยับเลยแม้แต่ก้าวเดียว
[ ถ้านายไม่อยากมาร่วมแจมด้วย ก็คลานไปให้พ้นๆซะ ] – ???
ถึงฮิวโก้อยากจะทำอย่างที่ชายคนนั้นว่าถึงเพียงไหนแต่เขาก็ไม่สามารถขยับไปไหนได้ ดังนั้นนี่ถือเป็นคำเตือนที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี แต่ทว่าหลังจากนั้นไม่กี่วิ ชายคนนั้นก็แสดงเหตุผลเบื้องหลังคำพูดของเขา
เมื่อได้เห็นพรรคพวกของตนถูกสังหารลงต่อหน้า เหล่าตุ่นสว่านต่างแห่กันพุ่งเข้าโจมตีชายในชุดคลุมอย่างบ้าคลั่ง
สิ่งแรกที่ฮิวโก้เห็นคือ แขนที่หลุดลอยออกไป แขนของตุ่นสว่านที่มีกรงเล็บลอยหมุ่นติ้วๆผ่านหัวของเขาไปพร้อมกับสาดเลือดไปทั่ว
มันเป็นภาพที่แปลกประหลาดสำหรับเขา นั้นเพราะ ทำไมผลลัพธ์ของมันถึงมาก่อน? แล้วกระบวนการที่ทำให้ฉากนี้เกิดขึ้นหายไปไหน ?
ดูเหมือนว่าแขนขวาของตุ่นสว่านที่พุ่งเข้ามาโจมตีนั้นถูกตัดออกทันที ซึ่งฮิวโก้ก็เดาว่าชายคนนั้นคงลงมือทำอะไรซักอย่าง แต่เขาก็ไม่เลยจริงๆว่าหมอนั้นทำอะไรลงไป
สถานการณ์ที่ฮิวโก้ไม่เข้าใจนั้น ค่อยๆเกิดขึ้นกับตุ่นสว่านๆทีละตัวทีละตัว โดยทิ้งฮิวโก้งงเป็นไก่ตาแตกอยู่คนเดียว
ตัวของมันถูกฟันจนลำตัวขาดครึ่ง เขาสว่านของมันที่ภาคภูมิใจถูกผ่าเป็น 2 ซีก กว่าฮิวโก้จะรู้สึกตัว ก็มีการฟันเกิดขึ้นมากกว่าหลาย10 ไม่สิหลายร้อยครั้ง
สิ่งเดียวที่ตุ่นสว่านตัวนั้นสามารถเป็นได้นั้นคือเหยื่อ และตายลงโดยไม่สามารถขัดขืนได้เลยแม้แต่น้อย
ชายในชุดคลุมคนนั้นที่เป็นเจ้าของการโจมตีอันดุเดือดเมื่อสักครู่ควรอยู่ตรงนี้กลับหายไปแล้ว ทั้งความเร็วในการโจมตีและการเคลื่อนที่ของเขาเร็วเกินกว่าสายตาของฮิวโก้จะตามได้ทัน แม้ว่าภายในซากปรักหักพังจะทั้งมืดและทัศวนวิสัยการมองเห็นไม่ค่อยชัด แต่ไม่มีทางที่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นได้หากเพียงแค่ชายคนนั้นแค่เร็วกว่าฮิวโก้
หรือก็คือ ชายในชุดคลุมคนนั้นแข็งแกร่งกว่าฮิวโก้ไปหลายขุม
[ เฮ้ย ตายรึยัง ? ] – ???
แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ แต่ภาพที่ปรากฎตรงหน้าก็ทำให้ฮิวโก้สตันไปหลายวิ กว่าฮิวโก้จะได้สติก็ต่อเมื่อได้ยินเสียงเรียกของชายในชุดคลุมคนนั้นที่พึ่งจะทำลายล้างฝูงตุ่นสว่านกว่า 20 ตัวในเวลาไม่ถึงนาที แล้วทำไมหมอนี่ถึงถามว่าเขาตายหรือยังแทนที่จะถามว่าเป็นอะไรรึปล่าว ?
