ตอนที่ 71 คู่แข่งความรักปรากฏตัว

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 71 คู่แข่งความรักปรากฏตัว

ตอนที่ 71 คู่แข่งความรักปรากฏตัว

หู่จื่อไม่เข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง จึงพูดว่า “อาสาม ผมของผมสั้นกว่าอาอีก น้าเซี่ยเซี่ยบอกว่าเธอจะตัดผมให้ในวันที่ 2 เดือน 2 ตรงกับวันมังกรเชิดหัว หรือเราสองคนค่อยให้เธอตัดผมพร้อมกันเลยก็ได้”

“อืม”

หู่จือปีนขึ้นไปบนเตียงของเฉินเจียวั่ง จากนั้นก็พูดคุยเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับชนบท

เฉินเจียวั่งฟังด้วยความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้ยินหู่จื่อเล่าถึงตอนที่ไปจับกระต่ายบนภูเขา ดวงตาที่เศร้าหมองของเขาก็เปล่งประกาย

อย่างไรก็ตาม เฉินเจียเหอคิดว่าเขาอาจพูดเจื้อยแจ้วเสียงดังจนรบกวนพักผ่อนของเฉินเจียวั่ง จึงบอกให้เขาออกไปก่อน “ออกไปเล่นข้างนอกก่อนเถอะ อย่าลืมปกป้องน้าเซี่ยเซี่ยของลูกด้วย”

โจวลี่หรงได้ยินว่าเป็นเฉินเจียซิ่งที่ทำให้เฉินเจียวั่งโกรธจนล้มป่วย จึงเรียกเฉินเจียซิ่งเข้ามาในห้อง แล้วสั่งสอนบทเรียนเขาว่า “เจียซิ่ง ในโลกนี้แกจะทำร้ายใครก็ได้ทั้งนั้น แต่เจียวั่งเป็นน้องชายของแก แกก็รู้ว่าสุขภาพเขาไม่ค่อยจะดี แล้วยังคิดจะทะเลาะกับเขาอีกเหรอ? แกอยากฆ่าเขาหรือไง?”

เมื่อเฉินเจียซิ่งเห็นว่าโจวลี่หรงโกรธ เขาก็โต้กลับเพื่อปกป้องตัวเอง “แม่ แม่ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเรื่องราวจริง ๆ เป็นยังไง แม่ก็มาด่าผมซะแล้ว”

“ฉันกับเสี่ยวเหมยแค่บอกพ่อว่าหลินเซี่ยเป็นคนไม่ดี หล่อนไม่ดีพอสำหรับพี่ใหญ่ และไม่คู่ควรที่จะแต่งเข้าบ้านของเรา ใครจะรู้ว่าเจียวั่งมาได้ยินเข้าแล้วจะไม่พอใจ พวกเรายังไม่ทันทะเลาะกันเลย เขาก็ล้มชักลงไปซะแล้ว”

พอเฉินเจียซิ่งพูดแบบนี้ ที่จริงเขาก็รู้สึกผิดไม่แพ้กัน น้องชายคนเล็กของเขาเป็นเหมือนกระดาษบาง ๆ แผ่นหนึ่ง ไม่สามารถรับคำตำหนิหรือดุด่าได้ แค่พูดถึงพี่ใหญ่ของเขาในทางที่ไม่ดี ก็เป็นการกระตุ้นอีกฝ่ายได้เหมือนกัน

โชคดีที่น้องชายคนนี้ย้ายมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านของปู่กับย่าตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมา ถ้าเขาอยู่ที่บ้านร่วมกับพวกเขาตลอดเวลา สองพี่น้องอาจพูดคุยอะไรกันไม่ได้เลย

โจวลี่หรงไม่คาดคิดว่าแม้แต่เฉินเจียวั่งก็ยังเข้าข้างเฉินเจียเหอ

หล่อนถูขมับของตัวเองด้วยความเหนื่อยล้า

หลินเซี่ยนั่งอยู่บนโซฟา พูดคุยกับคุณย่าเฉิน

ระหว่างการสนทนา มีแค่คุณย่าเฉินเท่านั้นที่ถามไถ่เรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับเธอและเฉินเจียเหอ คนอื่น ๆ ได้แต่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ ไม่พูดคุยกันเลยด้วยซ้ำ