[ ยะ-ยังไม่ตาย ข้าโอเค นายช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ] – ฮิวโก้
ในขณะที่ตอบคำถามกลับไปเพื่อยืนยันว่าเขาไม่เป็นอะไร เมื่อฟังจากน้ำเสียงของชายในชุดคลุมคนนั้น หมอนี่ยังเด็กอยู่เลย เขาอาจจะเด็กกว่าฮิวโก้มากเลยด้วยซ้ำ แถมใบหน้าของเขายังมองเห็นได้ไม่ชัดเท่าไหร่นักเพราะชุดคลุมที่เขาสวมบดบังเอาไว้อยู่ แต่ทันทีที่ชายคนนั้นหันมามองฮิวโก้ เขาก็แข็งทื่อไปชั่วขณะ อย่างไรก็ตาม มันเป็นเพียงแว๊บเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็ถามกับฮิวโก้ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
[ งั้นเหรอ ? แล้ว มันเกิดอะไรขึ้น ? ] – ???
[กะ-ก็ คือว่า .. ] – ฮิวโก้
ฮิวโก้พบว่าตัวเองหมดคำที่จะพูด นั้นเพราะเหตุที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์คับขันเกิดจากเขาเพิกเฉยต่อกฎพื้นฐานในการสำรวจซากปรักหักพัง และเข้าต่อสู้โดยไม่สามารถจัดการความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ในฐานะนักผจญภัย เขารู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่ง นั้นเพราะเขาไม่เพียงนำปัญหามายังชายหนุ่มคนนี้เท่านั้น แต่ยังนำปัญหามายังนักผจญภัยคนอื่นๆอีกด้วย
แต่ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้เอง ถึงแม้ตอนแรกเขาอาจจะยังสงสัย แต่หลังจากได้เห็นฮิวโก้ลังเลที่จะพูดออกมาจึงทำให้เขาแน่ใจ เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
[ เลี่ยงการต่อสู้ภายในซักปรักหักพังให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็อย่าไล่ต้อนพวกมอนเตอร์จนพวกมันเข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่ง มันคือกฎเหล็กไม่ใช่รึไง ? ] – ???
[ ขะ- ขอโทษ … ] – ฮิวโก้
ฮิวโก้ไม่สามารถทำอะไรได้นอกเสียจากก้มหัวของโทษชายที่อายุน้อยกว่าตน นั้นเพราะไม่ใช่แค่ขอทำเรื่องผิดพลาดอย่างโง่ๆแล้ว มันยังมีโอกาสสูงที่เหตุการณ์จะลุกลามจนกลายเป็นเหล่ามอนเตอร์ทั้งซากปรักหักพังคลุ้มคลั่ง แถมกลิ่นเลือดที่คละคลุ้งอยู่บริเวณนี้อาจล่อให้เหล่ามอนเตอร์ตัวอื่นๆแห่กันมาแถวนี้มากยิ่งขึ้น
ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น มันจึงจำเป็นที่จะต้องรีบกำจัดศพทิ้ง และปิดไม่ให้เข้ามาภายในซากปรักหักพังซักระยะหนึ่ง อาจจะกินเวลาเกือบๆ 1 สัปดาห์ ซึ่งถือเป็นมาตรการป้องกันขั้นพื้นฐานเพื่อเหล่านักผจญภัย แต่ก่อนหน้านั้นต้องเกณนักผจญภัยคนอื่นๆมากำจัดศพเสียก่อน
สรุปสั้นๆก็คือ ฮิวโก้ทำให้นักผจญภัยคนอื่นๆพลอยลำบากไปด้วย
[ หึ ช่างเถอะ ยังไงซะ มันก็ไม่ใช่ปัญหาของชั้น ] – ???
ชายคนนี้ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยซักนิด เขาเอาเท้าเขี้ยศพตุ่นสว่านที่อยู่รอบๆไปให้พ้นทาง และเริ่มเดินบนทางที่ชุ่มไปด้วยเลือดเพื่อไปยังอุโมงค์ที่ฮิวโก้พึ่งจะหนีตายออกมา
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฮิวโก้จึงเข้าไปห้ามชายคนนั้น
[ ดะดะ-เดี่ยวก่อน นายกำลังจะไปไหนน่ะ ?! ] – ฮิวโก้
[ มีบางอย่างที่ชั้นต้องไปจัดการในส่วนลึกของซักปรักหักพัง ] – ???