นาน ๆ ครั้งก็หยิบผลไม้ตรงหน้าเข้าปาก

บรรยากาศน่าหดหู่มากจริง ๆ การอยู่ท่ามกลางครอบครัวใหญ่แบบนี้เดิมทีก็รู้สึกกดดันพออยู่แล้ว ยิ่งเมื่อในครอบครัวมีผู้ป่วย ทุกคนจึงตกอยู่ในความวิตกกังวล ทำให้น่าหดหู่มากขึ้นไปอีก

ตอนนี้เองที่หลินเซี่ยตระหนักถึงช่องว่างระหว่างตัวเธอกับเฉินเจียเหอ

การคัดค้านของโจวลี่หรงใช่ว่าไม่มีเหตุผลเสียทีเดียว

วันนี้เธอยังไม่เจอเสิ่นเสี่ยวเหมย ถ้าผู้หญิงคนนั้นริเริ่มสร้างปัญหาในสถานการณ์อึดอัดแบบนี้ เธอคนเดียวคงไม่สามารถต่อสู้กลับได้ และต้องแบกรับผลที่อาจเกิดขึ้น

ในที่สุดเมื่อเฉินเจียเหอคุยกับน้องชายเสร็จเขาก็ลงมาจากชั้นบน หลินเซี่ยถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ทั้งครอบครัวนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น

ผู้เฒ่าเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวดจริงจัง “เราจะทำยังไงกับอาการป่วยของเจียวั่งดี? คงปล่อยให้เขาเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ ถ้าเขาถูกอะไรมากระทบจิตใจบ่อย ๆ อนาคตของเด็กคนนี้ต้องถูกทำลายแน่”

เฉินเจิ้นเจียงก็มีสีหน้าเศร้าใจเช่นเดียวกัน “โรงพยาบาลใหญ่ ๆ ทั้งหมดที่สามารถรักษาได้เราก็ไปมาหมดแล้ว ผมเคยคิดว่าวิธีให้ยาคงควบคุมโรคได้ ไม่นึกเลยว่าต่อให้กินยาอาการก็อาจกำเริบขึ้นอีกครั้ง”

“ถ้าหมอแผนปัจจุบันรักษาไม่หาย งั้นก็ลองไปหาหมอแผนจีนกันเถอะ” ผู้เฒ่าเฉินพูด “ฉันจำได้ว่าสมัยอยู่ที่ปินเฉิง เพื่อนเก่าคนหนึ่งของฉันเคยเข้ารับการรักษากับแพทย์แผนจีน ทั้งยังได้ตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ จะได้ลองให้ใครสักคนไปสืบว่าตอนนี้หมอคนนั้นอยู่ที่ไหน”

เมื่อโจวลี่หรงและคนอื่น ๆ ได้ยินแบบนี้ สีหน้าของพวกเขาก็สดใสขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่ามองเห็นความหวัง

“อย่างนั้นก็เถอะ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หมอคนนี้ก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย เกรงว่าอาจจะตามหาเขาได้ยาก”

หลังจากที่ผู้เฒ่าเฉินพูดจบ เขาก็ถอนหายใจอย่างอ่อนแรง “เจียวั่งอายุยี่สิบเอ็ดแล้ว แต่ใช้ชีวิตแบบปกติทั่วไปไม่ได้จนถึงตอนนี้ สภาพจิตใจของเขาคงจวนแตกสลายเต็มที ถ้าเราไม่รีบหาทางช่วยรักษาเขา ไม่รู้เลยว่าอีกหน่อยจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้บ้าง”

หลินเซี่ยถึงกับหายใจไม่ออกขณะที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ

สภาพจิตใจจวนแตกสลาย….

นั่นหมายความว่าอาจถูกความสิ้นหวังครอบงำได้ตลอดเวลา

ผู้เฒ่าเฉินมองดูโจวลี่หรงด้วยสีหน้าไม่สู้ดี วิพากษ์วิจารณ์หล่อนว่า “ลี่หรง ครั้งนี้เธอไม่ควรกลับไปชนบทเลย ตัวเองเป็นแม่แต่กลับไม่มีความรับผิดชอบต่อลูก ต้องโทษความประมาทเลินเล่อของเธอที่ทำให้ลูกบาดเจ็บทางสมองจนต้องเป็นแบบนี้ แล้วยังไม่รู้จักอยู่ดูแลเขาให้ดีอีก”

โจวลี่หรงก้มหน้างุดเพื่อยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง “คุณพ่อ ฉันผิดไปแล้วค่ะ”

เมื่อผู้เฒ่าเฉินตำหนิโจวลี่หรง เฉินเจิ้นเจียงก็ปกป้องภรรยา “พ่อ อย่าพูดถึงเรื่องในอดีตเลยครับ”

“อดีตอะไร? มันเป็นเรื่องในอดีตตรงไหน? เจียวั่งต้องเจ็บปวดกับอาการป่วยซ้ำแล้วซ้ำเล่า นานวันก็ยิ่งมีบุคลิกเก็บตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้เขาไม่มีความกล้าพอจะกลับไปเข้าสังคมอีกแล้ว แกไม่รู้สึกร้อนใจเลยหรือไง?”

ผู้เฒ่าเฉินเริ่มมีอารมณ์ ตบที่วางแขนของเก้าอี้ไม้ต้นหลี่ใต้ฝ่ามือแรง ๆ “ได้ยินมาว่าพวกเธอยังพยายามจะบงการการแต่งงานของเจียเหอให้ได้ เขาจะสามสิบอยู่แล้ว จะไม่มีความคิดอ่านเป็นของตัวเองเลยเชียวเหรอ? ทำไมถึงต้องไปแทรกแซงการตัดสินใจของเขา?”บราวนี่ออนไลน์

โจวลี่หรงถูกตำหนิและยังคงนิ่งเงียบ

เฉินเจียเหอเห็นว่าปู่ของเขากระวนกระวายใจ จึงยกถ้วยชาให้เขา แล้วพูดว่า “คุณปู่ พวกเราค่อยหาวิธีรักษาเจียวั่งด้วยกันก็ได้ครับ”

หลินเซี่ยมองครอบครัวของสามีด้วยใบหน้าเศร้าหมอง พูดเสนอขึ้นมาเบา ๆ “ถ้าโรคลมบ้าหมูที่เขาเป็นอยู่เกิดจากอาการบาดเจ็บทางสมอง ดูเหมือนว่าการผ่าตัดจะสามารถรักษาให้หายขาดได้”

“ผ่าตัด?” สมาชิกตระกูลเฉินทุกคนมองมาที่เธอ

เฉินเจิ้นเจียงถามว่า “เธอไปได้ยินเรื่องนี้มาจากใคร? จากคุณหมอเซี่ยหรือเปล่า?”

หลินเซี่ยส่ายหน้า “เปล่าค่ะ หล่อนเป็นแพทย์อายุรศาสตร์อาจไม่รู้เรื่องนี้ ฉันอ่านเจอจากในหนังสือพิมพ์ของต่างประเทศ บอกว่าโรคลมบ้าหมูที่เกิดจากอาการบาดเจ็บทางสมองสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด หลังจากนั้นมีเปอร์เซ็นต์น้อยมากที่จะกำเริบอีก”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย โจวลี่หรงก็ถามอย่างรวดเร็ว “เธอไปเห็นมันจากที่ไหน? เชื่อถือได้ไหม?”

“ในเมื่อมีเอกสารและผลการวิจัยออกมาแบบนี้ ต้องเชื่อถือได้อยู่แล้วค่ะ” หลินเซี่ยตอบ “คุณจะลองเอาเรื่องนี้ไปสอบถามผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือก็ได้ ถ้าเทคโนโลยีในประเทศยังไม่ก้าวหน้า งั้นลองถามผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศดู ต้องมีทางออกแน่ค่ะ”

ผู้เฒ่าเฉินพยักหน้า “ได้ ไว้ค่อยไปสอบถามดู ทางฉันจะตามหาที่อยู่ของหมอแผนจีนผู้เฒ่าคนนั้น ส่วนพวกเธอก็ไปปรึกษากับหมอแผนตะวันตกดูว่าสามารถรักษาโดยการผ่าตัดได้หรือเปล่า”

ผู้เฒ่าทั้งสองคนบอกว่าเมื่อคืนนี้พวกเขานอนไม่หลับ ทั้งยังเหนื่อยอ่อนมาก จึงอยากกลับเข้าห้องเพื่อนอนพักผ่อน เฉินเจียเหอบอกกับพวกเขาว่าตนก็จะกลับไปอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์สวัสดิการของโรงงาน

ผู้เฒ่าเฉินบอกว่า “นอนค้างที่นี่ก่อน วันทำงานค่อยกลับไปก็ได้นี่”

“คุณปู่ พวกเรายังต้องกลับไปจัดระเบียบบ้าน ที่นั่นไม่มีคนอยู่มานานแล้ว ต้องไปทำความสะอาดสักหน่อย”

“งั้นก็ไปเถอะ”

ผู้เฒ่าเฉินโบกมือ ไม่คิดจะรั้งเฉินเจียเหอไว้ จากนั้นก็กลับขึ้นไปนอนพักผ่อนในห้องของตัวเอง

เฉินเจิ้นเจียงมองไปที่เฉินเจียเหอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ถ้าอย่างนั้นแกมาที่นี่ทำไมแต่แรก? แวะเยี่ยมญาติแค่นั้นเหรอ?”