[ ใช่ เรื่องนั้นใครๆที่มาที่ซากปรักหักพังแห่งนี้ก็กำลังจะไปทำสิ่งที่เหมือนๆกับนายนั้นแหละ แต่ว่าตอนนี้มันอันตรายเกินไปที่จะเข้าไปในส่วนนั้น! ] – ฮิวโก้
ฮิวโก้พยายามยกทั้งเรื่องศพ มอนเตอร์คลุ้มคลั่ง กลิ่นเลือด เพื่ออธิบายว่าการลงไปยังส่วนลึกของซากปรักหักพังมันอันตรายขนาดไหน ซึ่งแค่เขานึกถึงเหตุการณ์หนีเอาตัวรอดของเขาก่อนหน้านี้เขาก็แทบลมจับแล้ว
แต่ทว่า ต่อให้อธิบายอะไรไป ชายคนนั้นกลับตอบกลับมาว่า [ ที่จะพูดมีแค่นี่ใช่มั้ย ? ] คำพูดเหล่านั้นทิ่มแทงเข้าไปในบาดแผลของฮิวโก้อย่างไร้ความปราณี อย่างไรก็ตาม เขาคือคนที่ก่อเรื่อง ดังนั้นเขาจึงพยายามโน้มน้าวชายคนนั้นต่อเพื่อไม่ให้ชายคนนั้นต้องพลอยซวยกับปัญหาที่เขาก่อ
[ ที่ข้าพูดแบบนั้นได้เพราะข้าเจอมากับตัวแล้วไง ดังนั้นข้าจึงไม่อยากให้นายต้องตกอยู่ในอันตรายจากเรื่องที่ข้าก่อ ] – ฮิวโก้
[ หึ น่าเบื่อ แล้วต้องใช้เวลานานขนาดไหนในการกำจัดศพ? แล้วต้องรอนานขนาดไหนกว่าพวกมอนเตอร์จะหายคลุ้มคลั่ง ? ] – ???
[ ก็ ราวๆ 10 วันได้ ] – ฮิวโก้
[ ไร้สาระ ] – ???
[ เดี่ยวซิเห้ย! มันอันตรายจริงๆนะ ! ] – ฮิวโก้
[ มันอันตรายแค่สำหรับพวกงั้งอย่างแก แต่สำหรับชั้น มันก็เหมือนกับการเดินเล่นในสวน ] – ???
หมอนี่เอาความมั่นใจมากมายขนาดนั้นมาจากไหน ? แต่พอนึกถึงฉากที่ชายคนนี้ละเลงเลือดเหล่าตุ่นสว่านเป็นว่าเล่นเมื่อซักครู่ เขาก็นึกภาพชายคนนี้จะตายง่ายๆไม่ออกเลย
แต่นั้นไม่ได้หมายความฮิวโก้จะยอมรับเส้นทางที่ชายคนนี้กำลังจะเลือกได้ นั้นเพราะความแข็งแกร่งไม่ใช่สิ่งเดียวที่นักผจญภัยควรจะมี
[ มันไม่ได้มีแค่เหล่ามอนเตอร์เพียงอย่างเดียวที่เป็นอันตรายเสียหน่อย มันยังมีทั้งกับดัก ปริศนา ที่หากไม่ถูกไขก็จะไม่สามารถผ่านไปได้ และอื่นๆอีก นั้นคือเหตุผลที่ทำให้การสำรวจซากปรักหักพังถึงใช้เวลายาวนาน ดังนั้นพวกเราจึงควรรอให้สถานการณ์โดยรวมเหมาะสมเสียก่อน เพื่อไม่ทำให้สูญเสียแรงกายและทรัพยากรโดยไม่จำเป็น ] – ฮิวโก้
[ … อืม มันก็ฟังขึ้นอยู่แฮะ ] – ???
แม้ฮิวโก้จะคิดว่าสิ่งที่เขาพึ่งพูดออกไปมันคงไร้ประโยชน์ที่จะห้ามชายคนนี้ แต่ทว่าหมอนี้กลับยอมเชื่อฟังอย่างง่ายๆ ในขณะที่รู้สึกโล่งใจ และกำลังจะเสนอว่าให้ถอยไปตั้งหลักที่ด้านบนชั่วคราวพร้อมกับรายงานเรื่องนี้ให้คนอื่นๆทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในซากปรักหักพัง แต่ทว่าไหล่ของเขากับถูกคว้าเอาไว้ก่อนโดยชายคนนี้
[ ถ้างั้น นายก็มากับชั้นซะ คงนำทางให้ชั้นได้ใช่มั้ย ? ] – ???
[ … เอ๊ะ ? อะไรนะ!? ] – ฮิวโก้
“ทั้งๆที่หมอนี่ตัวเล็กกว่าข้า แต่กลับเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะ ?” ขณะที่กำลังคิดเช่นนั้น ฮิวโก้ที่ร่างกายกำยำและสูงเกือบ 185 ซม. กับถูกชายคนนี้ลากไปดื้อๆอย่างง่ายๆโดยไม่สามารถขัดขืนใดๆได้เลย
[ นายจะเสียงดังทำไม มันหนวกหู ] – ???
[ ก็ต้องเสียงดังซะฟร่ะ !! ถ้าไม่เสียงดังจะให้ทำอะไร?! ที่นายพึ่งพูดมันฟังดูราวกับจะพาข้าไปตายชัดๆ!! ] – ฮิวโก้
[ นายก็พึ่งรนหาที่ตายมาหยกๆเมื่อตะกี้ ดังนั้นหากเรื่องนี้จะทำให้นายตายจริงๆ มันก็ไม่ต่างกันมากหรอก เพราะยังไงซะนายก็ไปรนหาที่ตายเองทีหลังอยู่ดี ] – ???
[ เหตุผลอะไรของเอ็งฟร่ะ มันฟังขึ้นที่ไหน ? … แล้วเจ้าพวกนี้เป็นใครกันเห้ย ?! ] – ฮิวโก้
ก่อนฮิวโก้จะรู้สึกตัว ก็มีคน 2 คนปรากฎขึ้นที่ด้านหลังของเขา ใบหน้าของพวกเขาทั้งคู่ถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าคลุมเช่นเดียวกับชายคนนี้ สถานการณ์ที่น่าขนลุกนี้มันอะไรกัน เขาถูกคน 3 คนที่ไม่รู้ที่มาที่ไปล้อมรอบและลากตัวไป
[ เด็กถือสัมภาระของชั้น ] – ???
[ อ้อ เพื่อนร่วมทางของนายนี่เอง … โย่ว ข้าฮิวโก้ พวกนายทั้งคู่คงลำบากแย่สินะ ที่ต้องมีเจ้านายจอมเผด็จการแบบนี่ ] – ฮิวโก้
ฮิวโก้เรียกชายที่พึ่งช่วยเขาไว้ว่าเจ้านายจอมเผด็จการ อย่างไรก็ตาม 2คนที่ถูกเรียกเด็กถือสัมภาระกลับไม่มีปฎิกิริยาใดๆ พวกเขาเอาแต่นิ่งเงียบ และในที่สุดฮิวโก้ก็ไม่สามารถทนต่อความเงียบได้ไหวอีกต่อไป เขาจึงถามขึ้นอีกครั้ง
[ … เฮ้ พวกเขาไม่ค่อยพูดเลยเนอะ ว่ามั้ย ? ] – ฮิวโก้
[ แน่นอน เพราะพวกเขาไม่ได้มีฟังก์ชั่นสำหรับการใช้สื่อสาร ] – ???
[ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันฟร่ะ ? พวกแกทั้งหมดเป็นแก๊งสยองขนหัวลุกรึไง ] – ฮิวโก้
หลังจากรวบรวมข้อมูลต่างๆที่ชายคนนี่บอกกับเขา ไม่ว่าฮิวโก้จะมองมุมไหน เพื่อนร่วมทางของชายคนนี้ก็เป็นพวกไม่ปกติเช่นเดียวกันกับหมอนี่
ชายคนนี้ที่ไม่รู้ที่มาที่ไปที่มาพร้อมกับความแข็งแกร่งเกินจะจินตนาการแต่ไม่ฟังคำพูดคนอื่น และ2คนรับใช้ที่น่าขนลุกและไม่สามารถสื่อสารด้วยคำพูดได้ ฮิวโก้ถูกบีบบังให้ต้องเข้าร่วมปาร์ตี้แปลกๆที่เขาไม่สามารถใช้คำพูดสื่อสารกับใครในปาร์ตี้ได้เลย สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือสาปแช่งพระเจ้าที่เขาไม่เชื่อว่าจะมีตัวตนจริงๆรึปล่าวเสียด้วยซ้ำที่ทำให้เขาต้องเผชิญกับวันที่เรียกได้ว่าน่าจะเลวร้ายที่สุดในชีวิตของเขา