เฉินเจียเหอแสดงทีท่าเฉยเมย “ผมมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว ทำไมต้องมาอัดแน่นอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ?”

ก่อนที่พวกเขาจะมีเวลาลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก เสิ่นเสี่ยวเหมยก็เดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวที่แต่งตัวทันสมัย

ผู้หญิงคนนั้นสวมเสื้อคลุมขนสัตว์ แต่งหน้าอย่างวิจิตรบรรจง ปลายผมม้วนงุ้มเข้า สำหรับยุคนี้ถือเป็นแฟชั่นที่นำสมัยมาก

ทันทีที่หลินเซี่ยเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นผู้หญิงแต่งตัวเหมือนชาวต่างชาติเดินเข้ามา สายตาก็วูบไหวเล็กน้อย จำได้อย่างรวดเร็วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

ถังหลิง

ที่แท้รักแรกของเฉินเจียเหอที่เสิ่นเสี่ยวเหมยพูดถึงก็คือถังหลิงเองน่ะเหรอ

เรื่องไร้สาระทั้งเพ

เมื่อเสิ่นเสี่ยวเหมยเห็นหลินเซี่ย มุมปากของหล่อนก็โค้งเป็นรอยยิ้มแสยะ หลบไปยืนอยู่ข้าง ๆ พลางยกมือขึ้นกอดอกรอชมการแสดงดี ๆ

ทันทีที่ถังหลิงเข้ามา หล่อนก็จ้องมองไปที่เฉินเจียเหอ ก่อนจะบีบเสียงทักทายเหมือนคิดถึงมาก “เจียเหอ คุณกลับมาแล้ว”

เฉินเจียเหอพยักหน้ารับเบา ๆ “อืม”

ถังหลิงยังคงมองหน้าเฉินเจียเหอ ยิ้มและพูดคุยกับเขาด้วยน้ำเสียงที่สนิทสนมคุ้นเคย “ฉันกลับมาที่ไห่เฉิงตอนปลายปี ได้ยินว่าคุณกลับไปเยี่ยมบ้านคุณตาคุณยายตั้งแต่วันแรกที่ฉันกลับมา”

เมื่อเทียบกับความกระตือรือร้นของหล่อน เฉินเจียเหอดูไม่แยแส แทบไม่ใส่ใจที่จะโต้ตอบด้วยซ้ำ

หล่อนมองไปที่หู่จื่ออีกครั้ง แล้วพูดอย่างรักใคร่เอ็นดูว่า “หู่จือโตขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย? ฉันซื้อเสื้อผ้าตัวใหม่กับขนมมาให้ ที่จริงซื้อเก็บไว้ตั้งแต่หลายปีที่แล้ว มาเอาไปลองใส่ดูสิ”

ถังหลิงหยิบเสื้อแจ็กเกตหนังที่มีปกขนสัตว์ออกมาจากกระเป๋าด้วยความคล่องแคล่ว จัดแจงจะสวมให้กับหู่จือ

หู่จือเหลือบมองหลินเซี่ยโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะย่อตัวเข้าไปหาเธอ

เนื่องจากการกระทำของหู่จือ ถังหลิงจึงจ้องมองไปที่หลินเซี่ย

หลินเซี่ยสบตาหล่อน จากนั้นก็แนะนำตัวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เป็นกันเองที่สุด “สวัสดีค่ะ ฉันหลินเซี่ย เป็นภรรยาของเฉินเจียเหอ”

“หลินเซี่ย? อ้อ… นี่หลานสาวของเสี่ยวเหมยไม่ใช่เหรอ?” ถังหลิงมองเธอด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เพิกเฉยต่อการแนะนำตัวว่าเป็นภรรยาของเฉินเจียเหอโดยอัตโนมัติ แต่พยายามเน้นย้ำถึงสถานะหลานสาวของเสิ่นเสี่ยวเหมยแทน

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

น่าสงสารเจียวั่ง การผ่าตัดจะรักษาให้หายขาดได้จริงไหมนะ

นี่น่ะเหรอ…ถังหลิง /มองบน/

ไหหม่า(海馬)

******************